Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2794 ความมืดมาเยือน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2794 ความมืดมาเยือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2794 ความมืดมาเยือน

แม้จะกล่าวว่าหลี่ชิเย่นั้นกักตนอยู่ภายในตำหนักปฐมบรรพบุรุษ แต่ว่า ในขณะนี้หลี่ชิเย่ไม่ได้อยู่ภายในตำหนักปฐมบรรพบุรุษแล้ว

ในเวลานี้ หลี่ชิเย่เสมือนดั่งอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่กว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต เพียงแต่ที่โหมสาดซัดไม่ขาดรอบๆ ตัวหาใช่น้ำทะเล แต่เป็นพลังแก่นฟ้าดิน พลังแก่นสัจธรรม พลังที่เข้มข้น…

จากการที่คลื่นยักษ์ม้วนตัวขึ้นมานั้น สามารถมองเห็นอักขระยันต์จำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังโหมสาดซัดและพลิกตัวไปมา ทุกๆ อักขระยันต์ล้วนแล้วแต่ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมสูงสุดเอาไว้ ทุกๆ อักขระยันต์เมื่อกางออกมาล้วนแล้วแต่เป็นบทคัมภีร์สูงสุดบทหนึ่ง ล้วนแล้วแต่เป็นเคล็ดวิชาสูงสุด

เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปบนนภา เห็นเพียงประกายดาวที่เจิดจรัส ขณะที่ประกายดาวโปรยปรายลงมานั้น ได้ทำการประดับประดาโลกทั้งโลก ทำให้โลกใบนี้แลดูช่างงดงามอะไรอย่างนั้น ช่างเปี่ยมด้วยความมีชีวิตชีวาอะไรอย่างนั้น

แต่ว่า ที่เปล่งประกายสว่างไสวบนท้องฟ้านั่นหาใช่ดวงดาวแต่ละดวง แต่เป็นหลักกฎเกณฑ์สัจธรรมแต่ละข้อที่ขดตัวจนกลายเป็นอย่างที่เห็น เมื่อประกายดาวนับไม่ถ้วนปลิวลงมานั้น ได้ปลิวกระจายไปในมหาสมุทรที่สุดลูกหูลูกตา และพวกมันก็ได้กลับกลายเป็นลวดลายเต๋าจำนวนนับไม่ถ้วน

ท่ามกลางโลกลักษณะเช่นนี้ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ต่างฝ่ายต่างเปลี่ยนแปลง และเสริมส่งกันและกัน ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ก่อกำเนิดขึ้นไม่มีสิ้นสุด เวียนว่ายตายเกิดไม่จบไม่สิ้น หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีสิ้นสุด ท่ามกลางโลกลักษณะเช่นนี้ดูเหมือนว่าไม่มีเวลา ไม่มีช่องว่าง การที่รั้งอยู่ที่ตรงนี้ เหมือนว่าสามารถบรรลุถึงการมีชีวิตเป็นนิรันดร์ในตำนานได้อย่างนั้น

สิ่งนี้แหละคือต้นกำเนิดสัจธรรม ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร ต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเขาก็คือแก่นแท้ แทนทุกสิ่งทุกอย่างในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมด

ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวสำหรับศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารแต่ละรุ่นแล้ว ต้นกำเนิดสัจธรรมของพวกเขาประดุจดั่งเป็นปริศนามาโดยตลอด มีผู้ที่กล่าวว่าแคว้นโบราณยันต์แปดทิศเคยควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารมาก่อน และเคยมีผู้ที่กล่าวว่า นิกายหู้ซานจงในยุคที่เจริญรุ่งเรื่องสุดขีดก็เคยควบคุมต้นกำเนิดสัจธรรมระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารมาเช่นกัน…

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคำกล่าวอีกอย่างว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารอยู่ในความควบคุมของวิหารอมตะตลอดมา และด้วยเหตุนี้เองวิหารอมตะจึงได้คงความเป็นอมตะตลอดกาล วิหารอมตะจึงมีความเจริญไม่หยุดนิ่ง วิหารอมตะจึงได้เป็นผู้ที่ครองอำนาจของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารตลอดมา

ความจริงแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารไม่เคยอยู่ในมือของใคร และไม่ได้อยู่ในความควบคุมของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือสำนักหนึ่งสำนักใด กล่าวได้ว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารไม่เคยมีใครสามารถควบคุมมันได้

ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารมีความพิเศษยิ่งนัก มันดำรงอยู่ในฐานะเป็นเอกเทศโดยตลอด มันได้เกาะผนึกความเชื่อของศิษย์แต่ละคน เกาะผนึกความยึดมั่นรักษาของศิษย์แต่ละคนมาชาติแล้วชาติเล่า ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้มีการเฝ้าสังเกตการณ์ของผู้เฒ่าอมตะ และมีร่างแท้จริงของผู้เฒ่าอมตะ

ตัวของหลี่ชิเย่ในเวลานี้ก็อยู่ท่ามกลางต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารนั่นเอง พลังต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร และพลังแก่นฟ้าดินที่มีอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสายล้วนแล้วแต่ห่อหุ้มตัวของเขาเอาไว้ ทุกๆ อณูบนร่างกายของเขาล้วนแล้วแต่ตลบอบอวลไปด้วยพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียม

แน่นอน การที่ตัวของหลี่ชิเย่ถูกห่อหุ้มด้วยต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งตัวนั้น หาใช่เพราะหลี่ชิเย่ต้องการยึดเอาพลังต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมดมาเป็นของตน และไม่ได้ต้องการหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันกับต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารทั้งหมด

การที่หลี่ชิเย่ถูกห่อห้าอยู่ท่ามกลางต้นกำเนิดสัจธรรมนั้น เป็นเพราะต้องการหยิบยืมพลังทั้งหมดของต้นกำเนิดสัจธรรมเพื่อช่วยเหลือตัวเขาอีกแรง ในการเพิ่มความเร็วบดขยี้ทำลายสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดที่อยู่ภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรเท่านั้นเอง

ลองนึกภาพดู ตอนแรกนั้นผู้เฒ่าอมตะมีความแข็งแกร่งเช่นใด เขาได้สร้างต้นกำเนิดสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ขึ้นมา มันช่างเป็นต้นกำเนิดสัจธรรมที่ฝืนลิขิตสวรรค์อะไรอย่างนั้น ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้การเกาะผนึกมายุคแล้วยุคเล่าของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร แม้ตัวของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารเองไม่ได้มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นครั้งที่เจริญรุ่งเรืองขีดสุดนั่น แต่ว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมกลับไม่ได้อ่อนแอลง ตรงกันข้าม ต้นกำเนิดสัจธรรมของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารภายใต้การเกาะผนึกกันในลักษณะเช่นนี้ กลับเติบโตแข็งแรงขึ้นทุกวัน ความหนาและลึกซึ้งของธาตุแท้ภายใน เรียกได้ว่าอยู่เหนือจินตนาการของผู้คนบนโลกไปมากทีเดียว

ภายใต้ความช่วยเหลือของต้นกำเนิดสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ ความเร็วในการบดขยี้ทำลายสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดก็เพิ่มความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ภายใต้การช่วยเหลือของต้นกำเนิดสัจธรรมเช่นนี้ การบดขยี้ทำลายสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดก็มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นแล้ว

กล่าวสำหรับผู้คนบนโลกแล้ว พลังต้นกำเนิดสัจธรรมที่ยิ่งใหญ่ไพศาลและบริสุทธิ์เช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นเรื่องของวาสนา หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่นจะต้องทำการดูดกลืนพลังต้นกำเนิดสัจธรรมนี้อย่างบ้าคลั่ง กระทั่งมีผู้ที่จะต้องทุ่มเทความคิดทุกอย่างให้รวมตัวกับต้นกำเนิดสัจธรรมของตน ต่อให้ไม่สามารถทำการยึดครองต้นกำเนิดสัจธรรมทั้งหมดมาเป็นของตน ก็ต้องให้ต้นกำเนิดสัจธรรมมาทำให้ตนเองเติบใหญ่แข็งแรงขึ้น

ขณะที่หลี่ชิเย่ดูแคลนในสิ่งนี้อย่างยิ่ง เขาเอาแค่เพียงหยิบยืมพลังต้นกำเนิดสัจธรรมมาเท่านั้น ไม่ได้ทำการยึดครองต้นกำเนิดสัจธรรมมาเป็นของตนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น ต้นกำเนิดสัจธรรมลักษณะเช่นนี้คือพลังกายใจชั่วชีวิตของผู้เฒ่าอมตะ เป็นเขาที่ได้ทิ้งสุดยอดฝีมือนี้เอาไว้

ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าอมตะ และหรืออมตะตระกูลเซียวก็ถือเป็นวาสนาอย่างหนึ่งกับหลี่ชิเย่ ดังนั้น หลี่ชิเย่จึงยิ่งไม่ไปยึดครองพลังของต้นกำเนิดสัจธรรมนี้แม้แต่น้อย

เมื่อตัวของหลี่ชิเย่มาอยู่ท่ามกลางต้นกำเนิดสัจธรรมทำการบดขยี้ทำลายสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดอยู่นั้น ทั่วระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารดูจะสงบสุขเป็นอันมาก ช่วงระยะเวลานี้ดูสงบเงียบไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นสะเทือนเลื่อนลั่น

ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีผู้ที่เกือบจะลืมคำพูดประโยคนั้นไปแล้ว นั่นก็คือฟ้าจะเปลี่ยนสี เมื่อคนโหดปรากฎ!

ในคืนนี้เอง ทันใดนั้นความมืดสายหนึ่งได้บินผ่านท้องฟ้าของแดนลัทธิเซียน ในขณะนี้ แดนลัทธิเซียนอยู่ในความสงบสุข อาณาประชาราษฎร์นับไม่ถ้วนยังอยู่ท่ามกลางการนอนหลับฝันหวานอยู่

เมื่อความมืดสายนี้วิ่งผ่านไปบนท้องฟ้าของแดนลัทธิเซียนนั้น อย่าว่าแต่ยอดฝีมือธรรมดาทั่วไปเลย แม้แต่ระดับปฐมบรรพบุรุษก็ไม่ได้พบเห็นสิ่งนี้

ประกายความมืดสายนี้พลันโฉบผ่านไป ภายในความมืดได้ส่งประกายวูบวาบออกมา โดยประกายที่วูบวาบนั้นเป็นสีเหลืองทอง เหมือนว่าภายในสีดำได้แอบซ่อนประกายเหลืองทองเอาไว้ และคล้ายประกายสีเหลืองทองต้องการห่อหุ้มความมืดนี้เอาไว้ ความมืดและสีเหลืองทองต่างพันตูซึ่งกันและกัน ต่างต่อสู้ช่วงชิงซึ่งกันและกัน เหมือนว่าต่างมีฝีมือพอๆ กันในเวลานี้

จังหวะที่ความมืดสายนี้โฉบผ่านบนท้องฟ้าของแดนลัทธิเซียนนั้น หลี่ชิเย่ที่อยู่ภายในต้นกำเนิดสัจธรรมพลันถูกทำให้ตกใจตื่นและลืมตาทั้งสองขึ้นมา เปิดเนตรฟ้าและมองไปยังฟ้าดินทันที สายตาได้ล็อกเป้าหมายที่เป็นความมืดสายนั้นซึ่งวิ่งผ่านไปทันที

นี่มันคือ…สายตาของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้า เมื่อมองเห็นความมืดสายนี้ที่โฉบผ่านไป และปรากฎประกายที่น่ากลัวเบ่งบานขึ้นมา ประกายแต่ละสายของเขาเหมือนว่าสามารถฟันเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดินให้แยกออก และฟันทุกสิ่งให้ร่วงลงมาได้

“กลิ่นอายนี้เจ้าคุ้นเคยกระมัง” ในเวลานี้ แม้แต่สุดยอดความน่ากลัวสูงสุดที่ถูกสยบและพันธนาการเอาไว้ภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรก็รับรู้ได้แล้ว แม้ว่ามันจะถูกบดขยี้ทำลายจนเกือบหมดแล้ว มันยังคงมีความรู้สึกไวต่อความมืดในลักษณะเช่นนี้

สุดท้าย ได้ยินเสียงตูม…ดังสนั่น ความมืดสายนี้พลันตกลงมา และพุ่งชนกับพื้นดิน และสถานที่ที่ความมืดสายนี้ตกลงก็คือสถานที่ที่เปลี่ยวและห่างไกลที่สุดของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์นั่นเอง

ครั้นความมืดลักษณะเช่นนี้ตกลงสู่บริเวณที่ว่างเปล่าปราศจากผู้คนอาศัยในรัศมีนับล้านลี้ ทั่วพื้นดินเหมือนถูกหลอมละลายไปพลันอย่างนั้น ดินถูกหลอมละลายกลายเป็นลาวาทันที และทั้งหมดถูกหลอมละลายกลายเป็นลาวาความมืดโดยพลัน

ดูเหมือนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่แห่งนี้ถูกหลอมละลายจนกลายเป็นแดนมารในชั่วพริบตาเดียว มีจอมมารจะถือกำเนิดขึ้นบนพื้นที่บริเวณนี้อย่างนั้น

หลังจากที่ผืนแผ่นดินนี้ถูกหลอมละลายกลายเป็นลาวาความืดแล้วนั้น ในเวลานี้เอง ใต้พื้นดินปรากฎประกายแต่ละสายที่มุดขึ้นมา โดยที่ประกายแต่ละสายมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เสมือนดั่งประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ครอบคลุม และกำลังทำการเปลี่ยนแดนมารความมืดลักษณะเช่นนี้ให้บริสุทธิ์อย่างนั้น

พริบตาเดียวระหว่างที่ความมืดตกและพุ่งชนนั้น ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่พลันดูน่าเกรงขาม เห็นร่างของเขาแวบหนึ่ง พลันก้าวข้ามท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวนับไม่ถ้วน ก้าวข้ามอาณาจักรจำนวนนับไม่ถ้วน พลันก้าวข้ามระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ ลัทธิแล้วลัทธิเล่า ก้าวเข้าสู่ภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่มีชื่อว่าหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ในชั่วพริบตาเดียว

ในเวลานี้ กล่าวสำหรับแดนลัทธิเซียนทั้งหมดแล้ว ยังคงมีสภาพที่สงบเงียบโดยทั่วไป ยังคงเงียบสงัด กระทั่งกล่าวได้ว่า อาณาประชาราษฎร์ทั่วหล้านับไม่ถ้วนยังคงไม่รู้ว่ามีเรื่องราวเกิดขึ้นแล้ว

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว คลื่นเสียงได้ถูกส่งออกไป หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่จึงได้สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ซึ่งดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดบางส่วน เช่นระดับปฐมบรรพบุรุษ

หลังจากที่ความมืดสายนี้ได้พุ่งชนพื้นดินไปชั่วครู่ใหญ่แล้วจึงมีระดับปฐมบรรพบุรุษถูกทำให้แตกตื่น มีปฐมบรรพบุรุษที่ลุกขึ้นยืนทันที มองฟ้าดินจากระยะห่างไกล สำรวจตรวจตราอาณาจักรนี้ แม้ว่าในพริบตาเดียวนี้ยังคงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหน แต่ว่า ภายในใจได้ตื่นตัวขึ้นแล้ว

นี่มันคือ…มีระดับปฐมบรรพบุรุษที่คำนวณดูแล้ว ท่าทีรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมา และกล่าวว่า “นี่มันเป็นปณิธานชั่วร้ายที่มาจากไหนกัน! ” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วมีท่าทีหนักแน่นจริงจังขึ้นมา

ในเวลานี้ ปฐมบรรพบุรุษได้เปิดเนตรฟ้าขึ้นมาเพื่อทำการสำรวจตรวจตราใต้หล้า ต้องการค้นหาสถานที่ที่ความมืดสายนี้ตกและพุ่งชนที่ถูกต้องและแน่นอน

อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่เร็วกว่าก้าวหนึ่งไปนานแล้ว ไปถึงยังจุดที่ความมืดสายนั้นได้พุ่งชนทันที ความรวดเร็วของเขาไม่มีผู้ใดเทียบได้ แค่ก้าวเพียงก้าวเดียวก็เหยียบลงบนผืนแผ่นดินที่รกร้างว่างเปล่าแห่งนี้

เพียงแต่ว่า เวลานี้พื้นที่ที่รกร้างว่างเปล่าได้ถูกหลอมละลายกลายเป็นแดนมารไปแล้ว ทุกๆ ที่ล้วนแล้วแต่พวยพุ่งเป็นลาวามืดดำออกมา ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามหากถูกกระเด็นใส่ก็ต้องถูกเผาไหม้ไปทันที

แม้ว่าผืนแผ่นดินผืนนี้ได้ถูกหลอมละลายจนกลายเป็นแดนมาร แต่ว่า ใต้พื้นดินยังคงมีประกายศักดิ์สิทธิ์ที่ทะลักขึ้นมา ประกายศักดิ์สิทธิ์มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง และประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายที่พุ่งทะลักขึ้นมานั้นเหมือนว่าไม่มีสิ้นสุดอย่างนั้น พวกมันกำลังทำพื้นที่ที่เป็นแดนมารเช่นนี้ให้บริสุทธิ์

กล่าวสำหรับลาวามืดดำที่พุ่งทะลักออกมาเต็มพื้นที่นั้น ประกายแต่ละสายที่มุดออกมาดูเหมือนจะเล็กจิ๋วอะไรอย่างนั้น แต่ว่า บรรดาประกายศักดิ์สิทธิ์เล็กจิ๋วเหล่านี้ยังคงดื้อรั้นยิ่งที่จะทำให้แดนมารนี้มีความบริสุทธิ์ ทั้งยังมีการหนุนเนื่องขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อข้างหน้าล้มลง ต่อให้มีประกายศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากหายวับไปกับตาในพริบตาระหว่างขั้นตอนของการทำให้บริสุทธิ์ แต่ว่า ด้านหลังยังคงมีประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายที่มุดต่อเนื่องกันขึ้นมา

สิ่งนี้เสมือนดั่งเป็นหิ่งห้อยแต่ละตัวที่บินอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าในยามค่ำคืน แม้ว่าเจ้าหิ่งห้อยแต่ละตัวจะรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่สามารถจุดติดให้ความมืดสว่างขึ้นมาโดยสิ้นเชิง แต่ว่า พวกเขายังคงส่งประกายของตนออกมาแวบวับ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไปจุดติดความมือให้สว่าง แม้ว่าหิ่งห้อยแต่ละตัวจะล้มลง แต่ด้านหลังยังมีหิ่งห้อยจำนวนมากยิ่งกว่าที่หนุนเนื่องต่อกันมา

สามารถมองออกว่า ขอเพียงประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายเหล่านี้หนุนเนื่องกันขึ้นไปเมื่อข้างหน้าล้มลงเพื่อทำพื้นที่มารนี้ให้บริสุทธิ์ เชื่อว่าในอนาคตจะต้องสามารถทำให้พื้นที่มารแห่งนี้บริสุทธิ์ได้อย่างแน่นอน

ภาพของประกายศักดิ์สิทธิ์แต่ละสายที่มุดออกมา แล้วทำพื้นดินมารให้บริสุทธิ์เช่นนี้ ทำให้หลี่ชิเย่ทอดถอนใจขึ้นมาไม่หยุด และที่ตรงนี้คือเขตพื้นที่ของอาณาจักรของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์

“เป็นความศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นมาร” หลี่ชิเย่ถึงกับกล่าวทอดถอนใจขึ้นมาว่า “มิน่าเล่าตาแก่จึงได้พูดว่า จังหวะที่ตกลงสู่ความมืดนั้น เขาเองก็เคยส่องสว่างไปทั่วอย่างยุติธรรม และเคยโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ เสียดาย แม้ว่าเขาจะมีความศักดิ์สิทธิ์ถึงเพียงนั้น มีความสว่างไสวเช่นนั้น สุดท้ายแล้วยังคงตกลงสู่ความมืด และหรือ นั่นก็คือเขาได้ให้กำเนิดความสว่างท่ามกลางความมืด หวังจะให้ความสว่างที่อยู่ท่ามกลางความมืดให้ความช่วยเหลือตนเอง

แน่นอน ไม่มีใครรู้คำตอบนี้ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่า สภาพจิตของปฐมบรรพบุรุษของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ในเวลานั้นเป็นอย่างไร

“คือความสว่าง หรือความมืด อยู่ที่ความคิดชั่วแวบเดียว” สุดท้าย หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และก้าวเท้าก้าวเดียวเขาไปข้างใน

…………………………………………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *