Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2738 เรื่องแต่งงานเรื่องหนึ่ง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2738 เรื่องแต่งงานเรื่องหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2738 เรื่องแต่งงานเรื่องหนึ่ง

ในเวลานี้เอง ผู้เฒ่าไอกระแอมนิดหนึ่งแล้วกล่าวต่อไปว่า “นังหนูบ้านข้าน่ะ เป็นผู้ที่มองตัวเองว่าสูงเด่น แม้ว่านังหนูคนนี้จะไม่ได้พูดออกมา ตาเฒ่าอย่างข้ามองออกว่า ดวงตาคู่นั้นของนางมองสูง ไม่เคยมองผู้ชายใต้หล้าอยู่ในสายตา และไม่เคยชอบผู้ชายคนไหน อายุของนางก็ไม่น้อยแล้ว แต่ยังคงนั่งครุ่นคิดนั่งทรมานตัวเองทุกวันอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมหาคนดีๆ สักคนแต่งออกไปเสีย…”

“…เวลานี้ดูจะบังเอิญเสียแล้ว” เมื่อผู้เฒ่าเอ่ยมาถึงตรงนี้ได้ตบที่หน้าขาของตนเองและกล่าวว่า “เก่ากะลาว่า พ่อหนุ่มกับนังหนูบ้านข้านับว่าเหมาะสมมากเหลือเกิน พวกท่านก็จับเป็นคู่ก็แล้วกัน เหอะ เหอะ เหอะเรื่องนี้ก็จะได้ให้ตาเฒ่าอย่างข้าได้หมดห่วงไปเรื่องหนึ่ง อนาคตจะได้อุ้มเด็กน้อยตัวจ้ำม่ำสักคนเร็ววัน”

เมื่อผู้เฒ่าเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วถึงกับเสยะยิ้มขึ้นมา เหมือนว่าเวลานี้ได้อุ้มหลานจ้ำม่ำตัวน้อยแล้วอย่างนั้น

“ผู้อาวุโส ปรมาจารย์ของข้ารสนิยมสูงเลยนะ ใช่ว่าใครก็สามารถคู่ควรกับปรมาจารย์ของพวกเราได้” แม้ว่าลู่ยั่วซีจะถูกดึงตัวไปอยู่อีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินว่าผู้เฒ่าผู้นี้จะฝืนบังคับให้ปรมาจารย์ของตนมีการจับคู่กัน นางอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยความกังขาคำหนึ่ง

เฉินเหวยเจิ้งเองก็จนปัญญาแล้วสำหรับความไรเดียงสาและบริสุทธิ์ของลู่ยั่วซี จึงไม่ไปขัดขวางนางอีก ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ

“เช่นนั้นก็ยิ่งเป็นคู่กันแล้วล่ะ นังหนูของบ้านช้ากับพ่อหนุ่มคู่ควรกันแน่นอนอยู่แล้ว” ผู้เฒ่ารีบกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึมว่า “นังหนูบ้านพวกเราอย่างอื่นไม่กล้าเอ่ยถึง แต่รูปโฉมงดงามอย่างแน่นอน สวยดั่งนางฟ้า รูปโฉมงดงามที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง งามหยาดเยิ้ม เรียกได้ว่าเป็นโฉมตรูอันดับหนึ่งในหล้า สติปัญญาของนังหนูพวกเรายิ่งไม่ต้องพูดถึง ฉลาดเป็นกรด มีความเฉลียวฉลาดที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสอง สติปัญญาดั่งทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล…”

ผู้เฒ่าถึงกับยิ้มหน้าบานเมื่อเอ่ยถึงนังหนูบ้านตน ดูคึกคักดีเหลือเกิน ยกย่องนังหนูของบ้านเขาจนเรียกว่ามีเพียงหนึ่งไม่มีสองทั่วหล้า หญิงสาวผู้นี้ควรมีอยู่บนสวรรค์เท่านั้น ยากจะได้พบเห็นบนโลกมนุษย์

“ดีขนาดนั้นจริงๆ รึ?” เมื่อลู่ยั่วซีได้ยินผู้เฒ่ายกย่องนังหนูบ้านของตนจนสวยหรูชนิดน้ำไหลไฟดับ เสมือนหนึ่งกลายเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของแดนลัทธิเซียนไปแล้ว ทำให้นางอดที่จะสงสัยไม่ได้

“แน่นอน” ผู้เฒ่ากล่าวท่าทีเคร่งขรึมว่า “ขอเพียงนังหนูบ้านพวกเราเผยโฉมออกมา เกรงว่าแม่นางทั้งหมดในหล้าล้วนแล้วแต่ต้องสลดและอับแสง ต่างรู้สึกอับอายที่ตัวเองไม่เท่าคนอื่น”

ลู่ยั่วซีอดที่จะเอามือเท้าคาง และกล่าวด้วยท่าทีฉงนสงสัยว่า “ในเมื่อแม่นางบ้านของท่านงดงามหนึ่งไม่มีสองถึงเพียงนี้ สุดยอดเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ผู้ที่ไปสู่ขอจะต้องหลั่งไหลมากันไม่ขาดสาย สามารถเลือกผู้กล้าที่มีความฉลาดเป็นเลิศจากทั่วหล้าได้ตามอำเภอใจ เพราะอะไรจะต้องมาจับคู่กับปรมาจารย์ของพวกเราเล่า”

เฉินเหวยเจิ้งเองได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ สำหรับความไรเดียงสาและบริสุทธิ์เช่นนี้ของลู่ยั่วซี จึงไม่ไปร้องห้ามปรามนางอีกต่อไป

“เรื่องนี้เจ้าไม่รู้อะไร” ผู้เฒ่าก็ไม่ได้แสดงอาการโกรธ กล่าวด้วยท่าทีจริงจังยิ่งว่า “นังหนูบ้านพวกเราไหนเลยที่ผู้กล้าที่มีความฉลาดเป็นเลิศทั่วไปสามารถคู่ควรได้ บุรุษผู้เก่งกาจ อัจฉริยะบุคคลใต้หล้า ก็ไม่ควรค่าให้นังหนูของพวกเราต้องสนใจ บุรุษผู้เก่งกาจเหล่านี้ไหนเลยเทียบได้กับหนึ่งในหมื่น…”

“…อีกอย่าง” เมื่อผู้เฒ่ากล่าวมาถึงตรงนี้ได้ส่งเสียงไอแห้งๆ ทีหนึ่ง หยุดนิดหนึ่ง และกล่าวต่อว่า “เรื่องของการแต่งงานขึ้นอยู่กับวาสนา เก่ากะลามองว่า นังหนูของพวกเรากับพ่อหนุ่มมีวาสนาต่อกันอย่างยิ่ง พวกเขาก็คือฟ้าสร้างให้เป็นคู่ ดินสร้างให้เป็นคู่ คู่ที่ฟ้าสร้างมา…”

“แต่ว่า ปรมาจารย์ของพวกเรากับแม่นางพวกท่านยังไม่เคยพบหน้ากันเลย พวกเขาทั้งสองไม่เคยรู้จักกัน จะกลายเป็นฟ้าสร้างให้เป็นคู่ ดินสร้างให้เป็นคู่ทันทีได้อย่างไรกัน” ลู่ยั่วซีออดที่จะกล่าวด้วยความกังขาไม่ได้ เมื่อได้ยินผู้เฒ่าพูดด้วยความมั่นใจขนาดนี้

“นี่แหละคือสิ่งที่ลึกลับมากที่สุด พลันที่ดูลายมือของพวกเขาทั้งสองก็รู้ได้ว่า พวกเขามีดวงสมพงษ์กันที่จะเป็นสามีภรรยา” ผู้เฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เก่ากะลาดูลายมือให้ผู้อื่นมาชั่วชีวิตไม่เคยพลาด รับรองไม่ผิดแน่ พวกเขาทั้งสองคนก็คือฟ้าสร้างให้เป็นคู่ ดินสร้างให้เป็นคู่”

“อัศจรรย์ขนาดนี้เชียว” ลู่ยั่วซีพลันถูกดึงดูดให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น อดที่จะยื่นฝ่ามือของตนออกไป พูดขึ้นมาด้วยความดีใจว่า “ผู้อาวุโส เช่นนั้นแล้วท่านดูลายมือให้กับข้าเป็นไร”

ผู้เฒ่าไม่ได้ไปรับมือข้างนั้น เพียงมองดูฝ่ามือของลู่ยั่วซีแวบหนึ่ง ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เรื่องการดูลายมือก็ต้องขึ้นอยู่กับวาสนา หากไม่มีวาสนาและดึงดันไปทำนาย เท่ากับเป็นการเปิดเผยความลับสวรรค์ ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้”

“ขี้งก” ลู่ยั่วซีถึงกับพูดกระซิบขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผู้เฒ่าไม่ยอมดูลายมือให้กับตน

ผู้เฒ่าไม่ได้ให้ความสนใจต่อลู่ยั่วซี จ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มหน้าบาน และกล่าวว่า “วาสนาเช่นนี้หาได้ยากนัก หาได้ยาก เรียกว่าพยายามหาแทบตายไม่เจอ พอเลิกหาเลิกสนใจ กลับได้มาง่ายๆ แบบคาดไม่ถึงเสียอย่างนั้น ถ้าหากพ่อหนุ่มไม่มีความเห็นเป็นอื่นล่ะก็ มาเป็นคู่กับนังหนูบ้านข้า มาเป็นคู่สามีภรรยากับนังหนูบ้านข้า”

พลันที่ผู้เฒ่าพูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้พวกของหลี่เจี้ยนคุนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน นี่คือการสู่ขอที่ไร้เหตุผลที่สุด เกินเลยมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยพบเคยเห็นมาก่อน ทั้งสองยังไม่เคยได้พบหน้ากันก็จะหมั้นหมายกันเช่นนี้ทันทีเสียแล้ว

“อืมมมพ่อหนุ่มไม่พูดไม่จา เช่นนี้แล้วแสดงว่าพ่อหนุ่มไม่ขัดข้องแล้วสิ” ผู้เฒ่าหัวเราะเหอะเหอะและกล่าวว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ตกลงตามนี้ วันหน้าหากพ่อหนุ่มมีเวลาก็มาสู่ขอที่บ้านของพวกเรา เพื่อแต่งงานกับนังหนูของพวกเรา…”

“ผู้อาวุโส ทำเช่นนี้ไม่ได้ ทำเช่นนี้ไม่ได้” การที่ผู้เฒ่าตัดสินโดยพละการทำเอาเฉินเหวยเจิ้งตกใจยิ่งนัก รีบเร่งออกปากยับยั้งว่า “ปรมาจารย์ของพวกเราได้ปิดกั้นประสาทสัมผัสทั้งหก ไม่รับรู้สิ่งต่างๆ ภายนอก เขาไม่ได้ยินคำพูดของผู้อาวุโส หาใช่ว่าเขาเห็นด้วยกับการเสนอของผู้อาวุโส”

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตามนี่แหละ” ผู้เฒ่าไม่สนใจเฉินเหวยเจิ้ง กล่าวด้วยท่าทีเบิกบานใจว่า “พ่อหนุ่มกับนังหนูบ้านข้าแต่งงานกัน รับรองว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สร้างความฮือฮามากที่สุดของยุคสมัยนี้ รับรองว่าจะต้องกลายเป็นเรื่องราวดีงามที่ชาวโลกแซ่ซ้องสรรเสริญเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน”

ครั้นผู้เฒ่าเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ได้ยื่นมือเข้าไปล้วงหาอกเสื้อของตนทีหนึ่ง และหยิบของสิ่งหนึ่งออกมา ขณะที่สิ่งของสิ่งนี้ถูกนำออกมานั้น ปรากฏประกายสีเขียวมรกตเป็นสายๆ ที่บานเบ่งขึ้นมาในทันที มันเป็นแผ่นหยกชิ้นหนึ่ง

แผ่นหยกชิ้นนี้มีสีที่เขียวมรกตยิ่งนัก เมื่อชิ้นแผ่นหยกห้อยอยู่อย่างนั้นเสมือนดั่งเป็นโลกสีเขียวมรกตอย่างนั้น เหมือนว่ามันไม่ใช่แผ่นหยกที่เจียระไนขึ้นมาจากหยก แต่เป็นการนำเอาทะเลสาบแห่งหนึ่งมาหลอมกลั่นให้กลายเป็นแผ่นหยก ชิ้นแผ่นหยกจึงดูเหมือนดั่งน้ำใสแจ๋วที่กระเพื่อมเป็นวงและเปล่งประกายเป็นวงยามต้องแสงอาทิตย์

แผ่นหยกชิ้นนี้มีลวดลายที่สลับซับซ้อนอย่างยิ่ง แต่ว่าไม่สามารถมองออกถึงภาพที่ปรากฎอยู่บนแผ่นหยกดังกล่าว เนื่องจากแผ่นหยกชิ้นนี้หาใช่เป็นแผ่นหยกที่สมบูรณ์ มันมีเพียงครึ่งเดียว เป็นเพียงแผ่นหยกที่มีอยู่เพียงครึ่งชิ้นเท่านั้นเอง

ต่อให้เป็นผู้ที่ตาไม่ถึงอย่างไรก็ตาม พลันที่มองเห็นแผ่นหยกชิ้นนี้ก็รู้ว่าเป็นของล้ำค่าที่ยอดเยี่ยมมาก

ผู้ที่สามารถนำแผ่นหยกลักษณะเช่นนี้ออกมาได้ ต้องเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และสามารถจินตนาการได้ว่าธาตุแท้ภายในของตระกูลเขานั้นมากมายเพียงใด

“เหอะ เหอะ เหอะนี่คือของที่ใช้หมั้นหมาย” ผู้เฒ่าหัวเราะเหอะเหอะ และกล่าวว่า “ในมือนังหนูของพวกเราก็มีอยู่ชิ้นหนึ่ง เมื่อจับมารวมกันก็จะได้แผ่นหยกที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง วันหน้าพ่อหนุ่มไปสู่ขอให้นำเอาแผ่นหยกชิ้นนี้มาก็แล้วกัน” กล่าวพลางจัดการสวมมันเอาไว้บนคอของหลี่ชิเย่

“ผู้อาวุโส…” เมื่อเฉินเหวยเจิ้งเห็นว่าผู้เฒ่าจัดการสวมแผ่นหยกให้กับหลี่ชิเย่จริงๆ ถึงกับตื่นตระหนกยิ่งนัก คิดจะขัดขวางแต่ทุกอย่างสายเกินไปแล้ว

“เอาล่ะ นับว่าเก่ากะลาได้เสร็จสิ้นปณิธานไปเรื่องหนึ่งแล้ว สมควรได้เวลาไปจากแล้ว” หลังจากที่ผู้เฒ่าจัดการสวมแผ่นหยกให้กับหลี่ชิเย่เรียบร้อยแล้วก็ดูจะพออกพอใจ กางร่มกระดาษมันออก ก่อนไปจากยังคงพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “พ่อหนุ่ม มาสู่ขอเร็ววันนะ อย่าให้นังหนูของพวกเราต้องรอคอยนานเกิน” กล่าวพลางได้ก้าวเดินออกจากศาลาไป

เรื่องเช่นนี้ทำเอาพวกของกัวเจียหุ้ยมองดูจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก กล่าวสำหรับเด็กสาวคนหนึ่งแล้ว การแต่งงานเป็นเรื่องที่สำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสคนใดของเด็กสาวก็ตาม เรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของผู้เยาว์ของตนก็จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ แต่ว่า ผู้เฒ่าผู้นี้กลับทำอย่างลวกๆ อะไรอย่างนั้น

ชายหญิงคู่นี้ยังไม่เคยได้พบหน้ากันมาก่อนก็จับเป็นคู่แล้ว และยังฝากสิ่งที่เป็นของหมั้นหมายเอาไว้

เรื่องเช่นนี้ทำเอาพวกของกัวเจียหุ้ยต่างจ้องมองดูจนตาค้างพูดอะไรไม่ออกา กล่าวสำหรับหญิงสาวใดก็ตาม การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าผู้อาวุโสของหญิงสาวใดก็ตาม เรื่องเกี่ยวกับการแต่งงานของผู้เยาว์ของตนก็จะดำเนินการด้วยความระมัดระวัง แต่ว่า ผู้เฒ่าผู้นี้กลับทำอย่างลวกๆ อะไรอย่างนั้น

ชายหญิงคู่นี้ยังไม่ทันได้พบหน้ากันด้วยซ้ำก็จับเป็นคู่กันแล้ว ทั้งยังได้ฝากของหมั้นเอาไว้ด้วยทันที

เกรงว่าเป็นการหมั้นกันที่ลวกๆ และเหลือเชื่อมากที่สุดที่พวกเขาเคยพบเห็นมาก่อน เรื่องเช่นนี้ อย่าว่าแต่ในโลกของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แม้แต่โลกของผู้บำเพ็ญตนก็นับเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นตระหนกหวั่นไหวแล้ว

“ผู้อาวุโส…” เมื่อเฉินเหวยเจิ้งได้สติกลับมาถึงกับตื่นตระหนกยิ่งนัก รีบไล่ตามออกไป แต่ว่า นาทีนี้ด้านนอกศาลาพักร้อนไหนเลยยังมีร่างเงาของผู้เฒ่าอีก

“หายไปแล้ว…” พวกของหลี่เจี้ยนคุนก็รีบมองออกไปด้านนอก เวลานี้ด้านนอกศาลาพักร้อนไหนเลยมีผู้เฒ่าอะไรนั่น เส้นทางสัญจรที่เปล่าเปลี่ยว ไม่ได้มีร่างเงาของผู้เฒ่าอยู่แล้ว

เมื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างพวกหลี่เจี้ยนคุนมองเห็นเส้นทางสัญจรที่เปล่าเปลี่ยวแล้ว ทำให้ต้องมองหน้ากันและกัน พวกเขามองเห็นกับตาว่าผู้เฒ่าได้ก้าวเดินออกไปจากศาลาพักร้อนเมื่อครู่นี้เอง แต่ว่า ในชั่วพริบตาเดียวผู้เฒ่าก็ได้หายตัวไปแล้ว

“พวก พวกเราคงไม่ได้เจอผีแล้วกระมัง” ลู่ยั่วซีที่ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์ถูกทำให้ตกใจยิ่งนัก ถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา และก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

ช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกเขาต่างร่วมเป็นร่วมตายกัน ไม่รู้ว่าได้สังหารสัตว์ประหลาดไปมากมายเท่าไร เรียกว่ามีความกล้ามากแล้ว แต่ว่า จะอย่างไรลู่ยั่วซีก็คือเด็กสาวคนหนึ่ง เมื่อเอ่ยถึงเรื่อง ‘ผี’ แล้ว ยังคงถูกทำให้ตกใจอย่างยิ่ง และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมา

“เป็นไปไม่ได้” จ้าวจื้อถิงก็ถูกคำพูดลักษณะเช่นนี้ของลู่ยั่วซีทำให้รู้สึกว่ารอบๆ ตัวเหมือนหนาวสะท้านอยู่บ้างเหมือนกัน

“โลกนี้ไหนเลยมีผีอะไรนั้น หากจะมีผีก็เป็นเพียงการชักใยอยู่เบื้องหลังของสัตว์ประหลาดเท่านั้นเอง” เฉินเหวยเจิ้งส่ายหน้าและทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ และกล่าวว่า “พวกเราเจอผู้เยี่ยมยุทธเสียแล้ว”

“เจ้านิกาย พวกเราควรทำอย่างไรดี?” เวลานี้กัวเจียหุ้ยเอ่ยขึ้น ขณะมองดูแผ่นป้ายหยกที่ห้อยอยู่บนคอของหลี่ชิเย่ชิ้นนั้น

“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” เฉินเหวยเจิ้งเองกำลังปวดหัวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ปรมาจารย์ของพวกเขาได้มีงานแต่งงานขึ้นมากะทันหัน มีคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนคนหนึ่ง

งานแต่งานนี้ยังเป็นการตกลงขณะที่ปรมาจารย์ของพวกเขาอยู่ในระหว่างหลับใหล ที่แย่ที่สุดก็คือ พวกเขาที่เป็นผู้เยาว์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ในเหตุการณ์ พวกเขาล้วนแล้วแต่กลายเป็นพยานของงานแต่งงานครั้งนี้ไปแล้ว

“ฝนหยุดแล้ว…” ในเวลานี้ หลี่เจี้ยนคุนที่มองออกไปด้านนอก ปรากฏฝนที่ตกพรำๆ ได้หยุดลงแล้ว

พูดไปแล้วก็แปลก เมื่อผู้เฒ่าจากไปฝนก็หยุดตก

“พวกเราไปกันเถอะ” เฉินเหวยเจิ้งเองถึงกับปวดหัวกับเรื่องนี้ ถ้าหากเวลานี้หลี่ชิเย่สามารถตื่นขึ้นมาล่ะก็ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น เรื่องใหญ่เช่นนี้เขาไม่สามารถตัดสินใจได้อยู่แล้ว

ภายในใจของเฉินเหวยเจิ้งก็เข้าใจดี ผู้อาวุโสผู้นี้ต้องเป็นผู้เยี่ยมยุทธที่น่ากลัวอย่างแน่นอน ต่อให้เขาคิดจะขัดขวางก็ทำไม่ได้

……………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *