Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2825 มีความผิดเพราะของดีบนตัว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2825 มีความผิดเพราะของดีบนตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2825 มีความผิดเพราะของดีบนตัว

สายตาของอู๋เคอล็อกเป้าอยู่บนตัวของหลี่ชิเย่ หรือจะพูดให้ตรงมากกว่านั้นก็คือ สายตาของเขาจับอยู่ที่กระบี่ล้างบาปที่อยู่ด้านหลังของหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มนิดหนึ่งเท่านั้นเอง โดยไม่ได้พูดอะไร สำหรับสายตาของอู๋เคอที่ล็อกเป้าบนกระบี่ล้างบาปของตน

“สถาบันศึกษาล้างบาปเป็นเพียงสถาบันศึกษาซอมซ่อเล็กๆ เท่านั้นเอง ไม่มีมังกรเร้นกายพยัคฆ์หมอบอะไร เรื่องบางเรื่องมันก็แค่บังเอิญเท่านั้นเอง” ตู้เหวินรุ่ยก็อดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้

“ใต้เท้าอธิการบดี ข้าขอศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันกับนักศึกษาผู้นี้ได้หรือไม่?” อู๋เคอแย่งพูดขึ้นมาโดยตัดบทตู้เหวินรุ่ย มีท่าทีที่ข่มเหงผู้คน แม้จะรู้ว่าตู้เหวินรุ่ยคืออธิการบดีของสถาบันศึกษาล้างบาป เขายังคงมีท่าทีที่อยู่เหนือผู้คน

คำพูดของอู๋เคอเหมือนไม่สนใจว่าตู้เหวินรุ่ยจะตกลงหรือไม่ เขาก็ต้องขอศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันให้ได้

“พวกท่านแน่ใจหรือว่าต้องการขอศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันกับนักศึกษาหลี่ของสถาบันศึกษาพวกเรา?” ตู้เหวินรุ่ยถึงกับเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งออกมา

“ถูกต้อง หวังว่าใต้เท้าอธิการบดีจะส่งเสริม” คำพูดของอู๋เคอพูดได้เคารพนอบน้อมเช่นนี้ แต่ว่า ท่าทางกลับดูจะไม่ให้ความเคารพสักเท่าไร ไม่ว่าใครก็ดูออกว่าเขาได้ตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ไม่ว่าตู้เหวินรุ่ยจะเห็นด้วยหรือไม่ พวกเขาก็จะลงมือกับหลี่ชิเย่

จะโทษว่าอู๋เคอมีความมั่นใจขนาดนี้ก็ไม่ถูก แม้แต่กับอธิการบดีอย่างตู้เหวินรุ่ยก็ไม่ใส่ใจ นั่นเป็นเพราะกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงของพวกเขามีความแข็งแกร่งโดยแท้ ทอดสายตามองออกไปทั่วแดนลัทธิเซียน มีไม่กี่คนที่กล้าดูแคลนต่อกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงของพวกเขา

สมควรทราบว่า กองทัพสัตว์เทพเทียนหรงนั้นก่อตั้งขึ้นโดยราชันหญิงจื่อหลง ราชันหญิงจื่อหลงเป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพ แต่ว่า นางยังมีฐานะที่น่ากลัวอีกหนึ่ง นั่นก็คือเจ้าตำหนักมังกรแท้จริง!

ตามตำนานเล่าว่า ตำหนักมังกรแท้จริงคือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเพียงหนึ่งเดียวที่มีสายเลือดสัตว์เทพอยู่ในครอบครอง เป็นสัตว์เทพที่แท้จริง

แม้ว่า บนโลกนี้มีผู้คน หรือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิ สำนักเจ้าลัทธิจำนวนมากต่างก็กล่าวว่าตนเองมีสายเลือดของสัตว์เทพ แต่ว่า ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นของเทียมเท่านั้น หาใช้เป็นสัตว์เทพที่แท้จริง อย่างมากที่สุดก็อาจมีสายเลือดของสัตว์เทพชนิดใดชนิดหนึ่ง กระทั่งเป็นไปได้ว่าเป็นสายเลือดที่เจือจางมาก

ขณะที่ตำหนักมังกรแท้จริงคือผู้ที่ได้รับการจดบันทึกว่าเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเพียงหนึ่งเดียวที่มีสัตว์เทพที่แท้จริงในครอบครองของแดนลัทธิเซียน และของแดนสามเซียน กระทั่งมีคำเล่าลือกันว่าปฐมบรรพบุรุษของตำหนักมังกรแท้จริง ซึ่งก็คือปฐมบรรพบุรุษหลง ตัวเขาเองก็คือมังกรแท้จริงตัวหนึ่ง มีสายเลือดสัตว์เทพที่ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียม

ตำหนักมังกรแท้จริงมีฐานะที่สูงส่งยิ่งในแดนสามเซียน และกำลังที่แข็งแกร่งมากในครอบครอง

ขณะที่ตัวของราชันหญิงจื่อหลงเองก็มีกำลังความสามารถที่ลึกซึ้งยากจะหยั่งถึง นางเป็นระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งมาก ในขณะที่เป็นนักศึกษาของสถาบันศึกษาสู่กวงพายัพ นางก็อยู่ในระดับระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลแล้ว

ขณะที่กองทัพสัตว์เทพเทียนหรงก็มีราชันหญิงจื่อหลงเป็นผู้สร้างขึ้นมาเองกับมือ ได้รวบรวมยอดฝีมือกลุ่มคนรุ่นใหม่กระทั่งยอดฝีมือปราศจากผู้ต่อกรที่มีสายเลือดสัตว์เทพเป็นจำนวนมากก่อตั้งขึ้น

กล่าวได้ว่า ไม่เพียงแต่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น กระทั่งทั่วทั้งแดนลัทธิเซียน กองทัพสัตว์เทพเทียนหรงก็มีอิทธิพลและมีผลกระทบไม่น้อย

ขณะที่อู๋เคอในฐานะที่เป็นสมาชิกของกองทัพสัตว์เทพเทียนหรง แม้ไม่นับว่าโดดเด่นมากเป็นพิเศษ แต่ว่าเขาเป็นผู้มีมนุษย์สัมพันธ์ดี จึงได้สาบานเป็นพี่เป็นน้องเอาไว้ไม่น้อย ดังนั้น มาคราวนี้เมื่อจางติงยวี่มาขอความช่วยเหลือจากเขา อู๋เคอจึงไม่กล่าวมากความ นำพาสัตว์เทพสิบกว่าตัวของกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงรุดมาถึง

ตู้เหวินรุ่ยไม่ได้แสดงความโกรธสำหรับน้ำเสียงที่ยกตนข่มท่านของอู๋เคอ เขามองดูหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง อมยิ้มและกล่าวว่า “เกรงว่าจะไม่ค่อยดีกระมัง อาวุธไร้ตา เกิดทำให้บาดเจ็บก็จะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่าย”

“ใต้เท้าอธิการบดีโปรดวางใจ” อู๋เคอยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นบุญคุณความแค้นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับสถาบันศึกษา ต่อให้ทั้งสองฝ่ายมีการบาดเจ็บล้มตายก็ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันศึกษาทั้งสอง”

“จะอย่างไรเสียก็ไม่ดี” ตู้เหวินรุ่ยส่ายหน้า ในขณะนี้ตัวเขาพลันกลายเป็นคนจู้จี้จุกจิกขึ้นมา และกล่าวว่า “ทุกอย่างสันติสุขย่อมมีค่าที่สุด มีอะไรที่พูดคุยตกลงกันดีๆ ไม่ได้…”

“ขอใต้เท้าอธิการบดีโปรดส่งเสริม…” อู๋เคอกล่าวตัดบทคำพูดของอธิการบดี กล่าวน่าเกรงขามว่า “ถ้าหากใต้เท้าอธิการบดีคิดว่ามีเรื่องอะไรสามารถปรึกษาหารือกันได้ล่ะก็ ขณะที่ปฏิบัติต่อติงยวี่พี่น้องของข้าก็คงไม่โหดร้ายทารุณเช่นนี้ ไม่ตัดรากถอนโคนขนาดนี้แล้ว! เวลานี้หากอธิการบดีคิดจะปกป้องนักศึกษาของพวกเจ้ามันสายเกินไปเสียแล้ว วันนี้ หากสถาบันศึกษาล้างบาปไม่มีคำอธิบายให้พวกเรา เกรงว่าวันนี้คงจะไม่เลิกราเพียงเท่านี้”

เวลานี้ อู๋เคอไม่ให้เกียรติแก่ตู้เหวินรุ่ยโดยสิ้นเชิงแล้ว พูดออกมาตรงๆ และไม่เห็นแก่หน้าอีกฝ่าย จะไปโทษว่าอู๋เคอมีความมั่นใจขนาดนี้ เขาได้นำพาพี่น้องมากว่าสิบคน ถ้าหากตู้เหวินรุ่ยกล้าขัดขวางพวกเขาก็จะกันเอาตู้เหวินรุ่ยออกไป ถ้าหากไม่เป็นเพราะคำนึกถึงฐานะความเป็นอธิการบดีของตู้เหวินรุ่ย เกรงว่าพวกเขาคงจัดการเก็บตู้เหวินรุ่ยพร้อมกันไปเลย

จะอย่างไรเสีย พวกของอู๋เคอไม่เหมือนเช่นจางติงยวี่ จางติงยวี่คือนักศึกษาที่เกิดและโตในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่อู๋เคอเป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิอื่น และมีฐานะที่ไม่ธรรมดาในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิของตน การที่พวกเขาสมัครเข้ามาในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงการขัดเกลาของพวกเขาเท่านั้น พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษต่อฐานะความเป็นนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์

“ใต้เท้าอธิการบดี เรื่องนี้ยังคงให้มีการตัดสินชี้ขาดดีกว่า” สมาชิกกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงอีกผู้หนึ่งที่มากับอู๋เคอก็พูดขึ้นว่า “เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ฐานะของใต้เท้าอธิการบดีไม่ธรรมดา พวกเราก็จะไม่ทำให้ใต้เท้าอธิการบดีต้องลำบากใจ แต่ว่า ตัวเขา จะต้องมีคำอธิบาย”

คำพูดสมาชิกกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงผู้นี้ชัดเจนแล้ว ถ้าหากตู้เหวินรุ่ยไม่ใช่อธิการบดีของสถาบันศึกษาล้างบาป เกรงว่าคราวนี้พวกเขาคงจะจัดการเก็บตู้เหวินรุ่ยไปด้วย

“เรื่องนี้…” ตู้เหวินรุ่ยผายมือและกล่าวว่า “คำพูดเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกระมัง นี่เป็นเพียงเกมพนันเท่านั้น อยากพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้”

“อยากพนันก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้?” อู๋เคอหัวเราะเยาะทีหนึ่ง และกล่าวน่าเกรงขามว่า “อาศัยวิชามารเคาะเอาผลโอมขนขาวลงมา นี่มันเป็นการหลอกลวงชัดๆ ขาดความยุติธรรม ดังนั้น เวลานี้ข้าจะทวงความยุติธรรมให้กับติงยวี่พี่น้องของข้า”

“ต่อหน้าสายตาผู้คนมากมาย วิชามารมาจากไหนกัน…” ตู้เหวินรุ่ยส่ายหน้า

“ท่านอธิการบดี อย่าได้มากความ จะยอมก็ดี ไม่ยอมก็ช่าง หากใต้เท้าอธิการบดีไม่ยอม เช่นนั้นแล้วข้าก็จะคิดบัญชีกับนักศึกษาทั้งหมดของสถาบันศึกษาล้างบาป จัดการกับเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดอย่างสิ้นเชิง ใต้เท้าอธิการบดีสามารถปกป้องพวกเขาชั่วคราว ปกป้องพวกเขาได้ทั้งชาติหรือ?” เวลานี้อู๋เคอรู้สึกรำคาญแล้ว จึงกล่าวตัดบทคำพูดของตู้เหวินรุ่ย

คำพูดอู๋เคอที่ข่มขู่ตรงๆ ไม่อ้อมค้อมต่อตู้เหวินรุ่ย เขาเพียงเห็นแก่ฐานะความเป็นอธิการบดีของตู้เหวินรุ่ย จึงได้ให้เกียรติเขาสามส่วน มิฉะนั้น เขาก็คือจัดการกับตู้เหวินรุ่ยไปพร้อมๆ กันแล้ว

“สถาบันศึกษาล้างบาปคราวนี้ไปเหย่รังแตนเข้าให้แล้ว” บรรดานักศึกษาที่แอบมองอยู่ด้านหลังเขามองตาซึ่งกันและกัน มีนักศึกษาที่ถึงกับซุบซิบขึ้นมาด้วยความกังขา

“ได้ยินมาว่ากองทัพสัตว์เทพเทียนหรงถือเรื่องคุณธรรม และสามัคคียิ่ง เป็นกองทัพที่มีการฝึกฝนมาอย่างดี หากมีเรื่องกับพวกเขาคนหนึ่งคนใด ก็เท่ากับมีเรื่องกับกองทัพทั้งกองทัพ” นักศึกษาที่มีอาวุโสมากกว่ารู้สึกหวั่นเกรงยิ่งนัก และกล่าวว่า “ดังนั้น ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ชื่อเสียงและอิทธิพลของกองทัพสัตว์เทพเทียนหรงสูงมาก”

“คราวนี้สถาบันศึกษาล้างบาปจบสิ้นแล้ว ไปหาเรื่องกับกองทัพสัตว์เทพเทียนหรง พวกเขาตายแน่แล้ว” มีนักศึกษาบางคนรู้สึกมีความสุขที่เห็นผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน

ภายในถ้ำ เวลานี้ท่าทีของตู้เหวินรุ่ยเหมือนถูกบีบบังคับอย่างนั้น เขาทำท่าผายมือและกล่าวว่า “ตกลง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะถามความเห็นของนักศึกษาหลี่สักหน่อย”

ตู้เหวินรุ่ยกล่าวพลาง จึงกล่าวต่อหลี่ชิเย่ว่า “นักศึกษาหลี่ เจ้ามีความเห็นประการใด? รับหรือไม่รับการท้าทายของนักศึกษาพวกอู๋เคอ ยินดีที่จะศึกษาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันกับพวกเขาหรือไม่?”

“ในเมื่อศัตรูมาถึงหน้าบ้านแล้ว ข้ายังจะทำอะไรได้? อย่างน้อยคงไม่สามารถทำตัวเป็นเต่าหดหัวกระมัง มาก็มาไม่เห็นจะมีอะไรหนักหนา” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา

ตู้เหวินรุ่ยทำเสียงไอทีหนึ่ง และกล่าวว่า “นักศึกษาหลี่ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก อดทนหน่อยทะเลกว้างฟ้าใส ถอยก้าวหนึ่งคลื่นลมสงบ เรื่องบางเรื่องสามารถคุยกันได้ ถ้าหากไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักศึกษาอู๋เคอพวกเขาจริงๆ ก็สามารถยอมรับผิดต่อพวกนักศึกษาอู๋เคอ มอบของขวัญให้เป็นการขอโทษอะไรประมาณนั้น เช่น มอบกระบี่ล้างบาปให้พวกนักศึกษาอู๋เคอ และยอมรับผิดอะไรอย่างนั้น”

“ท่านอธิการบดี…” พวกจ้าวชิวสือถึงกับตื่นตระหนกเมื่อได้ฟังคำของตู้เหวินรุ่ย กระบี่ล้างบาปคือของวิเศษประจำสถาบันศึกษาล้างบาปเลยนะ

คำพูดของตู้เหวินรุ่ยพลันทำให้พวกของอู๋เคอดวงตาทั้งสองลุกวาว ดวงตาคู่นั้นจ้องไปที่กระบี่ล้างบาปบนหลังของหลี่ชิเย่อย่างไม่ลดละ แววตาเผยให้เห็นถึงความโลภ

แม้จะกล่าวว่าพวกอู๋เคอนั้นอ้างว่าต้องการทวงความยุติธรรมให้กับจางติงยวี่ ความจริงแล้วก็มาด้วยเรื่องกระบี่ล้างบาปของหลี่ชิเย่นั่นเอง

ขณะที่จางติงยวี่ขอความช่วยเหลือจากอู๋เคอ ก็อาศัยกระบี่ล้างบาปไปยั่วยวนพวกเขา ลองนึกภาพดู อาวุธปฐมบรรพบุรุษชิ้นหนึ่ง สะพายอยู่บนหลังของนักศึกษาสถาบันศึกษาล้างบาปคนหนี่ง สิ่งนี้ไม่ทำให้พวกอู๋เคอที่เป็นยอดฝีมือเช่นนี้ไม่ใจเต้นตูมตามได้รึ?

“มอบกระบี่ล้างบาปออกมา บางทีพวกเราอาจจะลงโทษสถานเบา ไว้ชีวิตเจ้าสักครั้ง” เวลานี้จางติงยวี่ได้ร้องเสียงดังขึ้นมา

‘กระบี่ล้างบาป’ หลี่ชิเย่ถึงกับเอามือสัมผัสกระบี่ล้างบาปที่อยู่บนหลัง ท่าทางดูลำบากใจอยู่บ้าง กล่าวกับตู้เหวินรุ่ยว่า “อย่างนี้ไม่ดีกระมัง จะอย่างไรเสียนี่คือกระบี่ประจำตัวของปฐมบรรพบุรุษ มันสามารถทำลายความชั่วร้ายสังหารมาร รักษาความยุติธรรมปกป้องคุณธรรม นี่เอาวุธปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมยากจะหาผู้ใดเทียม จะไปให้ผู้อื่นง่ายๆ ได้อย่างไรเล่า”

“พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ชีวิตสำคัญกว่า” ท่าทางของตู้เหวินรุ่ยดูมีความพยายามอย่างยิ่ง และกล่าวว่า “ถ้าหากจำเป็นขึ้นมาจริงๆ อาศัยกระบี่แลกชีวิตก็คุ้ม กระบี่ล้างบาปเป็นของเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่สามารถบังคับก้าวก่าย เจ้าคิดดูดีๆ เอาเองเถอะ” กล่าวพลาง ก็นำพวกจ้าวชิวสือถอยไปข้างๆ

ตู้เหวินรุ่ยนำพาพวกจ้าวชิวสือถอยห่างออกไปไกลมาก ท่าทางเป็นการรักษาความเป็นผู้ชม ในเวลานี้พลันทำให้พวกนักศึกษาอย่างจ้าวชิวสือที่จะร้อนรน จ้าวชิวสือรีบพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอธิการบดี พวก พวก พวกเราทิ้งศิษย์น้องหลี่เอาไว้คงไม่ดีกระมัง…”

ตู้เหวินรุ่ยเพียงยิ้มๆ นิดหนึ่ง และส่ายหน้าเบาๆ ส่งสัญญาณพวกจ้าวชิวสือสงบจิตอย่าร้อนรนนัก

“ได้ยินคำพูดอธิการบดีพวกเจ้าแล้วยัง” เวลานี้อู๋เคอจ้องมองหลี่ชิเย่เย็นชา ดูน่าครั่นคร้าม และกล่าวว่า “มอบกระบี่ล้างบาปออกมาเวลานี้ยังทัน นี่เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น” กล่าวพลาง เขาได้ตบกระบี่ประจำกายของตน

แน่นอน อู๋เคอย่อมอยากได้กระบี่ล้างบาปของหลี่ชิเย่มาก ตัวเขาเองก็คือยอดฝีมือที่ใช้กระบี่ กระบี่ประจำกายของเขาก็นับว่าไม่เลวนัก แต่ว่า เมื่อเทียบกับกระบี่ประจำตัวของปราชญ์ไกลกันดารแล้ว ยังห่างชั้นกันมากเหลือเกิน

ถือโอกาสมีข้ออ้างที่จะใช้กำลังเช่นนี้ ไหนเลยอู๋เคอจะไม่ต้องการยึดเอากระบี่ล้างบาปมาเป็นของตนเล่า?

………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *