Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2765 เทพสังหารจตุลักษณ์
ตอนที่ 2765 เทพสังหารจตุลักษณ์
ตึง…เสียงดาบคำรามขึ้นมาเสียงหนึ่ง ดังก้องทั่วฟ้าดิน ทะลุผ่านตลอดกาล
ดาบคู่ของสัตว์เทพที่ไขว้และฟาดฟันลงมาจากบนท้องฟ้า ในพริบตาเดียวนั้นเอง ดาบทั้งสองส่งประกายเจิดจรัส เหมือนว่าดวงตาโลกทั้งโลกได้สูญเสียการมองเห็น เหลือเพียงดาบคู่ที่ไขว้กันและฟาดฟันลงมาเท่านั้น
ดาบคู่มีความเจิดจ้าอย่างยิ่ง ประกายที่เปล่งออกมานั้นมีความร้อนแรง และละลานตายิ่งกว่าแสงจากดวงตะวันหนึ่งร้อยดวงเสียอีก
ในพริบตาเดียวนั่นเอง ดาบคู่ที่ไขว้กันและฟาดฟันลงมาตรงๆ พลันเหมือนหายตัวไปอย่างนั้น บนท้องฟ้าเหลือรอยแผลทิ้งเอาไว้บนท้องฟ้าเพียงสองรอย และรอยแผลทั้งสองได้อาศัยพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุด บริสุทธิ์ที่สุดทิ้งตัวลงมาโดยพลันจากบนฟ้า ด้วยท่าทีของการปราบปรามทำการสยบต่อหลี่ชิเย่
รอยแผลฟ้าทั้งสองก็แปลงมาจากดาบยาวคู่นั้นนั่นเอง เวลานี้ สิ่งที่ติดตามการลงมาของรอยแผลฟ้าทั้งสองก็คือพลังตัดสินสูงสุด พลันที่พลังตัดสินสูงสุดนี้ลงมา เหมือนว่าประชาชนคนใดก็ต้องก้มกราบกับพื้นยอมรับในความผิดอย่างนั้น
ภายใต้พลังพลังตัดสินสูงสุดนี้ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เหมือนว่าจะต้องยืดคอรอคอยการประหาร รอคอยถูกบั่นคอเท่านั้น
รอยแผลฟ้าที่ลงมาเหมือนปราศจากซุ่มเสียงใดๆ ในพริบตาเดียวนั่นเอง ทุกคนต่างรู้สึกถึงพลังตัดสินชี้ขาดพลันตอกตรึงลงบนหัวใจของตนเอง ทำการตัดสินชี้ขาดตนเองในทันที พริบตาเดียวนั้นคนที่มีทักษะอ่อนถึงกับแหวะกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง
“แข็งแกร่งมากเกินไปแล้ว มันคือพลังของวิญญาณสัตว์เทพ” นาทีนี้ ทุกคนต่างรับรู้ถึงพลังตัดสินชี้ขาดลักษณะเช่นนี้ ต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง อดที่จะต้องเสียงแหลมขึ้นมาไม่ได้
นาทีนี้ ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง มองเห็นหลี่ชิเย่ที่หนึ่งกระบี่ตวัดขึ้นฟ้า หนึ่งกระบี่พลันแทงทะลุท้องฟ้า หนึ่งกระบี่แทงทะลุหมื่นอาณาจักร หนึ่งกระบี่แทงทะลุชั่วนิรันดร์
ดังนั้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง กาลเวลาเสมือนดั่งได้หยุดลงอย่างนั้น ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกว่า นาทีนี้กาลเวลาที่เดิมไหลเคลื่อนที่ไปได้ถูกหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ตรึงเอาไว้บนท้องฟ้า ไม่สามารถไหลเคลื่อนที่ได้อีกต่อไป
ทุกคนเพ่งตามองออกไป เห็นพียงหนึ่งกระบี่ที่แทงย้อนขึ้นไปตามอารมณ์นั้น ได้แทงทะลุร่างของสัตว์เทพในหนึ่งกระบี่ เลือดสดๆ ไหลรินลงมาตามตัวกระบี่อย่างช้าๆ
คร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกก…ในเวลานี้เอง ปรากฏเสียงแตกร้าวดังขึ้นมาเป็นระลอก ติดตามด้วยเสียงปังดังขึ้น โลกดึกดำบรรพ์พลันแตกละเอียด และค่ายกลชั่วร้ายจตุลักษณ์แตกร้าว
หลังจากที่ค่ายกลจตุลักษณ์แตกร้าวแล้วนั้น พวกของจ้าวอินทรีที่เดิมกลายร่างเป็นจตุลักษณ์ต่างเผยตัวจริงออกมา ในเวลานี้ เห็นเพียงจ้าวอินทรี มังกรบก ปีศาจช้างงาโลหิต ซวนหนีเกราะศักดิ์สิทธิ์ และจอมดาบเม่น ทั้งหมดถูกหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่แทงทะลุร่าง เลือดสดๆ ได้ไหลรินออกมาจากบาดแผลของพวกเขาอย่างช้าๆ
เวลานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนสงบนิ่งอย่างนั้น เหมือนถูกหยุดเอาไว้อย่างนั้น ทุกสิงล้วนถูกแทงทะลุ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกตรึงสังหารอยู่ตรงนั้นภายใต้หนึ่งกระบี่นี้
มองเห็นดวงตาคู่นั้นของจ้าวอินทรีเบิกโพลง เขากระทั่งไม่สามารถมองเห็นหนึ่งกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่ได้ชัดเจน พลันที่ประกายกระบี่แวบวับทีหนึ่งก็ถูกแทงทะลุหัวใจ ไม่ทันได้ร้องเสียงน่าเวทนาขึ้นมาก็เสียชีวิตไปทันทีลงสู่ปรโลกแล้ว
ครั้นหลี่ชิเย่ชักกระบี่กลับมา ได้ยินเสียงปัง ปัง ปังดังขึ้น ร่างกายที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารของพวกเขาร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าทีละตัวๆ กองเป็นภูเขาเล็กๆ บนพื้น
นาทีนี้ กาลเวลาเริ่มไหลรินขึ้นมาอีกครั้ง โลกทั้งโลกได้กลับคืนสู่ลักษณะดังเดิมอีกครั้ง
เพียงแต่นาทีนี้เวลานี้ ที่ตรงนี้กลับมีซากศพเพิ่มขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วน ซากศพของสัตว์กองสุมดั่งภูเขา เลือดไหลนองเป็นธาร ตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราวทั้งหลังเปรียบประดุจเป็นอเวจีเลือดไปแล้ว
“สาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์จบสิ้นแล้ว” มีผู้พึมพำขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว
มียอดฝีมือที่ได้สติกลับมาหลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ถึงกับร่างสั่นเทาและกล่าวว่า “ภายในเวลาหนึ่งวันก็ทำลายสาขาประตูศักดิ์สิทธิ์ สาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ บวกกับสาขาธงเพลิงที่ถูกทำลายไปก่อนหน้านั้น ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน กำลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางถูกทำลายไปเกือบครึ่งหนึ่ง มาคราวนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเสียหายอย่างย่อยยับ สูญเสียพลังไปมากทีเดียว”
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้สติกลับมา พวกเขาต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน นาทีนี้ ดวงตาทั้งสองของพวกเขาล้วนแล้วแต่เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว เนื่องจากกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่แข็งแกร่งมากเหลือเกิน และน่ากลัวมากเหลือเกิน
“เทพกระบี่ นี่แหละคือเทพกระบี่ที่แท้จริง คนอื่นๆ เมื่อเทียบกับเขาไม่คู่ควรที่จะใช้กระบี่อยู่แล้ว” มีเทพแท้จริงขั้นอมตะไม่อาจไม่ชมเปาะด้วยความตื่นตะลึงทีหนึ่ง ชื่นชมไม่ขาดปาก
ไม่มีผู้คัดค้านสำหรับคำเรียกลักษณะเช่นนี้ คนโหดอันดับหนึ่งล้วนแล้วแต่หนึ่งกระบี่ปราศจากผู้ต่อกรตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์จำนวนนับล้านของสาขาประตูศักดิ์สิทธิ์ หรือว่ากระแสคลื่นสัตว์นับพันนับหมื่นของสาขาสัตว์ดึกดำบรรพ์ หนึ่งกระบี่ของคนโหดอันดับหนึ่งที่ฟาดฟันออกไปก็จัดการทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นในคราเดียว หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงไปก็คือสถานการณ์โดยรวมได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
บุคคลเช่นนี้ไม่ยกย่องเป็นเทพกระบี่ ในโลกนี้ยังจะมีใครสามารถยกย่องเป็นเทพกระบี่ได้อีก?
“เหล่าตาเฒ่าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีกล่ะก็ เกรงว่าคงไม่มีใครสามารถขวางเขาเอาไว้ได้อีกแล้ว คนอื่นๆ ต่อให้ปรากฏตัวออกมามากเท่าไรก็เป็นได้แค่รนหาที่ตายเท่านั้น จะต้องเป็นระดับบรรพบุรุษของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางออกโรงเองจึงได้” ระดับบรรพบุรุษแคว้นเจ้าลัทธิกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
ก่อนหน้านี้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางคิดจะบั่นทอนลมปราณและพลังวัตรของหลี่ชิเย่ อาศัยยุทธวิธีอาศัยคนมาก เวลานี้ดูไปแล้วเกรงว่ายุทธวิธีอาศัยคนมากคงใช้ไม่ได้ผลกับคนโหดอันดับหนึ่ง ต่อให้มีคนมากกว่านี้บุกโจมตีเข้ามาก็แค่รนหาที่ตายเองเท่านั้นเอง ตายฟรี
ตึง ตึง ตึงนาทีนี้เอง ลึกเข้าไปภายในตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว พลันปรากฎเสียงตีกลองที่หนักแน่นดังขึ้นเป็นระลอก
ศิษย์จากบรรดาสาขาต่างๆ ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่เดิมออกมารับศึกเมื่อได้ยินเสียงกลองลักษณะเช่นนี้แล้ว ได้ล่าถอยกลับยังบริเวณที่ลึกเข้าไปในตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว เสมือนดั่งน้ำลงอย่างนั้น
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางถอนกำลังแล้ว ดูท่าต้องการเผชิญหน้าด้วยตนเองเสียแล้ว” ทุกคนสามารถมองออกได้ว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะพบกับคนโหดอันดับหนึ่งต่อหน้าต่อตาแล้ว เมื่อเห็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางถอนกำลังกลับเข้าไปทั้งหมด
“วันนี้สมควรสิ้นสุดลงได้แล้ว” เวลานี้หลี่ชิเย่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดกระบี่ยาวในมือช้าๆ จากนั้นยิ้มนิดหนึ่ง
เฉินเหวยเจิ้งเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนเดินหน้าไปช้าๆ ในขณะนี้ภายในใจของเขาสงบลงแล้ว ต่อให้ข้างหน้าเป็นถ้ำเสือแดนมังกร ขาทั้งสองข้างของเขาก็จะไม่สั่นเทา และไม่หวาดกลัวอีก
“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางจะอาศัยวิธีการอะไรมาต่อกร?” มียอดฝีมือกระซิบเบาๆ เมื่อเห็นภาพนี้แล้ว
ก่อนหน้านั้น ผู้คนจำนวนเท่าไรที่เข้าใจว่า ขอเพียงธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางลงมือสู้เต็มที่ ปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงเป็นไปไม่ได้จะมีชีวิตรอดจากไปอย่างเด็ดขาด แต่ว่า เวลานี้กลับทำให้ผู้คนจำนวนมากเปลี่ยนความคิดแล้ว เฉกเช่นผู้ที่แข็งแกร่งดั่งปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงหาใช่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ดินแดนภาคกลางสามารถต่อต้านได้อยู่แล้ว
“ได้แต่เชิญบรรพบุรุษแล้ว” สีหน้าเทพแท้จริงขั้นอมตะหนักแน่นจริงจัง และกล่าวว่า “เท่าที่ข้าทราบ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางยังมีบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งยิ่งอยู่หลายคน รวมทั้งเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นสิบล้านชาติ และชั้นศักราช กำลังความสามารถสูงมาก”
“แข็งแกร่งโดยแท้” ผู้คนจำนวนไม่น้อยถึงกับเย็นวาบในใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ กล่าวสำหรับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางแล้ว บรรดาบรรพบุรุษเหล่านี้จึงนับเป็นเสาหลักของสำนัก
“บรรพบุรุษผู้หนึ่งไม่เห็นจะสามารถเอาชนะปรมาจารย์นิกายหู้ซานจงได้ แต่ว่า หากบรรพบุรุษหลายคนร่วมมือกันก็ไม่แน่ จะอย่างไรเสียดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ พวกเขาก็ต้องมีเคล็ดวิชากระบวนท่าสังหารเด็ดขาดอยู่” บรรพบุรุษที่เข้าใจในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางกล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจัง
“การต่อสู้ระหว่างเสือพบสิงห์กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะก็ต้องตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก” เวลานี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มีท่าทีเฝ้ารอชมความคึกครื้น รู้สึกตื่นเต้น อยากลองเต็มทีแล้ว
เก้าอี้ล้อเลื่อนถูกเข็นลึกเข้าไปด้านในของตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราวช้าๆ บนแท่นบันไดด้านบนของตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว มองเห็นบัลลังก์วิเศษมีผู้หญิงนั่งอยู่คนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ก็คือธิดาศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง นางนั่งอยู่สูงเด่นด้วยท่าทีข่มเหงผู้คน มีท่วงท่าของเป็นผู้ปกครองใต้หล้า
แม้จะกล่าวว่าสีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเวลานี้เย็นชา แต่ไม่ได้มีท่าทางที่หวาดกลัว ลำพังแค่สิ่งนี้ก็ทำให้ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องเลื่อมใส
หากเปลี่ยนเป็นตนเอง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับยมทูตที่น่ากลัวอย่างคนโหดอันดับหนึ่ง นึกถึงว่ากำลังจะต่อสู้ชี้ขาดความเป็นความตายกับเขา เกรงว่าคงถูกทำให้ตกใจจนเข่าอ่อนทั้งสองข้างแล้ว
ภายในลานขนาดใหญ่ของตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว มีการแขวนพวกหลี่เจี้ยนคุนทั้งหกคนให้สูงจากพื้นดินมากทางด้านซ้ายมือ ในขณะนี้บนตัวของพวกหลี่เจี้ยนคุนทั้งหกคนเต็มไปด้วยรอยเลือด แต่ อย่างน้อยที่สุดก็ยังปลอดภัย
แต่ว่า ในเวลานี้ข้างกายของพวกหลี่เจี้ยนคุนได้มีชายฉกรรจ์ยืนอยู่หกคน ในมือพวกเขาล้วนแล้วแต่กอดเตาไฟโลกันตร์เอาไว้ ขอเพียงธิดาศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางสั่งการลงมา พวกเขาก็จะนำเอาไฟโลกันตร์ที่อยู่ในเตาเทลงบนตัวของพวกหลี่เจี้ยนคุน เพื่อเผาพวกเขาให้กลายเป็นเถ้าธุลีในทันที
“ข้ายังคงประเมินเจ้าต่ำเกินไป” เวลานี้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจ้องมองหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีน่าเกรงขาม สีหน้าเย็นชา คำพูดนั้นเผยให้เห็นถึงกลิ่นอายสังหาร การฆ่าฟันที่น่าเกรงขามและรุนแรง
“ผู้คนจำนวนมากล้วนประเมินข้าต่ำไปตลอดมา” หลี่ชิเย่หัวเราะ ท่าทางตามอารมณ์ และกล่าวว่า “สมควรสิ้นสุดลงได้แล้ว เจ้าต้องการจะตายด้วยวิธีไหน?”
สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางเย็นชา ดวงตาทั้งสองดุดันน่าเกรงขาม กล่าวน่าเกรงขามว่า “เจ้าวางอาวุธเสียเวลานี้ยังทัน มิฉะนั้น พวกเราจะเผาพวกเขาให้ตายทั้งหมด!”
พูดขาดคำ นางได้มองไปยังชายฉกรรจ์ทั้งหก ขอเพียงนางพยักหน้า ชายฉกรรจ์ทั้งหกก็จะเผาพวกหลี่เจี้ยนคุนทั้งหมดจนตาย
ปุ…เสียงหนึ่งดังขึ้น เลือดสดๆ แตกกระจาย พลันที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพูดขาดคำ หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ที่กวาดผ่านไป ศีรษะทั้งหกลอยขึ้นสูง พร้อมกับเลือดสดๆ ที่พ่นทะลักขึ้นมา ชายฉกรรจ์ทั้งหกที่มืออุ้มเตาไฟโลกันตร์ถูกหลี่ชิเย่สังหารไปในกระบี่เดียวทันที
“น่าเบื่อมาก ข่มขู่ด้วยวิธีการเด็กๆ ข้าแทบจะทนดูไม่ได้แล้ว” หลี่ชิเย่ถือโอกาสหนึ่งกระบี่สังหารสิ้นชายฉกรรจ์อุ้มเตาไฟโลกันตร์ รู้สึกหมดอารมณ์
“เปิด…” ในพริบตาเดียวนั่นเอง ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะลงมือแล้ว พลันกระโดดขึ้นพร้อมกับมือขนาดใหญ่กางออก ได้ยินเสียงดังตูมเสียงหนึ่ง ไฟโลกันตร์ของเขาได้เทราดลงมาครอบใส่พวกของหลี่เจี้ยนคุนหกคน หวังจะเผ่าพวกหลี่เจี้ยนคุนให้ตาย
เสียงฉึก…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ขณะที่ไฟโลกันตร์ยังเผาไหม้ไม่ถึงพวกของหลี่เจี้ยนคุนหกคน ปรากฏเลือดสดๆ พ่นออกมาอย่างรุนแรง ศีรษะลอยขึ้นสูง และติดตามด้วยเสียงของศพที่ไร้หัวตกลงพื้นอย่างแรงดังปัง
เทพแท้จริงขั้นอมตะคนหนึ่งถูกสังหารในกระบี่เดียวทันที ศีรษะกลิ้งไปไกลมาก แม้ว่าเขาจะระวังตัวแล้วแต่ต้านหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ไม่ได้
“พวกเรามาเล่นเกมสักเกมจะดีมั้ย?” หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อน ยิ้มเรียบเฉยและกล่าวว่า “ข้าจะให้นังหนูคนนี้ของข้าไปแก้มัด ถ้าหากระหว่างขั้นตอนนี้…”
“…ขอเพียงพวกเจ้าทำให้บาดเจ็บ หรือเผาพวกเขาเจ็ดคนจนตาย ข้าก็จะให้พวกเจ้ามีชีวิตไปจากที่นี่ ถ้าหากพวกเจ้าทำไม่ได้ ปล่อยให้นังหนูของข้าแก้มัดพวกเขาได้ ต้องขอโทษด้วย พวกเจ้าต้องตายทั้งหมด!”
เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้ ได้เผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา และยิ้มกล่าวว่า “นี่ก็จะเป็นการเพิ่มรสชาตสักนิดหนึ่งให้กับการฆ่าฟันที่น่าเบื่อหน่ายครั้งนี้”
……………………………………………….
Comments