Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2771 หนึ่งกระบี่สังหารจู่หวัง
ตอนที่ 2771 หนึ่งกระบี่สังหารจู่หวัง
ภายใต้การโจมตีของจู่หวังแห่งดินแดนภาคกลาง หนึ่งการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกร ได้กรีดช่องว่างจนปริขาด สยบแปดทิศ บดขยี้เก้าชั้นฟ้าจนแหลกละเอียด สังหารเหล่าสวรรค์แลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายใต้การโจมตีลักษณะเช่นนี้ เทพแท้จริงขั้นอมตะเหมือนกันก็ต้องมีจิตวิญญาณที่สั่นเทา ปราศจากผู้ต่อกร ไร้ผู้ต่อต้าน
จู่หวังแห่งดินแดนภาคกลางหาใช่เป็นผู้ที่มีแต่ชื่อเสียงจอมปลอม เขาเป็นหนึ่งในระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากที่สุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ภายใต้หนึ่งการโจมตีที่บ้าละห่ำดุดันยากจะหาใดเทียมของเขา เพียงพอที่จะเย้ยไปทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร
ภายในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต้องสั่นเทาเมื่อเผชิญกับการโจมตีลักษณะเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องขวัญหนีดีฝ่อ และมีผู้อดที่จะร้องเสียงแหลมดังขึ้นมาไม่ได้
ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้ลงมือแล้ว กระบี่ยาวที่วางขวางเหนือหัวเข่าอยู่ในมือ ได้ยินเสียงกระบี่คำรามดังตึงขึ้นมา กระบี่สะเทือนเก้าชั้นฟ้า หนึ่งกระบี่ที่ฟันสวนกลับขึ้นไป
ประกายหนึ่งกระบี่ที่พวยพุ่งขึ้นไป เสมือนดั่งน้ำตกสวรรค์ที่ย้อนกลับขึ้นไป เหมือนทางช้างเผือกที่ห้อยกลับหัว กระกายที่ไม่มีสิ้นสุดถูกเก็บรวบรวมอยู่ภายในท่ามกลางหนึ่งกระบี่นี้ ทางช้างเผือกจำนวนมากมายทั้งหมดล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันย้อนขึ้นไป ฟันท้องฟ้าจนขาด ฟันโลกมนุษย์จนปริแตก ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งกระบี่ได้ฟันทำลายจักรวาล
หนึ่งกระบี่ปราบสยบหมื่นยุค หนึ่งกระบี่ส่องสว่างเก้าทวีป ภายใต้หนึ่งกระบี่ล้วนแล้วแต่ไร้เทียมทาน ท่ามกลางโลกมนุษย์นี้คงมีเพียงหนึ่งกระบี่นี้ ที่บรรดาเหล่าเทพและราชันดูจะเล็กจิ๋วอะไรอย่างนั้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงอย่างนั้น
ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง จากนั้น ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในความอ้างว้าง ภายใต้หนึ่งการโจมตีที่สว่างเจิดจ้า ทุกสิ่งล้วนตกอยู่ในความมืดบอด ทุกคนไม่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ทั่วฟ้าดินภายใต้ความเจิดจ้ายิ่งแล้วพลันตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิดที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดทันที
ท่ามกลางความมืดมิดลักษณะเช่นนี้ ทุกคนต่างรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเสมือนหนึ่งถูกดูดเอาไปอย่างนั้น เหมือนว่าหนึ่งกระบี่นี้ไม่เพียงแค่ฟาดฟันลงบนตัวของจู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลางเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ฟาดฟันลงบนผลกรรมของทุกๆ คน ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ฟาดฟันลงไปยังอารมณ์ความรู้สึกและความปรารถนาเช่นมนุษย์ปุถุชนทั่วไปของทุกๆ คน ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกฟันจนไม่มีเหลือ
เมื่อท้องฟ้าได้กลับคืนสู่ความสดใสอีกครั้ง ภาพที่อลังการยิ่งได้ปรากฏต่อหน้าต่อตาของผู้คนบนโลก มองเห็นท้องฟ้าที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดถูกฟันขาดเป็นสองส่วน ทางช้างเผือกที่ไม่มีสิ้นสุดถูกหนึ่งกระบี่ฟันจนแยกออก ทั่วฟ้าดินถูกฟันจนแยกออกเป็นสองส่วนภายใต้หนึ่งกระบี่นี้
ทุกคนล้วนแล้วแต่มองเห็นเลือดสดๆ ที่สาดกระจาย ท่ามกลางท้องฟ้าสีครามที่เป็นฉากหลัง มองเห็นร่างกายจู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลางถูกหนึ่งกระบี่ฟันจนแยกออก เลือดสดๆ พุ่งขึ้นสูงมาก เสมือนดั่งท้องฟ้าตกลงมาเป็นฝนเลือดอย่างนั้น
ปีกแสงจำนวนหนึ่งร้อยแปดคู่ที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ถูกหนึ่งกระบี่นี้ฟันจนขาด มองเห็นประกายฝนจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมกับปีกแสงที่ถูกตัดขาดทยอยกันกระจายร่วงหล่นลงมา ปลิวกระจายล่องลอยบนท้องฟ้า ขณะที่ประกายแสงตกลงมานั้น เหมือนได้ยินเสียงที่ใสกังวานระลอกหนึ่ง
สำหรับเตากลั่นสามขาพระจิตศักดิ์สิทธิ์นั้น ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ถูกหนึ่งกระบี่ฟันจนกระเด็นไปจากฟากฟ้า ถูกกระแทกจนปลิวออกไปดั่งดาวตกที่วิ่งฝ่าท้องฟ้าไป สุดท้ายหายไปท่ามกลางท้องฟ้าที่สุดลูกหูลูกตา
หนึ่งกระบี่สังหารจู่หวัง นาทีนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อ้าปากจนกว้างมาก และเรียกสติกลับคืนมาไม่ได้เป็นเวลานาน แม้แต่จู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลางยังคงไม่สามารถรับมือได้เกินกว่าหนึ่งกระบี่ภายใต้น้ำมือของคนโหดอันดับหนึ่ง ยังคงถูกสังหารภายใต้หนึ่งกระบี่จนได้
นาทีนี้ภายในใจของผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้หวั่นไหว แม้แต่ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะยังต้องใจหายใจคว่ำ ล้วนแล้วแต่มีสีหน้าที่ขาวซีด หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ได้ฝากเงาทมิฬที่ไม่สามารถลบเลือนไปได้อยู่ภายในจิตใจของพวกเขา
เหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นระดับเทพแท้จริงที่น่ากลัวเช่นใดก็ตาม ภายใต้หนึ่งกระบี่ของคนโหดอันดับหนึ่งยังคงหายวับไปกับตาในพริบตา ยังคงต้องถูกฟันจนผ่าครึ่งเป็นสองซีก
หนึ่งกระบี่ที่ไร้เทียมทาน หนึ่งกระบี่ที่ปราบหมื่นยุค ในเวลานี้ภายในใจของทุกคนมีเพียงคำพูดคำนี้ที่จะนำมาเปรียบเปรยหลี่ชิเย่แล้ว นอกเหนือจากคำๆ นี้แล้ว ไม่สามารถนึกคำพูดใดที่มีความเหมาะสมยิ่งกว่ามาเปรียบเปรยกับหนึ่งกระบี่นี้ของหลี่ชิเย่อีกแล้ว
ทันใดนั้นเอง ทุกคนต่างรู้สึกว่า หลี่ชิเย่ขอเพียงหนึ่งกระบี่ในมือ บนโลกนี้ก็ไม่มีใครสามารถต่อกรได้อีกแล้ว เหมือนว่าขอเพียงหลี่ชิเย่มีหนึ่งกระบี่อยู่ในมือ ก็จะปราศจากสิ่งใดที่กวาดล้างจนราบเรียบไม่ได้ เหมือนว่าขอเพียงหลี่ชิเย่มีหนึ่งกระบี่ในมือ ไม่มีผู้ใดสามารถรับกับกระบวนท่าที่สองอีก…
สุดท้าย เสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง เห็นเพียงร่างของจู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลางร่วงหล่นจากท้องฟ้าสูง และศพของเขาหล่นกระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง เลือดสดๆ ย้อมพื้นดินจนกลายเป็นสีแดง
ทุกคนต่างนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมาอยู่เป็นเวลานานเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว ภายในใจล้วนแล้วแต่สั่นเทาทีหนึ่ง
ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร กระทั่งทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน จู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลางก็นับได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีอำนาจมาก สามารถทำให้สถานการณ์สำคัญเปลี่ยนแปลงได้ มาในวันนี้กลับไม่สามารถรับได้กระทั่งหนึ่งกระบี่จากมือของหลี่ชิเย่ มันช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเพียงใด ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น
“ทำไมนะจึงมักจะมีคนที่ไม่เชื่ออยู่เสมอเล่า” หลี่ชิเย่หัวเราะเรียบเฉย เป่าลมออกไปเบาๆ เป่าหยดเลือดหยดนั้นที่ค้างอยู่บนตัวดาบออกไป
เวลานี้นาทีนี้เขายังคงเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนว่าหนึ่งกระบี่ของเขาที่ฟาดฟันลงไปนั้น ที่ถูกเขาสังหารหาใช่จู่หวัง แต่เป็นเพียงบุคคลที่ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงเท่านั้นเอง
“น่ากลัวเหลือเกิน” บรรดาระดับบรรพบุรุษต่างร่างสั่นเทาทีหนึ่ง เมื่อเห็นหนึ่งกระบี่เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกโชคดีอยู่ในใจ โชคดีที่ตนเองไม่ได้ลงมือไปช่วงชิงมงกุฎปราชญ์ของนิกายหู้ซานจง มิฉะนั้นล่ะก็ ที่นอนอยู่ตรงนี้ก็จะไม่ใช่จู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลาง แต่เป็นตนเองแล้ว
“สถานการณ์ถูกกำหนดแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพ่ายแพ้อย่างยับเยิน” มีผู้ที่ทอดถอนใจออกมาเบาๆ เมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้แล้ว
ใครบ้างจะนึกได้ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นนี้ได้เล่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางได้ส่งกองทัพมาสองสาขาใหญ่ ทั้งยังมีระดับบรรพบุรุษอย่างจู่หวั่งแห่งดินแดนภาคกลางมาควบคุม สุดท้ายก็ยังต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยินภายใต้น้ำมือของหลี่ชิเย่
ในเวลานี้ แค่หลี่ชิเย่เพียงคนเดียวก็สามารถเอาชนะกองทัพหมื่นพันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ต่อให้มีศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมากกว่านี้ ยอดฝีมือมากกว่านี้ ของวิเศษมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ก็เพียงพอแล้ว
“เวลานี้พวกเจ้าวางอาวุธยังทัน” ในขณะนี้ หลี่ชิเย่วางกระบี่ไว้บนตัก มองดูศิษย์ และยอดฝีมือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่โชคดียังคงมีชีวิตอยู่
ในบรรดาศิษย์และยอดฝีมือที่โชคดี มีอยู่ไม่น้อยที่เป็นเจ้าแห่งอาณาจักรๆ หนึ่ง กระทั่งยังมีระดับผู้อาวุโสดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็อยู่ในเหตุการณ์
ในเวลานี้ ทุกคนมองดูกระบี่ยาวที่วางอยู่บนตักหลี่ชิเย่เล่มนั้น ท่าทางล้วนแล้วแต่ดูหวาดกลัว แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ เมื่อมองเห็นกระบี่ยาวเล่มนั้นที่นอนอยู่บนตักหลี่ชิเย่เงียบๆ นั่น ล้วนแล้วแต่ถึงกับสั่นเทาขึ้นในใจ
ทุกคนเมื่อได้สติคืนกลับมาแล้ว ต่างมองไปที่บรรดาศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ ต้องการทราบว่าพวกเขาจะตัดสินใจเลือกอย่างไร
“ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเรามีเพียงผู้ที่ตายในสนามรบ ไม่มีสุนัขที่ยอมแพ้และขอให้ละเว้นชีวิต” เวลานี้ ระดับผู้อาวุโสคนหนึ่งท่ามกลางศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ก้าวเดินออกมา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ถูกต้อง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางพวกเรามีเพียงคนที่สู้รบจนตาย ไม่มีสุนัขที่ยอมแพ้และขอให้ละเว้นชีวิต” เวลานี้มีศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจำนวนไม่น้อยทยอยกันส่งเสียงดังขึ้นมา
“ล้างแค้นให้กับบรรพบุรุษ ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ฆ่า…” ระดับผู้อาวุโสผู้นี้ร้องคำรามเสียงดังขึ้นมา บุกนำหน้าเข้าสังหารหลี่ชิเย่ก่อน พลันลงมือด้วยการเสกเอาเตาวิเศษออกมาใบหนึ่ง เมื่อเตาวิเศษถูกเปิดออก เสียงตูมดังสนั่น เพลิงแก่นสุริยันเทราดไปยังหลี่ชิเย่อย่างไม่ขาดสาย
“ฆ่า…” บรรดาศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ต่างร้องคำรามเสียงดังขึ้น ต่างทยอยกันเสกเอาอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดของตนออกมา และสำแดงกระบวนท่าที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดออกมา ทุกคนแย่งกันบุกเข้าสังหารหลี่ชิเย่
ตูม…เสียงตูมตามดังขึ้นเป็นระลอกไม่ขาดสาย ในพริบตาเดียวนั่นเอง ของวิเศษแต่ละชิ้นที่พุ่งขึ้นสู่อากาศ มีกระบี่เทพ มีดาบศักดิ์สิทธิ์ มีเจดีย์วิเศษ มีเตาสามขาสวรรค์…
ในพริบตาเดียวนั่นเอง เปลวเพลิงมากมายหลากหลายสีสันพุ่งขึ้นท้องฟ้าอย่างรุนแรง ส่องพสุธาสว่างไสวจนเสมือนดั่งกลางวัน ท่ามกลางเสียงร้องฆ่าที่ดังขึ้นเป็นระลอก บรรดาศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางที่โชคดีรอดชีวิตมาได้ต่างกรูกันเข้าสังหารหลี่ชิเย่
“ไม่มีประโยชน์ เป็นการไปรนหาที่ตายเท่านั้นเอง” ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิถึงกับส่ายหัวเมื่อได้เห็นภาพนี้แล้ว
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า ต่อให้มีศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางจำนวนมากกว่านี้กรูกันเข้าสังหารหลี่ชิเย่ก็ไร้ประโยชน์ ต่อให้จำนวนคนมากกว่านี้ก็แค่ไปรนหาที่ตายเท่านั้นเอง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะสงเคราะห์พวกเจ้า” หลี่ชิเย่เพียงยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง กระบี่ยาวบนตักอยู่ที่มือ เมื่อเผชิญกับกองทัพนับหมื่นนับพันที่บุกสังหารเข้ามา
แว้งค์…ประกายกระบี่แวบวับทีหนึ่ง พลันกวาดล้างพสุธา เมื่อประกายกระบี่แวบผ่านไป เสมือนดั่งฟ้าดินกลับกลายเป็นกลางวัน ประกายกระบี่ที่กวาดล้างผ่านไปเสมือนดั่งน้ำใสแจ๋วที่กระเพื่อมแผ่เป็นวงและเปล่งประกายออกมายามต้องแสงอาทิตย์ที่พุ่งโจมตีออกไปอย่างนั้น
ท่ามกลางเสียงสั่นเทาของประกายกระบี่ดังแว้งค์จบลง เห็นเพียงหัวแต่ละหัวที่พุ่งขึ้นกลางอากาศ ตามติดด้วยเลือดเป็นสายที่พวยพุ่งขึ้นไป เหมือนหนึ่งเป็นน้ำพุสีเลือดที่พุ่งทะลักไปกลางอากาศอย่างนั้น ประดุจดั่งบุปผาที่เบ่งบาน และโปรยปรายเป็นฝนเลือดลงมานับไม่ถ้วน ท้องห้าได้โปรยปรายฝนเลือดลงมาในเวลาสั้นๆ
ในเวลานี้ ร่างกายแต่ละร่างที่สูญเสียศีรษะไปแล้วได้ล้มตึงลงมา ศพที่ไร้ศีรษะแต่ละศพล้วนแล้วแต่ล้มตัวหงายหลังออกไปพร้อมๆ กัน หากมองดูภาพนี้จากมุมสูงล่ะก็ มันเสมือนหนึ่งเป็นดอกไม้ขนาดยักษ์ที่เบ่งบานขึ้นมาในพริบตา ช่างเป็นภาพที่สยดสยองขวัญอย่างยิ่ง
สุดท้าย ศพแต่ละศพนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น เลือดสดๆ ไหลรินเงียบๆ และรวมตัวกันเป็นธาร นาทีนี้เหมือนว่าทุกอย่างล้วนจับตัวแข็งไปหมด ทุกอย่างล้วนหยุดชะงักไปแล้ว
“นับว่ามีท่วงทีของสำนักเจ้าลัทธิ เสียดาย ไร้สมองไปนิด” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉยและส่งกระบี่ยาวคืนให้กับกัวเจียหุ้ย โดยไม่ได้หันไปมองดูอีกครั้ง
กระบี่เล่มดังกล่าวยังคงเรียบง่ายไม่หรูหราอะไร เหมือนว่ามันเป็นเพียงกระบี่ยาวเล่มธรรมดาๆ เล่มหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เหมือนอาวุธร้ายที่เข่นฆ่าชีวิตคนนับหมื่นนับพันเล่มหนึ่ง
ทุกคนที่มองเห็นภาพของกองศพที่กองสุมดั่งภูเขาในตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราวแล้ว ล้วนแล้วแต่ รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ถูกทำให้ตกใจจนใบหน้าขาวซีด ขาทั้งสองข้างสั่นเทาไม่หยุด
“ให้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางมาเก็บศพก็แล้วกัน” ขณะที่ถูกกัวเจียหุ้ยเข็นออกไปจากตำหนักที่มีไว้พักผ่อนชั่วคราว หลี่ชิเย่เพียงทิ้งคำพูดที่เรียบเฉยคำหนึ่งหลังจากที่ออกจากตำหนักดังกล่าวได้แล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีผู้ใดส่งเสียงออกมาสักคำ ขณะมองดูเงาหลังของหลี่ชิเย่ที่ห่างไกลออกไปจนกระทั่งหายไปจากสายตา ทุกคนต่างมองดูภาพนี้อยู่เงียบๆ ในใจของทุกคนอดที่จะหวาดหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้
‘คนโหดอันดับหนึ่ง’ หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ระดับบรรพบุรุษสำนักเจ้าลัทธิได้สติกลับมา ได้พิจารณาฉายาของหลี่ชิเย่เงียบๆ ในเวลานี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ตระหนักถึงความดุดันและกลิ่นคาวเลือดที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของฉายานี้ได้อย่างแท้จริง
“คนโหดอันดับหนึ่ง โหดจริง!” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนถึงกับร่างสั่นเทา หลังจากนี้ต่อไป ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ลงมืออีกแล้ว ล้วนแล้วแต่ถูกทำให้ขวัญหนีดีฝ่อเพียงได้ยินชื่อโหดของหลี่ชิเย่เท่านั้น
……………………………………………..
Comments