Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2793 ความเป็นอมตะอันยั่วยวน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2793 ความเป็นอมตะอันยั่วยวน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2793 ความเป็นอมตะอันยั่วยวน

เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว หลี่ชิเย่มองไปในที่ที่ห่างไกล แววตากลับกลายเป็นลึกล้ำยิ่งนัก เหมือนว่าได้ตกอยู่ท่ามกลางหวนคะนึงถึงอดีต

กล่าวสำหรับเขาแล้ว กาลเวลาที่ยาวนานได้ผ่านพ้นไปแล้ว เรื่องราวมากหมายเขาก็ได้ปล่อยไปตามอารมณ์แล้ว และเขาได้ก้าวข้ามมันไปแล้ว เรื่องราวบางเรื่อง สิ่งของบางสิ่งกล่าวสำหรับเขาแล้วมักจะวนเวียนอยู่ภายในใจเสมอ

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ หลี่ชิเย่ได้ละสายตากลับคืนมา มองดูฮ่องเต้วิหารอมตะที่ยืนอยู่ข้างกายตลอดมาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แม้ว่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารไม่กลับไปอยู่ในระดับสูงสุดเหมือนเมื่อครั้งครานั้น แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดการที่มีวิหารอมตะพวกเจ้าอยู่ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธินี้ยังคงมีความหวังไม่ถึงขั้นตกต่ำ และไม่ผิดต่อการที่ผู้เฒ่าอมตะผู้เป็นปฐมบรรพบุรุษได้เฝ้าสังเกตุการณ์มายุคแล้วยุคเล่า”

“ขอบคุณคุณชายที่ชื่นชม” ฮ่องเต้วิหารอมตะได้โค้งคารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างงาม แสดงคารวะและกล่าวว่า “บรรพบุรุษได้ฝากถามทุกข์สุขต่อคุณชาย และทักทายปราศรัยด้วยความเคารพสูงสุดต่อคุณชาย”

ตัวเขานับว่าวิถีทางไร้ขีดจำกัด ยังสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไปได้ ไม่แน่นักอนาคตอาจสามารถสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย

“ขอบคุณคุณชาย” ฮ่องเต้วิหารอมตะแสดงคารวะอีกครั้ง

สำหรับฐานะของหลี่ชิเย่ ประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่นั้น ฮ่องเต้วิหารอมตะไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย กระทั่งกล่าวได้ว่าหลี่ชิเย่เป็นคนแบบไหน มีทักษะยุทธอย่างไร นางเสมือนอยู่ท่ามกลางหมอกหนาทึบ มองเห็นไม่ชัดเจนเลยแม้แต่น้อยนิด

แต่ว่า นางไม่จำเป็นต้องไปสืบเสาะเรื่องเหล่านี้ และนางก็ไม่จำเป็นต้องไปศึกษาค้นคว้าสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ไม่จำเป็นที่นางต้องไปกังวล นางเพียงแค่ปรนนิบัติหลี่ชิเย่ให้ดีก็พอแล้ว ซึ่งเป็นภารกิจของนาง และเป็นเรื่องที่นางจะต้องทำอยู่แล้ว

“ไปเถอะ พักผ่อนสักหน่อยก็ดี” หลี่ชิเย่สั่งการกับฮ่องเต้วิหารอมตะว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีที่หนึ่ง ข้าจะพักอยู่ที่นี่ระยะหนึ่ง”

ฮ่องเต้วิหารอมตะไม่พูดมากความตอบตกลงทันที สุดท้าย ภายใต้การเข็นเก้าอี้ล้อเลื่อนด้วยตนเองของฮ่องเต้วิหารอมตะ พวกเขาได้เข้าไปในตำหนักปฐมบรรพบุรุษ…

ทั่วทั้งระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารล้วนแล้วแต่ตื่นตระหนกตกใจหลังจากศึกในครั้งนี้แล้ว ตามติดด้วยความเงียบสงัดไปทั่วทั้งบริเวณ ศึกเดียวที่สะเทือนเลื่อนลั่น การสังหารระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลสองคน ได้วางรากฐานในฐานะความเป็นผู้ปราศจากผู้ต่อกรของหลี่ชิเย่ และวางรากฐานถึงฐานะที่สูงสุดของเขาในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร

ท่ามกลางความเงียบสงัดภายในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมาร มีทั้งคนที่ตื่นตระหนกตกใจ มีคนที่ตื่นตระหนกสะเทือนหวั่นไห มีคนที่หวาดผวา มีคนที่รู้สึกเหลือเชื่อ และมีคนที่เหมือนสูญเสียบิดามารดา…

เป็นต้นว่าสำนักอย่างแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลาง ในเวลานี้ทุกระดับชั้นล้วนอยู่ในความเงียบสงัด บนท้องฟ้าของพวกเขาเรียกได้ว่าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆดำ กล่าวได้ว่าสำนักทั้งสองแห่งนี้ เบื้องบนถึงระดับบรรพบุรุษ เบื้องล่างถึงศิษย์ธรรมดาทั่วไป ล้วนแล้วแต่ตัวสั่นงันงก ล้วนแล้วแต่เกรงว่าหลี่ชิเย่จะแก้แค้นพวกเขา พวกเขาต่างเกรงว่าหลี่ชิเย่จะพาลโกรธขึ้นมาแล้วทำลายล้างสำนักของพวกเขา

นอกเหนือจากแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางแล้ว บรรดาแคว้นเจ้าลัทธิ นิกายโบราณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เคยยืนอยู่ข้างฝ่ายของพวกเขาล้วนแล้วแต่ถูกทำให้ตกใจจนขวัญแขวน วันๆ ต้องอกสั่นขวัญแขวน เกรงว่าหลี่ชิเย่จะลงมือต่อพวกเขา

แม้ว่าขณะพวกเขาวางยันต์จานเพื่อปลุกจานเซียนอมตะให้ตื่นขึ้น พวกเขาไม่ได้เปิดเผยชื่อสำนักของตน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่พวกเขาทำกันลับๆ โดยไม่มีการประกาศแต่อย่างใด

แต่ทว่า ยันต์จานของจานเซียนอมตะมีอยู่เพียงสิบแปดชิ้น หากต้องการสืบทราบว่าวันนั้นใครกันแน่ที่ให้ความช่วยเหลือแคว้นโบราณยันต์แปดทิศและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางนั้น หาใช่เป็นเรื่องยากแต่อย่างใด

สุดท้าย ท่ามกลางวันเวลาที่ต้องตัวสั่นงันงก ในที่สุดมีแคว้นเจ้าลัทธิที่อกสั่นขวัญแขวน บรรพบุรุษของพวกเขาจึงนำพาศิษย์ภายในสำนักไปคุกเข่าอยู่ด้านหน้าตำหนักปฐมบรรพบุรุษ เพื่อขอรับโทษจากหลี่ชิเย่

แคว้นเจ้าลัทธิอื่นๆ เมื่อเห็นสำนักที่เข้ารับการลงโทษด้วยตนเอง พวกเขาก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ปิดบังได้ชั่วคราว ไม่สามารถปิดบังไปได้ตลอด ดังนั้น ต่างทยอยกันตามมาคุกเข่าอยู่ด้านหน้าตำหนักปฐมบรรพบุรุษ เพื่อขอรับการลงโทษจากหลี่ชิเย่

สุดท้าย แม้แต่บรรพบุรุษของแคว้นโบราณยันต์แปดทิศ และดินแดนศักดิ์สิทธิ์ภาคกลางก็ทยอยเดินทางมาขอรับโทษด้วยตนเอง ในเวลานี้ ด้านหน้าของตำหนักปฐมบรรพบุรุษได้มีผู้ที่มาคุกเข่าอยู่เต็มไปหมด เมื่อทอดสายตามองออกไป มองเห็นผมที่ขาวโพลนเป็นบริเวณกว้าง บรรดาผู้คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เฒ่าที่แข็งแกร่งที่สุดของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเซียนมารในยุคปัจจุบัน

สำหรับเหล่าบรรพบุรุษของแคว้นเจ้าลัทธิ นิกายโบราณ ดินแดนศักดิ์สิทธ์ที่มาคุกเข่าเพื่อขอรับการลงโทษอยู่ด้านนอกประตูนั้น หลี่ชิเย่ไม่ได้มีอารมณ์แม้แต่น้อย และไม่ได้เก็บมาใส่ใจ เพียงสั่งการฮ่องเต้วิหารอมตะไปหลายคำ และให้ฮ่องเต้วิหารอมตะเป็นผู้จัดการกับพวกเขาเหล่านั้น

ภายในตำหนักปฐมบรรพบุรุษ หลี่ชิเย่กักตนเพื่อฝึกฝนเงียบๆ ไม่พบผู้ใด ตั้งใจเจียระไนสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดที่ถูกสยบและพันธนาการเอาไว้ภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร

ความจริงแล้ว ภายใต้การสยบและเจียระไนของหลี่ชิเย่นั้น สุดยอดความน่ากลัวสูงสุดภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาแตกต่างจากเดิมไปมากแล้ว กลิ่นอายมารและความชั่วร้ายทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกเจียรไนและทำให้บริสุทธิ์ภายใต้การสยบและเจียระไนของหลี่ชิเย่ ในขณะนี้ สุดยอดความน่ากลัวสูงสุดได้เผยร่างที่แท้จริงออกมาแล้ว

มันคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน อย่าว่าแต่ผู้คนบนโลกมนุษย์เลย แม้แต่หลี่ชิเย่เองก็เพิ่งจะได้เคยเห็นสิ่งมีชีวิตลักษณะเช่นนี้เป็นครั้งแรก แม้ว่าในอดีตจะมีตำราที่เก่าแก่โบราณยิ่งได้บันทึกเอาไว้ และหรือมีการเอ่ยถึงเล็กน้อย แต่ นั้นล้วนแล้วแต่เป็นตำนานเท่านั้น เหมือนจะใช่แต่ก็ไม่ใช่ และต่อให้มีการบันทึกเป็นตัวอักษรบ้างก็ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร เพียงเอ่ยถึงอย่างคลุมเครือเท่านั้น

สุดยอดความน่ากลัวสูงสุดตัวนี้มีเขาที่แหลมอยู่คู่หนึ่ง เขาดังกล่าวมีสีทองอมม่วง และดูงดงามละเอียดอ่อนยิ่งนัก แต่ก็ดูเก่าแก่โบราณยิ่ง เหมือนว่ามันได้ผ่านการเจียระไนมานานนับไม่ถ้วน เขาที่แหลมคู่นี้แผ่กลิ่นอายที่ดึกดำบรรพออกมา พลังของกาลเวลาตลบอบอวลอยู่ระหว่างเขาคู่นั้น ทำให้ผู้พบเห็นรู้ได้ทันทาเขาแหลมคู่นี้มีความสยองขวัญยิ่ง เหมือนว่าไม่มีอาวุธใดๆ บนโลกสามารถเทียบเคียงกับมันได้อีกแล้ว

เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดมีสามตา ถ้าหากจะกล่าวว่าตาซ้ายขวาเป็นการตัดสินหยินและหยาง ถ้าเช่นนั้น ตาที่สามจะต้องควบคุมวัฏสงสารแล้ว

“ได้แต่แค้นที่ข้ายังไม่ได้กลับสู่สภาพที่สูงสุด ถูกพวกเขาทำลายความเป็นอมตะไป มิฉะนั้นล่ะก็ เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ข้าจะต้องชิงร่างกายของเจ้าได้แน่” เสียงที่ดึกดำบรรพ์ของเจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุด แม้จะไม่ใช่ภาษาที่ใช้กันในยุคปัจจุบัน แต่ก็สามารถฟังเข้าใจได้

“ไม่มีถ้าหาก” ท่ามกลางจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร หลี่ชิเย่คือผู้บงการทุกอย่าง ทำลายทุกอย่าง ไม่ว่าผู้ใดคิดจะต่อต้านปณิธานของเขาล้วนเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายก็จะไม่สามารถหนีรอดไปจากชะตากรรมที่ถูกทำลายไปได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้การสยบและพันธนาการของชะตาดั้งเดิมโลกดึกดำบรรพ์แล้ว เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดตัวนี้ได้แต่ยอมรับชะตากรรมที่ต้องถูกหลี่ชิเย่ทำลายแล้ว

ความจริงแล้ว เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดตัวนี้แข็งแกร่งจนถึงขั้นที่ไม่อาจจินตนาการได้ เพียงแต่น่าเสียดายเขากลับตกหลุมพรางของหลี่ชิเย่ แย่งชิงร่างกายหลี่ชิเย่ไม่สำเร็จ ตรงกันข้ามกลับถูกหลี่ชิเย่กักขังและสยบเอาไว้ภายใจจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะหลบเลี่ยงอย่างไร ไม่ว่าเหล่าเวไนยสัตว์จะต่อต้านเช่นใด ในที่สุดก็มีเพียงถูกทำลายหนทางเดียวเท่านั้น พวกเจ้าหนีไม่รอดอยู่แล้ว” สุดท้าย เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดตัวนี้ได้กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ความสยองขวัญจะต้องปรากฎ! พวกเราจะไม่พลาดอาหารมือใหญ่นี้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว”

“ข้ารออยู่” หลี่ชิเย่หาได้ตกใจไม่ มีความนิ่งมากและสบายอกสบายใจยิ่ง ไม่ได้รับผลกระทบจากเจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดตัวนี้เลยแม่แต่น้อย

“เจ้าไม่เคยนึกถึงเรื่องอมตะเลยรึ? ” เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดมองดูหลี่ชิเย่ด้วยตาทั้งสาม และกล่าวว่า “ความเป็นอมตะที่แท้จริง มีชีวิตเป็นนิรันดร์ไม่มีวันตาย”

“เวลานี้ข้าก็คืออมตะ” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย

“ไม่ อมตะที่ข้าพูดถึง กับอมตะที่เจ้าพูดึงไม่เหมือนกัน” เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดตัวนี้ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ความเป็นอมตะของเจ้าตั้งอยู่บนโลกของเจ้าตลอดไปเท่านั้นเอง เจ้ายังคงเป็นฝุ่นผงเท่านั้นเอง เป็นฝุ่นผงที่มีชีวิตอยู่ได้นานกว่าเท่านั้นเอง สิ่งนี้ก็คล้ายเป็นต้นหญ้าต้นเล็กต้นหนึ่งอย่างนั้น ความเป็นอมตะของเจ้าก็แค่เป็นต้นหญ้าน้อยๆ ที่มีชีวิตอยู่ได้นานยิ่งกว่า และมีความแข็งแรงยิ่งกว่าเท่านั้น สุดท้ายแล้วเจ้ายังคงเป็นต้นไม้ใบหญ้า…”

“…ถ้าหากมีสักวันเจ้าไม่ใช่เป็นเพียงต้นไม้ใบหญ้าเล่า? ” ครั้นเจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว ดวงตาทั้งสามดูลึกล้ำ และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “หากเจ้ายังคงเป็นต้นไม้ใบหญ้าล่ะก็ ไม่ว่าเจ้าจะเติบโตได้แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม เจริญเติบโตได้ยาวนานเพียงใดก็ตาม ท้ายสุดก็หนีชะตาไม่พ้น เสมือนดั่งหญ้าที่สักวันถูกลิ้นของแพะหรือวัวตวัดเข้าปากและกลืนลงท้องไป…”

“…ถ้าหากเจ้าหลุดพ้นไปแล้วเล่า? ไม่ใช่ต้นหญ้าเล็กๆ ต้นนั้นอีกต่อไปเล่า? เจ้าไม่เพียงบงการชีวิตของตนเอง ไม่เพียงบงการทุ่งหญ้าผืนนี้ สิ่งที่อยู่ในบงการของเจ้ามันอยู่เหนือจินตนาการของเจ้าไปมากทีเดียว” ครั้นเจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว คำพูดของเจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดเปี่ยมด้วยความยั่วยวน และกล่าวว่า “ขณะที่เจ้ายืนอยู่ที่ตำแหน่งนี้ และทอดสายตามองออกไป ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมทุกอย่างเป็นเพียงเมฆหมอกในสายตาของเจ้าเท่านั้นเอง ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพียงแวบผ่านตาไปอย่างรวดเร็วเท่านั้น ไม่มีสิ่งใดงดงามยิ่งกว่าความเป็นนิรันดร์ ไม่มีสิ่งใดทำให้เจ้าลุ่มหลงได้ยิ่งกว่าการมีชีวิตเป็นนิรันดร์! ”

“แต่ว่า ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็ตกอยู่ในกำมือของข้ามิใช่รึ” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกสำหรับเจ้าแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นพียงอาหารมื้อใหญ่เท่านั้น ถ้าเช่นนั้น เวลานี้เจ้าก็คืออาหารจานโปรดของข้า”

“เจ้ายังคงไม่เข้าใจ ไม่โทษเจ้า เนื่องจากเจ้าเพียงยืนอยู่บนโลกของเจ้าเอง เจ้ายังคงยืนอยู่บนโลกมนุษย์นี้ ต่อให้เจ้ามีสติปัญญามากกว่านี้ มองการณ์ไกลมากกว่านี้ก็จะถูกจำกัด” เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดนี้ไม่แสดงความโกรธ และกล่าวว่า “ความมีชีวิตเป็นนิรันดร์ เมื่อเจ้าบรรลุมันแล้ว มันจะอยู่เหนือจินตนาการของเจ้ามากทีเดียว มีเพียงเจ้ามีชีวิตเป็นนิรันดร์อย่างแท้จริงแล้ว จึงสามารถเข้าใจและซาบซึ้งถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม สามารถเข้าใจและซาบซึ้งถึงความงดงามของมัน มันจะทำให้เจ้าตัดใจไม่ได้ เมื่อเปรียบกับมันแล้ว ทุกสิ่งบนโลกล้วนแล้วแต่ไร้ค่าไม่คู่ควรจะกล่าวถึง”

“แล้วอย่างไร” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง ไม่หวั่นไหว

เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดมีความอดทนสูงมาก กล่าวขึ้นช้าๆว่า “ข้ารู้ว่า ช้าหรือเร็วเจ้าก็ต้องทำลายข้า ข้าไม่สงสัยในความแน่วแน่ของเจ้า เจ้าจะต้องจัดการข้าจนหายวับไปกับตาในพริบตาอย่างสิ้นเชิง กระทั่งยึดครองทุกอย่างของข้าไป หลอมกลั่นทุกอย่างที่ข้ามี แต่ว่า มีสิ่งของบางสิ่งจะต้องถ่ายทอดปากต่อปาก เป็นต้นว่าชีวิตนิรันดร์ เป็นต้นว่าชีวิตที่ลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ถ้าหากเจ้าสนใจล่ะก็ ข้าสามารถบอกเจ้าได้อยู่แล้ว”

“ไม่สนใจ” หลี่ชิเย่ที่อยู่ภายในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่หวั่นไหว ยิ้มๆ แล้วหลับตาลงช้าๆ

“ข้ารู้ว่าเจ้าได้ทุ่มเทความพยายามอย่างมาก เจ้าทุ่มเทชั่วชีวิตของตน คิดจะช่วยเหลือโลกของตน” เจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดเหมือนจะน่าเบื่ออย่างยิ่ง ท่ามกลางการสยบที่แข็งแกร่งยิ่งของหลี่ชิเย่ เขายังคงสามารถแบกรับความเจ็บปวดเช่นนี้ คุยเรื่องมโนสาเร่ของหลี่ชิเย่ได้

กล่าวต่อว่า “แต่ว่า ข้าสามารถบอกกับเจ้าว่า ใครก็ช่วยเหลือโลกของเจ้าไม่ได้ อย่าว่าแต่โลกของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรืออนาคตก็ไม่เคยมีใครสามารถช่วยได้ ขอเพียงวันหนึ่งมีชีวิตเป็นนิรันดร์ก็ไม่มีใครยอมละทิ้ง นี่คือสิ่งที่งดงามที่สุด เป็นต้นว่าตัวข้า ต่อให้ข้าตายไปแล้ว กระทั่งเรียกว่า ข้างบนนั้นหายวับไปกับตาในพริบตาทุกอย่าง เชื่อข้าสิ อนาคตจะต้องมีสักวัน ท้ายที่สุดก็มีคนก้าวเดินไปจึงจุดนั้นอยู่แล้ว สุดท้ายแล้วก็ต้องมีคนไปทำเรื่องเช่นนี้”

ไม่ว่าเจ้าสุดยอดความน่ากลัวสูงสุดจะพูดคุยเรื่องมโนสาเร่อย่างไรก็ตาม หลี่ชิเย่ก็ไม่หวั่นไหว เหมือนนอนหลับไปแล้วอย่างนั้น

………………………………………………………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *