Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2739 หลวงจีนกับหญิงสาว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2739 หลวงจีนกับหญิงสาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2739 หลวงจีนกับหญิงสาว

“อมิตาพุทธ…” จังหวะที่พวกของเฉินเหวยเจิ้งกำลังเตรียมตัวจะออกเดินทาง ปรากฏเสียงคำพระดังขึ้น ในเวลานี้ข้างศาลาพักร้อนปรากฏคนผู้หนึ่งได้ขวางทางเดินของพวกเขาเอาไว้

ผู้ที่ปรากฏอยู่ด้านหน้าทางเข้าศาลาพักร้อนคือหลวงจีนรูปหนึ่ง บนตัวของหลวงจีนรูปนี้ห่มด้วยจีวร จีวรที่อยู่บนตัวมีสีซีดอันเนื่องมาจากผ่านการซักแล้วซักอีก สีจึงออกไปทางสีขาว

แต่ว่า จีวรที่อยู่บนตัวของหลวงจีนรูปนี้ยังคงแลดูเรียบร้อยอย่างยิ่ง เหมือนว่ามีการจัดให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยเป็นพิเศษขณะออกเดินทาง และหรือเป็นเพราะหลวงจีนรูปนี้เป็นผู้ที่คงภาพลักษณ์ที่สะอาดเรียบร้อยตลอดเวลาอย่างนั้น

หลวงจีนรูปนี้ดูไม่ออกถึงอายุของเขา หากบอกว่าเขามีอายุมากแล้ว แต่ว่า ดวงตาคู่นั้นของเขามีลักษณะท่าทางที่สดชื่นเปล่งปลั่ง เหมือนดวงตาของคนหนุ่มที่เพิ่งจะมีอายุยี่สิบขึ้น เปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยพลังชีวิต

หากบอกว่าเขาอายุน้อย คิ้วคู่นั้นของเขาได้กลายเป็นสีขาวเสียแล้ว สีหน้ามีริ้วรอยของกาลเวลาที่เคลื่อนผ่านไป เหมือนว่าเขาได้ผ่านอุปสรรค ผ่านความทุกข์ยากเจ็บปวดของโลกมนุษย์มานับไม่ถ้วน

หลวงจีนลักษณะเช่นนี้ปรากฏอยู่ที่ทางเข้าศาลาพักร้อนและขวางทางไปของพวกเฉินเหวยเจิ้ง คิ้วต่ำพนมมือ ดูไปแล้วเขาแค่เป็นพระธุดงค์ที่มาขอบิณฑบาตเท่านั้น

“พระคุณเจ้า…” เฉินเหวยเจิ้งไม่ต้องการมีเรื่องเมื่อเห็นหลวงจีนรูปนี้ขวางอยู่ตรงบริเวณทางเข้า ประนมมือแสดงความเคารพ และหลีกทางให้กับหลวงจีนได้เดินเข้ามาก่อน

“อมิตาพุทธ สาธุ สาธุ” หลังจากที่หลวงจีนรูปนี้เข้ามาแล้ว ได้พนมมือแสดงความเคารพ และเอ่ยถึงพระนามของพระพุทธเจ้า และกล่าวว่า “ประสก ท่านกับอาตมามาผูกวาสนาต่อกันเป็นไร?”

เฉินเหวยเจิ้งถึงกับตะลึงงันนิดหนึ่งเมื่อฟังคำของหลวงจีนรูปนี้แล้ว จึงหยิบเอาเงินทองจากอกเสื้อยื่นให้กับหลวงจีนรูปนี้ แสดงความเคารพและกล่าวว่า “พระคุณเจ้า รีบเร่งออกจากบ้านมา ไม่ได้ตระเตรียมสิ่งที่จะมาถวายต้องขออภัยด้วย ข้าขอถวายเงินทองเล็กน้อยสำหรับธูปเทียนให้กับวัดของพระคุณเจ้า ขอพระคุณเจ้าโปรดรับเอาไว้ด้วย”

หลวงจีนรูปนี้ไม่ได้รับเงินทองในมือที่เฉินเหวยเจิ้งหยิบยื่นมาให้ ยังคงพนมมือ แววตาดุจดั่งน้ำขึ้นน้ำลงที่ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “อาตมามีวาสนากับประสกท่านนี้ ดังนั้น จึงมาขอผูกวาสนาต่อกัน”

สีหน้าของเฉินเหวยเจิ้งพลันเปลี่ยนไปเมื่อได้ฟังคำของหลวงจีนรูปนี้ ร้องแย่แล้วในใจ หลวงจีนรูปนี้หาใช่มาบิณฑบาต แต่มาเพราะปรมาจารย์ของพวกเขา

“พระคุณเจ้าพูดเล่นแล้ว ท่านปรมาจารย์ของพวกเรา ไม่เคยก้าวออกจากประตูบ้าน” เฉินเหวยเจิ้งรีบเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ตรงกันข้ามกับลู่ยั่วซีที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่นิ่งเงียบอย่างน่าสนใจ ได้เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ผู้อาวุโสเมื่อครู่ก็บอกว่าลูกสาวของบ้านเขามีวาสนากับปรมาจารย์ของพวกเรา จะดองญาติกับปรมาจารย์ของพวกเรา หรือว่าบ้านของท่านก็มีลูกสาวจะแต่งงานกับปรมาจารย์ของพวกเราอย่างนั้นรึ?”

“อะแอ่ม…” คำพูดที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาเช่นนี้ของลู่ยั่วซีทำให้เฉินเหวยเจิ้งรีบส่งเสียงไอกะแอมขึ้นมา ส่งสัญญาณให้นางอย่าพูดอีกต่อไป

ขณะที่พวกของหลี่เจี้ยนคุนอยากจะหัวเราะออกมาแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่อดกลั้นเอาไว้ในใจอย่างเต็มที่

“สาธุ สาธุ” หลวงจีนรูปนี้ก็ไม่ได้โกรธ พนมมือและกล่าวว่า “อาตมาอยู่โดดเดี่ยวผู้เดียว ไม่ได้มีบุตร หากประสกยินดีติดตามอาตมาไป แคว้นโบราณของข้ามีสาวงามมากมายสุดแต่ประสกจะเลือก”

“เรื่องจริงหรือเท็จ?” ลู่ยั่วซีที่เดิมทีไม่อยากพูดพลันรู้สึกแปลกใจยิ่ง จึงกล่าวว่า “แคว้นโบราณของพวกท่านมีสาวงามมากมาจริงๆ รึ?”

“ผู้ออกบวชย่อมไม่มุสา” หลวงจีนรูปนี้กล่าวท่าทีจริงจังว่า “แคว้นโบราณของอาตมามีประชากรนับล้านล้านคน มีสำนักต่างๆ นับสิบล้าน องค์หญิง และธิดาศักดิ์สิทธิ์ล้วนแล้วแต่เป็นหญิงงามที่มีความโดดเด่น นับเป็นหญิงงามของโลกมนุษย์”

“เรื่องดีขนาดนี้ก็มีด้วย” ลู่ยั่วซีถึงกับทำท่าเอียงคอและยิ่งรู้สึกว่ามันประหลาด อดที่จะจ้องมองไปที่ปรมาจารย์ของตน

เมื่อครู่ ผู้อาวุโสผู้นั้นต้องการให้ลูกสาวบ้านตนแต่งงานกับหลี่ชิเย่ให้จงได้ เวลานี้ถึงกับมีหลวงจีนโผล่มารูปหนึ่ง ออกปากก็คือสาวงามของแคว้นโบราณจำนวนมากสุดแต่เขาจะเลือกเอาตามอำเภอใจ มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเหลือเกิน โลกนี้ถึงกับมีวาสนาทางความรักขนาดนี้ได้? มันเป็นการฝันกลางวันชัดๆ เหมือนขนมเปี๊ยะหล่นมาจากฟ้าอย่างนั้น

แม้แต่ศิษย์กลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพวกหลี่เจี้ยนคุน กัวเจียหุ้ยก็มองหน้ากันและกัน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่ว่า เวลานี้ก็คล้ายเป็นขนมเปี๊ยะหล่นมาจากฟ้าพลันหล่นใส่บนหัวของปรมจารย์ของพวกเขาอย่างนั้น

ในบรรดาพวกเขาทั้งหมด มีเพียงเฉินเหวยเจิ้งที่ถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวด แม้ว่าเรื่องราวเช่นนี้ฟังดูคล้ายขนมเปี๊ยะหล่นมาจากฟ้า แต่ ภายในใจของเขาเข้าใจดีว่าคงไม่ได้มาดี ไหนเลยมีของฟรีในโลก

“ไต้ซือมาเป็นผู้เฒ่าจันทราตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” จังหวะที่พวกของกัวเจียหุ้ยต่างรู้สึกแปลกใจอยู่นั้น เสียงที่ใสกังวานดั่งนกขมิ้นเสียงหนึ่งดังขึ้น

พวกของเฉินเหวยเจิ้ง รีบเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ทราบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมายืนอยู่ตรงทางเขาศาลาพักร้อนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ไม่มีใครพบเห็นว่านางไปยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อใด เหมือนว่านางยืนอยู่ตรงนั้นตลอดมา เสมือนดั่งเป็นวิญญาณอย่างนั้น เพียงแต่ไม่มีใครสามารถพบเห็นนางเท่านั้น

ผู้หญิงคนนี้สวมชุดที่หลวมมาก โดยมีผ้าโปร่งบางคลุมร่าง ทำให้มองไม่ออกถึงรูปร่างที่ยอดเยี่ยมของนาง แต่ยังคงสามารถมองเห็นได้เลือนลางถึงรูปร่างที่ยอดเยี่ยมยิ่งซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าโปร่งบางสีเขียว

ผู้หญิงคนนี้ดูลึกลับยิ่งนัก บนศีรษะสวมหมวกทำจากผ้าโปร่งบางสีเขียวขนาดใหญ่ โดยที่หมวกผ้าโปร่งบางสีเขียวขนาดใหญ่ไม่เพียงปิดบังรูปโฉมของนางเอาไว้เท่านั้น แม้แต่ร่างกายค่อนตัวก็ถูกปิดบังเอาไว้เช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ผู้คนมองไปแล้วรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือบุปผาที่ถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก เปี่ยมด้วยความลึกลับ ทำให้ผู้คนไม่สามารถมองเห็นโฉมหน้าของนางได้อย่างชัดเจน

การที่ผู้หญิงลักษณะเช่นนี้พลันปรากฏอยู่ปากทางเข้าศาลาพักร้อน ได้สร้างความตื่นตระหนกอย่างยิ่งให้กับพวกของเฉินเหวยเจิ้ง ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งรู้สึกตกใจ แย่แล้วคราวนี้ ผู้อาวุโสเมื่อครู่จบไป เวลานี้ก็ปรากฏหลวงจีนและผู้หญิงที่ลึกลับโผล่ออกมา นี่เรียกว่าไม่ได้มาดีอย่างแท้จริงนะเนี่ย

“อมิตาพุทธ สาธุ สาธุ” เมื่อหลวงจีนรูปนี้เห็นผู้หญิงคนนี้รีบเร่งแสดงความเคารพเต็มรูปแบบ และกล่าวว่า “ไม่ทราบว่าอาตมาควรเรียกท่านว่ากระไร เรียกท่านว่าศิษย์พี่ หรือเรียกท่านว่าอาจารย์อา”

คำพูดของหลวงจีนผู้นี้พลันทำให้พวกของเฉินเหวยเจิ้งต่างรู้สึกตระหนกยิ่งนัก ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า พวกเขามองออกว่าหลวงจีนรูปนี้อายุไม่น้อย แต่ เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะลำดับชั้นอาวุโสกว่าและตำแหน่งสูงยิ่งกว่า ที่แปลกประหลาดยิ่งกว่านี้ก็คือ พวกเขาทั้งสองไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

“มิกล้า ศิษย์พี่ ได้ยินชื่อเสียงของท่านมาแล้ว” ผู้หญิงที่สวมเป็นผ้าโปร่งบางสีเขียวทั้งชุดโค้งคำนับ และกล่าวช้าๆ ว่า “ไม่นึกเลยว่าลงเขาครั้งแรกก็ได้พบกับศิษย์พี่”

“สาธุ สาธุ ที่แท้คือศิษย์น้อง” หลวงจีนรูปนี้พนมมือ ท่าทางนอบน้อมอย่างยิ่ง และถามไถ่ทุกข์สุขว่า “ท่านบรรพบุรุษสบายดีรึ?”

“ไม่เหมาะที่จะเอ่ยถึง” ผู้หญิงที่สวมใส่ผ้าโปร่งบางสีเขียวเพียงส่ายหน้าเบาๆ

“อมิตาพุทธ” หลวงจีนรูปนี้เอ่ยถึงพระนามของพระพุทธเจ้า แสดงคารวะเต็มรูปแบบไปทางทิศใดทิศหนึ่งจากระยะห่างไกลด้วยท่าทีเคารพนอบน้อมอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นการกราบแสดงความเคารพด้วยความเลื่อมใสยิ่ง คำนับสามครั้งกราบเก้าครั้ง สุดท้ายจึงได้กล่าวว่า “ศิษย์ไม่สามารถได้พบกับท่านบรรพบุรุษอีก วันหน้ารบกวนศิษย์น้องช่วยถามไถ่ทุกข์สุขแทนอาตมาด้วย”

ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวพยักหน้าเบาๆ สายตาตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่

“เขากับข้ามีวาสนาต่อกัน” เวลานี้สายตาของผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวผู้นี้ตกไปอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ

แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นรูปโฉมของผู้หญิงคนนี้ได้ชัดเจน แต่ว่า เมื่อสายตาของนางที่เพ่งไปข้างหน้าลอดผ่านผ้าโปร่งบางสีเขียวนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงนัยน์ตาของนางที่เสมือนดั่งเป็นดาวศุกร์อย่างนั้น งดงามยิ่งนัก

พลันที่ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวผู้นี้พูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้พวกของหลี่เจี้ยนคุนต่างมองหน้ากันและกัน เมื่อครู่ผู้อาวุโสผู้นั้นยังบอกว่าปรมาจารย์ของพวกเขามีวาสนากับลูกสาวตระกูลของพวกเขา จากนั้น หลวงจีนก็บอกว่าปรมาจารย์ของพวกเขากับเขามีวาสนาต่อกัน เวลานี้ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวก็บอกว่ามีวาสนากับนาง

เหมือนว่าปรมาจารย์ของพวกเขากับผู้คนใต้หล้าล้วนมีวาสนาต่อกัน ไปถึงไหนก็คือวาสนา

“หรือว่าท่านก็จะแต่งงานกับปรมาจารย์ของพวกเราอย่างนั้นรึ?” ลู่ยั่วซีที่มีความร่าเริงและคล่องแคล่วปราดเปรียวถึงกับเอามือเท้าค้าง อดที่จะพูดขึ้นมา

“ไม่ ข้าจะรั้งอยู่ข้างกายของเขา เฝ้าดูเข้า” ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวมองดูหลี่ชิเย่

“อมิตาพุทธ” หลวงจีนรูปนี้เอ่ยถึงพระนามของพระพุทธเจ้า พนมมือทั้งสอง จังหวะที่ผู้หญิงเพิ่งจะพูดขาดคำ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ศิษย์น้อง นี่เป็นความคิดของท่าน หรือเป็นความคิดของบรรพบุรุษเล่า?”

ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวมองหน้าหลวงจีน ท่าทางจริงใจและตรงไปตรงมา และกล่าวว่า “เรียนศิษย์พี่ ไม่สะดวกเอ่ยถึงบรรพบุรุษมากนัก ข้าเข้าสู่โลกีย์มนุษย์เพื่อผูกกัมมปัจจัย เขาก็คือกัมมปัจจัยของข้า”

“สาธุ สาธุ ในเมื่อมิใช่ความคิดของท่านบรรพบุรุษ เช่นนั้นก็ดี ก็ดี” หลวงจีนรูปนี้พนมมือ และกล่าวว่า “เกรงว่าอาตมาจะมีความเห็นที่แตกต่างไปจากศิษย์น้อง ประสกกับอาตมามีวาสนาต่อกัน อาตมาจะโปรดเขา และเป็นการส่องสว่างเหล่าไวไนยสัตว์ทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเขาสามชาติ”

“ศิษย์พี่ หรือว่าท่านคิดว่าเขาคือผู้ที่จะมาช่วยชีวิตท่านอย่างนั้นรึ?” ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวมองหน้าหลวงจีนรูปนั้นทีหนึ่ง

“สาธุ สาธุ” หลวงจีนรูปนี้ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “จิตใจของอาตมามีเพียงพุทธะ จิตใจผูกอยู่กับอาณาประชาราษฎร์ โปรดและส่องสว่างให้เหล่าไวไนยสัตว์ทั่วหล้าอย่างเสมอภาค เท่านั้นเอง ข้ากับประสกมีวาสนาต่อกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ประสกตกไปอยู่กับฝ่ายมารสักวัน ป้องกันไม่ให้เป็นภัยต่ออาณาประชาราษฎร์”

คำพูดเช่นนี้ของหลวงจีนพลันทำให้พวกขอวหลี่เจี้ยนคุนมองหน้าซึ่งกันและกัน เหตุใดจู่ๆ ก็ไปโยงกับฝ่ายมารขึ้นมากะทันหันได้

“เกรงว่าข้ากลับจะมองตรงกันข้ามกับศิษย์พี่” ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ฟ้าจะเปลี่ยนไป คนโหดปรากฏ บนโลกย่อมมีผู้ที่จะสยบเหตุร้ายได้ในที่สุด ข้าคิดว่าเขาก็คือผู้ที่จะมาคลายเงื่อนปมผู้นั้น สามารถกลายเป็นผู้ที่ทำให้โลกมีแนวโน้มไปในทางที่ดีในอนาคต”

“ฟ้าจะเปลี่ยนไป คนโหดปรากฏ” ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งถึงกับพึมพำเบาๆ เมื่อได้ฟังการสนทนาของพวกเขา เหมือนว่าเขาจะเคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อน เหมือนว่าคำพูดนี้เคยแพร่หลายมากเมื่อหลายปีก่อน

“ดูท่าวิชาทำนายของศิษย์น้องเรียกว่าถึงขั้นระดับสุดยอดแล้วล่ะ” หลวงจีนรูปนี้เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่ การเข้าสู่โลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดาของศิษย์น้องนั้นอาศัยบุญวาสนามาเป็นตัวชี้วัดใต้หล้า หากศิษย์น้องจะเปิดเนตรฟ้าขึ้นมา บางทีอาจจะได้มองเห็นกลิ่นอายมาร”

ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวมองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ความเข้าใจของข้ากับศิษย์พี่แตกต่างกัน แม้ว่าข้าจะเข้าสู่โลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ข้าก็ได้ออกจากโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ไม่เหมือนเช่นศิษย์พี่ที่กายอยู่กับโลกมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ก็อยากจะออกจากโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ที่ศิษย์พี่กล่าวว่าข้าอาศัยบุญวาสนามาเป็นตัวชี้วัดใต้หล้า เกรงว่าศิษย์พี่จะผิดไปแล้ว ข้าน่ะอาศัยความชั่วร้ายที่สุดไปศึกษาคนอื่น”

ครั้นผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้หยุดนิดหนึ่ง จากนั้นกล่าวว่า “ข้าเปิดเนตรฟ้าแล้ว ตามความเห็นของข้า เขามีกลิ่นอายมารแต่หาใช่ในใจของเขามีมาร เพียงแต่มีมารหวังจะสิงร่างของเขา โลกกำลังจะเปิด บางทีความลับเกี่ยวกับโลกที่ว่าก็อยู่บนตัวของเขา สามารถคลี่คลายลางสังหรณ์ความชั่วร้าย”

“ศิษย์น้องมีแผนการอย่างไรเล่า” หลวงจีนรูปนี้พนมมือ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ศิษย์น้องรั้งเขาอยู่ข้างกาย ต้องการคุ้มครองเขาอย่างนั้นรึ? ไม่ให้มารฟ้าไปสิงอยู่ในร่างของเขารึ?”

“แล้วศิษย์พี่ล่ะ วางแผนเช่นใดกันเล่า?” ผู้หญิงที่สวมผ้าโปร่งบางสีเขียวไม่ได้ตอบคำถาม แต่ถามกลับคำหนึ่ง

…………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *