Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2774 จานเซียนอมตะ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2774 จานเซียนอมตะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2774 จานเซียนอมตะ

ผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลางมาแล้ว ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตก็มาแล้ว ในวันนี้เทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลมาด้วยตนเอง แม้ว่าผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลางและยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตต่างไม่ได้ระเบิดอานุภาพที่ปราศจากผู้ต่อกรด้วยความจงใจ และไม่ได้อาศัยพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรมาสยบทั่วหล้า

แต่ว่าพวกเขาทั้งสองอยู่ในเรือรบลำยักษ์ที่อยู่บนท้องฟ้าของเมืองจู่เฉิง ยังคงทำให้ผู้คนทั้งหมดในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า ขณะกลิ่นอายเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่เหมือนมีเหมือนไม่มีวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าของเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขานั้น ได้ทำให้บางคนหายใจหอบไม่ทัน ทำให้ภายในใจของผู้คนรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก เหมือนเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่กดทับอยู่ในใจของทุกคนอย่างนั้น

เมื่อระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลสองท่านมาด้วยตนเอง นาทีนี้ทุกคนต่างรู้สึกเป็นกังวลต่อคนโหดอันดับหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่า มาคราวนี้เกรงว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะสองหมัดยากจะต่อกรสี่มือ แม้ว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ เมื่อต้องต่อกรกับระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลพร้อมกันถึงสองท่าน เกรงว่าคงยากจะมีความได้เปรียบอะไร กระทั่งต้องเสียชีวิตด้วยซ้ำ

“มาแล้วก็ดี” ขณะที่ผู้คนจำนวนมากต่างไม่มั่นใจในคนโหดอันดับหนึ่งอยู่นั้น ในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาปรากฎเสียงที่เรียบเฉยและเอ้อระเหยของหลี่ชิเย่ดังขึ้น เสียงของเขาดังก้องกังวานอยู่บนท้องฟ้า “สังหารเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลสักสามถึงห้าคน พอดีให้ข้าได้อุ่นเครื่องสักหน่อย”

“บ้าระห่ำ บ้าดีเดือด!” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องตาค้างลิ้นพันกัน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ ทุกคนต่างมองหน้ากันและกันในเวลานี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ได้ยินจนรู้สึกงุนงง

สังหารเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลสามถึงห้าคนยังเป็นแค่อุ่นเครื่องเท่านั้นเอง คำพูดที่โอหังถืออำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าคงมีเพียงระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นที่พูดออกมาได้

เกรงว่าผู้ที่พูดว่าสังหารเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลสามถึงห้าคนออกจากปากได้ตามอารมณ์นั้น ก็ต้องเป็นระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนจึงจะทำได้

“นิสัยที่โอหังอวดดีคุกคามผู้อื่น กระทั่งใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำตัวหยิ่ง” ในใจของผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกหวั่นไหว และเสียวสันหลังวาบ และกล่าวว่า “ปรมาจารย์ท่านนี้ของนิกายหู้ซานจงแข็งแกร่งถึงขั้นนี้จริงหรือ?”

ฮึ…ในเวลานี้ เสียงฮึที่น่าเกรงขามดังขึ้น พลันที่เสียงฮึเสียงนี้ดังขึ้นได้ระเบิดฟ้าดินจนแยกออกจากกัน ระเบิดจักรวาลดวงดาวจนละเอียด ระเบิดท้องฟ้านับล้านลี้ ระเบิดทำลายเส้นทางนับหมื่นลี้

แค่เสียงฮึน่าเกรงขามเสียงหนึ่ง เสมือนดั่งฟ้าดินถูกระเบิดจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกถึงอานุภาพยิ่งใหญ่พลันสยบลงกลางใจของตน ขาทั้งสองข้างสั่นเทา และต้องคุกเข่าลงอยู่ที่ตรงนั้นโดยตรง

“คงความอมตะตลอดกาลพลันโกรธแค้น!” แค่เสียงฮึที่น่าเกรงขามเสียงนี้ก็มีอานุภาพที่น่ากลัวขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง แม้แต่เทพแท้จริงขั้นอมตะก็พลันมีสีหน้าที่ขาวซีดในทันที

“พลันที่ยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตโกรธแค้น เคยทำให้ท้องฟ้าร้องไห้เป็นฝนเลือด แคว้นโบราณยันต์แปดทิศทั้งหมดตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด ศัตรูผู้แข็งแกร่งหมื่นพันเคยหายวับไปกับตาในพริบตาภายใต้ความโกรธแค้นของเขา” มีระดับบรรพบุรุษที่ได้ยินเสียงฮึน่าเกรงขามนี้ก็รู้ว่านี่คือการโกรธแค้นของยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต ถึงกับสั่นเทาในใจและหนาวสะท้านไปทั่วร่าง เหมือนหนึ่งตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งอย่างนั้น

“สมควรฆ่า…” ในเวลานี้ เสียงที่แผ่วเบาเสียงหนึ่งดังขึ้น ซึ่งก็คือเสียงของผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลางนั่นเอง

แม้ว่าผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลางไม่เหมือนเช่นยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิตที่พลันโกรธแค้นก็สยบทั่วหล้า แต่ว่า ยามที่เสียงแผ่วเบาของเขาดังขึ้นมานั้น หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก ทุกคนที่อยู่ในเมืองวัฏสงสารเมืองบนเขาล้วนแล้วแต่รู้สึกเหมือนตนเองอยู่ท่ามกลางหิมะอย่างนั้น เหมือนลมหนาวเย็นยะเยือกโชยมา ทำให้ผู้คนจำนวนเท่าไรพลันถูกความเย็นยะเยือกที่น่ากลัวทำให้กลายเป็นน้ำแข็งแกะสลัก

“น่ากลัว…” ผู้คนจำนวนเท่าไรมีสีหน้าที่ขาวซีด รู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อมองเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยหนาวจนกลายเป็นน้ำแข็งแกะสลักท่ามกลางเสียงนี้ ต่างไม่กล้าเผยตัวออกมาด้วยการหลบอยู่ภายในบ้าน

“หากระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาลสองคนลงมือพร้อมกันล่ะก็ มันสามารถค้ำยันท้องฟ้าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมดได้เลยนะ” มียอดฝีมือที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงในใจ สั่นเทิ้มทีหนึ่งและกล่าวว่า “หากพวกเขาทั้งสองร่วมมือกัน ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารของพวกเรายังจะมีผู้ใดสามารถต่อกรได้รึ?”

“นับว่าน่ากลัวโดยแท้ หากผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลางร่วมมือกับยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต เกรงว่าสามารถต่อสู้กับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิพรรษ” ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะท่าทางหนักแน่นจริงจัง

“คนโหดอันดับหนึ่งสามารถต่อกรได้จริงรึ?” ทุกคนต่างรับรู้ถึงความน่ากลัวของระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะชั้นคงความอมตะตลอดกาล ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่า ภายใต้การร่วมมือระหว่างผู้เฒ่าเซียนแห่งดินแดนภาคกลางและยันต์แปดทิศกุมชะตาสรรพชีวิต เรียกได้ว่าคงรอดยาก

“การเข่นฆ่ามารสังหารสิ่งชั่วร้ายเป็นสิ่งที่พวกเราสมควรกระทำ” ขณะที่ทุกคนต่างคาดหวังกับศึกในครั้งนี้อยู่นั้น อีจ้าวเหว่ยในฐานะรัชทายาทแคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้เป็นตัวแทนของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศประกาศทำศึกปราบปราม

นิกายหู้ซานจงฝ่าฝืนคำสั่งสอนบรรพบุรุษ ตกต่ำเข้าสู่ฝ่ายมาร พึ่งพาอาศัยต่อจอมมาร เข้าเป็นพวกกับคนโหดร้าย เข่นฆ่าศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางนับพันนับหมื่น เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ สังหารคนดี ทำความชั่วในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แคว้นโบราณยันต์แปดทิศในฐานะผู้เป็นที่คาดหวังของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ยินดีแบกรับการภารกิจขจัดมารผดุงคุณธรรมที่หนักอึ้ง…มาวันนี้ จ้าวเหว่ยไม่เจียมตนยินดีสู้กับคนโหดมารร้ายถึงที่สุด ดังนั้นจึงขอเชิญชวนผู้กล้า และสำนักใต้หล้าร่วมให้ความช่วยเหลือ ช่วยเหลือจ้าวเหว่ยอีกแรง ร่วมกันเปิดใช้จานเซียนอมตะ

คำประกาศศึกปราบปรามของรัชทายาทอีจ้าวเหว่ยแห่งแคว้นโบราณยันต์แปดทิศพลันส่งตรงไปถึงมือของสำนักเจ้าลัทธิจำนวนนับไม่ถ้วนของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทันที ระดับบรรพบุรุษจำนวนมากต่างได้รับคำประกาศศึกปราบปรามของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศในลำดับแรก

“ร่วมกันเปิดใช้จานเซียนอมตะ!” ภายในใจของแคว้นเจ้าลัทธิจำนวนมากถึงกับสดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกเสียวสันหลังวาบ รู้สึกว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่แล้ว

“มีความจำเป็นจะต้องเปิดใช้จานเซียนอมตะจริงรึ?” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษที่เก่ากะลาบางส่วนยังถึงกับลังเลนิดหนึ่ง หลังจากได้ยินคำประกาศศึกปราบปรามลักษณะเช่นนี้แล้ว

“จานเซียนอมตะใช้เพื่อการสังหารมารทำลายศัตรูมาโดยตลอดมิใช่รึ? เวลานี้นำมาใช้กับนิกายหู้ซานจงมันเหมาะสมรึ?” ในขณะนี้ ตระกูลขุนนางโบราณที่เก่าแก่โบราณบางส่วนอดที่จะไตร่ตรองกับสิ่งนี้ไม่ได้

“จานเซียนอมตะน่ะ เมื่อไหร่ที่เปิดใช้เกรงว่านิกายหู้ซานจงจะต้องถูกทำลาย คนโหดอันดับหนึ่งต้องตายแน่นอน” มีผู้ยิ่งใหญ่ท่าทางสะดุ้งกับสิ่งนี้

ผู้คนจำนวนมากต่างมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจังขึ้นมาเมื่อเอ่ยถึงจานเซียนอมตะ แม้แต่แคว้นโบราณที่มีสัมพันธ์อันดีกับแคว้นโบราณยันต์แปดทิศก็อดที่จะหนักแน่นจริงจังขึ้นมา

จานเซียนอมตะคือท่าไม้ตายที่ผู้เฒ่าอมตะ ปฐมบรรพบุรุษระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารได้ทิ้งเอาไว้ ซึ่งก็คือธาตุแท้ภายในที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร อานุภาพของมันฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง มีผู้กล่าวว่า พลันที่สำแดงจานเซียนอมตะออกมา เท่ากับเป็นการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุดของผู้เฒ่าอมตะในครั้งนั้น

ลองนึกภาพดู ผู้เฒ่าอมตะคือระดับปฐมบรรพบุรุษ ชั้นแดนลัทธิเซียนที่มีความปราดเปรื่องน่าทึ่งอย่างยิ่ง กระบวนท่าการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรมากที่สุดของเขามันช่างมีความน่ากลัวเพียงใด

ขณะที่ผู้เฒ่าอมตะได้ทิ้งจานเซียนอมตะเอาไว้นั้น ได้ทิ้งอักขระยันต์เอาไว้สิบแปดตัว โดยอักขระยันต์เหล่านี้ได้แยกย้ายไปอยู่ในมือของแคว้นเจ้าลัทธิสิบแปดแห่งในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร

ถ้าหากต้องการปลุกพลังทั้งหมดที่มีของจานเซียนอมตะให้ตื่นขึ้นมา เพื่อให้สำแดงสุดยอดท่าการโจมตีที่ปราศจากผู้ต่อกรที่สุด จำเป็นต้องเปิดใช้อักขระยันต์ทั้งสิบแปดตัวพร้อมกัน จึงจะได้ผล

ด้วยเหตุนี้เอง เมื่อระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเปิดใช้จานเซียนอมตะนั้น การโจมตีในลักษณะเช่นนี้ก็จะเป็นปณิธานของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมด

ในพันล้านปีที่ผ่านมา ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารจะไม่มีการเปิดใช้จานเซียนอมตะโดยง่ายดาย เว้นแต่จะมีศัตรูที่กล้าแข็งบุกรุก หรือรุกรานเข้ามาทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร และหรือเป็นช่วงที่ฝ่ายมารอยู่ระหว่างรุ่งเรือง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเปิดใช้จานเซียนอมตะ

โดยทั่วไปแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จานเซียนอมตะจะถูกนำมาใช้กับสำนักที่อยู่ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร และหรือศิษย์คนใดคนหนึ่ง จะอย่างไรเสีย การที่ผู้เฒ่าอมตะได้ทิ้งจานเซียนอมตะเอาไว้ในครั้งนั้นเพื่อต้องการให้นำมาต่อต้านศัตรูจากภายนอก และสังหารฝ่ายมาร หาใช่นำมาใช้เพื่อรับมือ หรือการทำลายล้างสำนักที่อยู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร หรือศิษย์

เวลานี้แคว้นโบราณยันต์แปดทิศต้องการเรียกร้องให้ผู้คนทั่วหล้าเปิดใช้จานเซียนอมตะ แล้วจะไม่ให้ผู้คนจำนวนมากต้องลังเลกับสิ่งนี้ได้เล่า

เสียงตูม…ดังสนั่น จังหวะที่ผู้คนใต้หล้าต่างรู้สึกตระหนกอยู่นั้น บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิและตระกูลขุนนางโบราณที่มีอักขระยันต์อยู่ในมือกำลังลังเลอยู่นั้น บนท้องฟ้าปรากฏเสียงดังตูมตามดังขึ้น

ในเวลานี้ เห็นเพียงท้องฟ้าเบื้องบนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารปรากฎอักขระยันต์ที่ไม่มีสิ้นสุดลอยขึ้นมา เหมือนเป็นทะเลยันต์ที่ยิ่งใหญ่มากมายถูกแขวนเอาไว้บนระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารอย่างนั้น

จานเซียนอมตะ…สีหน้าของทุกคนในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารล้วนแล้วแต่เปลี่ยนไปมากทีเดียว เมื่อมองเห็นบนท้องฟ้าปรากฏทะเลอักขระยันต์ที่วิ่งห้อไม่มีการหยุดอย่างนั้น ถึงกับร้องเสียงแหลมขึ้นมา และรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ในเวลานี้ ได้ยินเสียงดังตูมตามดังตูม ตูม ตูมขึ้นมาไม่ขาดสาย ท่ามกลางทะเลอักขระยันต์นั้น เหมือนคลื่นอักขระยันต์ที่ไหลพลุ่งพล่านไม่หยุด เห็นเพียงด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือถึงกับมีอักขระยันต์ไม่มีสิ้นสุดที่ถูกสลักเอาไว้บนท้องฟ้า

ครั้นได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นมานั้น เห็นเพียงตัวอักขระยันต์แต่ละตัวที่ถูกกหล่อและสลักเอาไว้ตรงนั้น ส่งประกายแวบวับ ตัวอักขระยันต์ที่ถูกสลักเอาไว้ตรงนั้นดูจะมีน้ำหนักมากอย่างยิ่ง เหมือนว่าตัวอักขระยันต์ทุกตัวมีน้ำหนักหนึ่งหมื่นห้าพันล้านล้านล้านตัน เสมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แต่ละลูกที่ถูกสลักเอาไว้ตรงนั้น

เมื่ออักขระยันต์แต่ละตัวที่มีลักษณะเช่นนี้ถูกสลักเอาไว้ตรงนั้น ก็จะพบว่าในเวลานี้ภาพรวมของอักขระยันต์ทั้งหมดคล้ายดั่งเป็นจานเซียนที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารใบหนึ่ง ตัวอักขระยันต์ทั้งหมดที่อยู่บนจานเซียนล้วนแล้วแต่ถูกหล่อและเจียรไนอยู่บนจานเซียน เมื่อตัวอักขระยันต์ที่ดูไปแล้วว่าเป็นการสลักเอาไว้ตรงนั้น ความจริงก็คือ ตัวอักขระยันต์ที่เดิมถูกสลักเอาไว้ตรงนั้นเพียงถูกจุดติดให้สว่างขึ้นมาเท่านั้น

“มีอักขระยันต์จำนวนสามในสิบแปดตัวถูกจุดติด เป็นการนำเอาอักขระยันต์สามตัววางลงบนจานเซียนอมตะแล้ว” มีผู้ร้องเสียงดังขึ้นมาเมื่อมองเห็นภาพนี้แล้ว รู้สึกไม่ใช่เรื่องดี

“นั่นมันคืออักขระยันต์สามตัวของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศนั่นเอง” ผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกตระหนก เมื่อเห็นอักขระยันต์บนท้องฟ้าถูกจุดติด

ในครั้งนั้น ผู้เฒ่าอมตะได้ทิ้งอักขระยันต์เอาไว้สิบแปดตัว โดยอักขระยันต์ทั้งสิบแปดตัวได้ตกไปอยู่ในมือของแคว้นเจ้าลัทธิสิบแปดแห่ง

ต่อมาภายหลัง จากการที่กาลเวลาเคลื่อนผ่านไป ความรุ่งเรืองและความเสื่อมสลับสับเปลี่ยนเจ้าของไปครั้งแล้วครั้งเล่า อักขระยันต์จานเซียนอมตะที่อยู่ในมือของพวกเขาก็จะถูกสำนักที่แข็งแกร่งมากกว่าเขาแย่งชิงเอาไป

มาถึงวันนี้ แคว้นโบราณยันต์แปดทิศในฐานะที่นับเป็นแคว้นเจ้าลัทธิที่แข็งแกร่งมากที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ในมือของพวกเขามีอักขระยันต์จานเซียนอมตะอยู่สามตัว

เสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้น ในเวลานี้เอง บนท้องฟ้ามีอักขระยันต์สว่างไสวขึ้นมาอีกแล้ว เหมือนเป็นตัวอักขระยันต์ตัวแล้วตัวเล่าที่ถูกสลักเอาไว้บนท้องฟ้าอย่างนั้น มีความสุกใส และประกายสีทองแวบวับ

“ห้าในสิบแปด” ผู้คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองไปบนท้องฟ้าอย่างไม่ลดละ เมื่อเห็นตัวอักขระยันต์บนท้องฟ้าได้สว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง

“น่าจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง อักขระยันต์สองตัวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ใส่ลงไปแล้ว” เมื่อมองเห็นอักขระยันต์บนท้องฟ้าสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง

ในมือของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็มีอักขระยันต์อยู่สองตัว ในครั้งนี้ แคว้นโบราณยันต์แปดทิศได้ประกาศทำศึกเพื่อเปิดใช้จานเซียนอมตะขึ้น ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางได้ปฏิบัติตามทันที ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดคิดอยู่แล้ว

“แคว้นโบราณยันต์แปดทิศร่วมมือกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง มีอักขระยันต์รวมห้าตัวอยู่ในความครอบครอง ซึ่งนั่นเท่ากับมีพลังใกล้เคียงหนึ่งในสามของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แล้วล่ะ” มียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่รู้สึกตระหนกเมื่อได้เห็นภาพลักษณะเช่นนี้

…………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *