Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2871 สรรพสิ่งมีธนู

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2871 สรรพสิ่งมีธนู at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2871 สรรพสิ่งมีธนู

สรรพสิ่งมีธนู ส่งผลให้มือที่กำคันธนูของเทพธนูม้าบินถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง

เขานึกไม่ถึงว่า มาวันนี้ผู้ที่ก้าวไปถึงระดับสรรพสิ่งมีธนูถึงกับเป็นหลี่ชิเย่ ในสายตาของเขามองว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ ความจริงอยู่ตรงหน้าแล้ว

ผลที่ออกมาเช่นนี้กล่าวสำหรับเทพธนูม้าบินแล้ว นับว่าส่งผลกระทบไม่น้อยเลยทีเดียว เขาขลุกอยู่กับวิชาธนูมาชั่วชีวิต เรียกได้ว่าระดับความลึกซึ้งด้านวิชาธนูนั้นไม่มีผู้ใดเทียมเทียม เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งในหล้า แต่ว่า มาวันนี้กลับถูกชนรุ่นหลังคนหนึ่งแซงล้ำหน้าไป สิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว เรียกได้ว่าหลากหลายความรู้สึกผสมปนเปอยู่ในใจ

“เจ้าคิดดีแล้วยัง?” ขณะที่เทพธนูม้าบินกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น เสียงที่เอ้อระเหยของหลี่ชิเย่ดังขึ้น และกล่าวว่า “นี่คือธนูดอกสุดท้ายของเจ้า!”

คำพูดลักษณะเช่นนี้พลันทำให้ภายในใจของเทพธนูม้าบินสะท้านทีหนึ่ง ธนูดอกสุดท้าย คำพูดประโยคนี้ออกจะมีความหมายแฝงอยู่หลายชั้นทีเดียว

เทพธนูม้าบินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้ ประกายที่ปรากฎอยู่รอบกายของเขาได้จางหายไป วิชาธนูได้หายไป

หลี่ชิเย่พูดไม่ผิด การโจมตีก็คือการป้องกันที่ดีที่สุด กล่าวสำหรับวิชาธนูแล้ว ยังไม่ทันลงมือก็ป้องกัน สิ่งนี้คือการกระทำระดับล่างแล้ว แผนการระดับบนคือต้องสังหารศัตรูในหนึ่งธนู ไม่ให้ศัตรูมีโอกาสลงมือ

นี่คือธนูดอกสุดท้ายของเทพธนูม้าบิน ไม่เพียงเป็นดอกสุดท้ายในจำนวนสามดอกของเขา อาจมีความเป็นไปได้ว่าเป็นดอกสุดท้ายในชีวิตของเขา ธนูดอกนี้ย่อมต้องเจิดจ้าอย่างแน่นอน ย่อมต้องน่าทึ่งอย่างแน่นอน เขาจะอนุรักษ์เกินไปไม่ได้ มิฉะนั้นล่ะก็ เท่ากับเป็นการทำให้ผิดหวังต่อวิชาธนูที่เขาขลุกอยู่กับมันมาชั่วชีวิต

ตูม ตูม ตูมในเวลานี้เอง ฟ้าดินและช่องว่างล้วนแล้วแต่สั่นเทาขึ้น การสั่นเทาเบาๆ ยิ่งเพิ่มความถี่มากยิ่งขึ้น ในที่สุด เวลานี้เทพธนูม้าบินที่อดกลั้นอารมณ์ได้ก็ได้ลงมืออีกครั้ง

ขณะที่นิ้วมือของเทพธนูม้าบินคีบทีหนึ่งฟ้าดินกลับกลายเป็นธนู สรรพสิ่งกลายเป็นธนู สัจธรรมกลายเป็นธนู ลมปราณกลายเป็นธนู ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกล้วนกลับกลายเป็นธนูที่แหลมคมดอกหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง พลังฟ้าดินทุกอย่างล้วนแล้วแต่รวมตัวกันอยู่ระหว่างนิ้วมือทั้งสองของเทพธนูม้าบิน เสมือนดั่งทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกหนีบอยู่ท่ามกลางปลายนิ้วแล้ว

เวลานี้ นาทีนี้โชคชะตาชั่วชีวิต ทักษะยุทธชั่วชีวิต พลังลมปราณชั่วชีวิต กระทั่งอายุขัยชั่วชีวิตล้วนแล้วแต่ถูกเทพธนูม้าบินหนีบอยู่ระหว่างนิ้วมือ และกลายเป็นธนูที่แหลมคมดอกหนึ่ง

เสียงน้าวสายดังแว้งค์…ขึ้นมา ในขณะนี้มองเห็นเทพธนูม้าบินได้น้าวสายธนูขึ้นช้าๆ จากการน้าวสายปรากฎลูกธนูแหลมคมปรากฎบนสายธนูช้าๆ

ธนูไร้รูปจับตัวจนกลายเป็นรูปเป็นร่าง ธนูดอกนี้หาใช่ธนูที่แท้จริง ธนูดอกนี้เกิดจากการรวมตัวกันของพลังลมปราณทั้งตัวของเทพธนูม้าบิน พลังสัจธรรมกระทั่งพลังฟ้าดินรวมตัวกัน สุดท้ายจากไร้รูปกลายเป็นมีรูปมีร่างขึ้นมา

ในเวลานี้ บนสายธนูปรากฏธนูโลหิตขึ้นดอกหนึ่ง โดยที่ธนูโลหิตดอกนี้มีสีแดงสด ธนูแหลมคมทั้งดอกปรากฎประกายโลหิตที่เต้นวูบวาบ ขณะที่ประกายโลหิตแต่ละสายกำลังสั่นเทานั้น ธนูทั้งดอกเสมือนดั่งแกะสลักขึ้นมาจากพลอยทับทิมอย่างนั้น

ธนูดอกนี้มีความแหลมคมยิ่งนัก หัวธนูปรากฏประกายเยือกเย็นวูบวาบที่มีสีแดงดั่งโลหิต เหมือนประกายที่หักเหออกมาจากพลอยทับทิมที่เย็นยะเยือกอย่างนั้น เมื่อมองเห็นประกายโลหิตวูบวาบของหัวธนูแล้ว ทำให้ผู้คนนึกถึงหนึ่งธนูทะลุคอหอยทันที

ธนูอยู่ในมือ คันธนูน้าวสายเต็มที่ ในพริบตาเดียวนั่นเอง เทพธนูม้าบินได้ล็อคเป้าที่ตัวของหลี่ชิเย่แล้ว นาทีนี้เทพธนูม้าบินได้เข้าสู่สภาพของคนกับธนูหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว

ในพริบตาเดียวนั่นเอง ไม่ว่าเป็นใครเมื่อมองดูแล้วเทพธนูม้าบินก็คือธนู ธนูก็คือเทพธนูม้าบิน ภายในดวงตาของเทพธนูม้าบินก็มีเพียงธนูเท่านั้น ขณะที่ผู้คนข้างๆ ก็มีเพียงธนูเท่านั้น เหมือนว่าเทพธนูม้าบินได้หายสาบสูญไปแล้วอย่างนั้น

คนและธนูรวมเป็นหนึ่ง จังหวะที่เทพธนูม้าบินได้ล็อคเป้าบนตัวของหลี่ชิเย่แล้วนั้น ทุกคนต่างรู้สึกสะท้านภายในใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ในพริบตาเดียวนั่นเองก็รู้สึกว่าตนเองถูกล็อคเป้าเอาไว้อย่างนั้น และตนเองก็คือเหยื่อที่อยู่ภายใต้ธนูแหลมคม ทำให้รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

ที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่สุดก็คือ ไม่ว่าเจ้าจะหลบเลี่ยงอย่างไร หรือหลบซ่อนตัวอย่างไรก็ตามก็หลบการล็อคเป้าของธนูแหลมคมไม่ได้ อยู่ภายใต้หัวธนูตลอดไป

“ลงมือเถอะ” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งเมื่อต้องเผชิญกับการถูกล็อคเป้า

เสียงฉึก…ดังขึ้น เทพธนูม้าบินได้ลงมือแล้วขณะที่หลี่ชิเย่ยังกล่าวไม่จบคำ โดยเทพธนูม้าบินฉวยโอกาสที่ดีที่สุดขณะที่หลี่ชิเย่กำลังพูดด้วยการปล่อยธนูคมกริบไปออกจากมือ ซึ่งเป็นจังหวะที่หลี่ชิเย่กำลังเสียสมาธิ และเป็นเวลาที่เผยจุดอ่อนขึ้นมา

เทพธนูม้าบินฉกฉวยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ยิงธนูออกไปทันที หนึ่งธนูที่มุ่งหมายถึงชีวิต ขณะที่หลังจากเวลาผ่านไปนานมากแล้ว เสียงธนูแหวกอากาจึงถูกส่งออกมา

พลันที่ธนูโลหิตถูกยิงออกไปนั้น ในเวลานี้เองธนูโลหิตเสมือนดั่งได้กระโดดออกจากช่องว่าง ล้ำหน้ากาลเวลา เสมือนดั่งก้าวข้ามทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกโดยพลัน ไม่ว่าระยะทางจะห่างไกลเพียงใด ไม่ว่ากาลเวลาจะยาวนานเช่นใด ภายใต้หนึ่งธนูนี้ล้วนแล้วแต่ปราศจากปัญหา ไม่มีดำรงคงอยู่

ขณะธนูโลหิตยิงมา ได้ยินเสียงดังจี๊ดดังขึ้นเสียงหนึ่ง ภาพที่น่ากลัวปรากฏขึ้นตรงหน้าทุกคน ขณะที่ธนูโลหิตแฉลบผ่านไปนั้น ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างหรือกาลเวลาพลันเหี่ยวเฉาในทันที เหมือนถูกธธนูโลหิตนำพาพลังไปทั้งหมดอย่างนั้น เหลือไว้เพียงเปลือกนอกที่ว่างเปล่า

ด้วยเหตุนี้เองขณะที่ธนูโลหิตแฉลบผ่านไปนั้น ปรากฏเป็นรอยแผลที่น่ากลัวบนท้องฟ้า ขณะที่รอยแผลนี้ปรากฎตรงนั้นช่างตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน

อย่างไรก็ตาม ขณะธนูโลหิตถูกยิงออกมานั้น บรรดานักศึกษาทั้งหมดที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับร่างสั่นเทาทีหนึ่ง เนื่องจากขณะธนูโลหิตแฉลบผ่านไปนั้น ไม่เพียงได้ดึงเอาพลังของโลกออกไปด้วยเท่านั้น กระทั่งเหมือนดูดเอาพลังลมปราณบนตัวพวกเขาไปจนแห้ง พลังสัจธรรมกระทั่งชะตาแท้ของพวกเขารวมทั้งวิญญาณก็ล่องลอยตามธนูออกไปด้วย

จังหวะที่ธนูโลหิตถูกยิงออกในพริบตาเดียวนั้น เหมือนว่าได้ดึงเอาทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก ได้ดึงเอาพลังแก่นทุกอย่างบนโลกไป

“น่ากลัวเหลือเกิน…” หนึ่งธนูลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ภายใต้หนึ่งธนูนี้ต่างเข้าใจว่าตนเองนั้นจะต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน ไม่สามารถหลบหนีจากหนึ่งธนูที่มุ่งหมายถึงชีวิตดอกนี้

ก่อนหน้านั้น มีนักศึกษาบางส่วนรู้สึกดูแคลนในตัวของเทพธนูม้าบินอยู่ในใจจะมากหรือน้อยก็ตาม เนื่องจากเทพธนูม้าบินมีกำลังความสามารถไม่ถึงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นสิบล้านชาติ แต่กลับตั้งตนว่าอยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นสิบล้านชาติ

ครั้นหนึ่งธนูลักษณะเช่นนี้ถูกยิงออกมานั้น ขณะที่หนึ่งธนูซึ่งสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตแหวกอากาศมานั้น ภายในใจของทุกคนถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง และบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นจากภายในใจ เวลานี้ทุกคนต่างรู้สึกว่า การที่เทพธนูม้าบินยกย่องว่าอยู่ในระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นสิบล้านชาติจะเป็นอะไรไปเล่า? อาศัยหนึ่งธนูนี้ก็สามารถยกย่องเป็นขั้นอมตะสิบล้านชาติได้แล้ว

“ตายแน่…” ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่ยังเกิดความคิดเช่นนี้ ขณะที่หนึ่งธนูถูกยิงออกมา ต่างเข้าใจว่าภายใต้หนึ่งธนูที่มุ่งหมายถึงแก่ชีวิตนี้ หลี่ชิเย่ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ว่า ขณะที่หนึ่งธนูที่ถึงแก่ชีวิตถูกยิงออกไปนั้น หลี่ชิเย่ก็ได้ลงมือแล้ว ในมือของเขาปราศจากธนู และไร้คันธนู แต่ทว่า หนึ่งธนูของเขาได้ยิงออกไปแล้ว

หนึ่งธนูของหลี่ชิเย่ไร้ซุ่มไร้เสียง ปราศจากรูปและเสียง กระทั่งผู้คนไม่ได้รับรู้ถึงอานุภาพของมัน

พวกเขารู้สึกว่าภายในใจของตนได้กำเนิดธนูที่แหลมคมขึ้นดอกหนึ่ง เหมือนว่า ธนูแหลมคมลักษณะเช่นนี้ได้ถูกยิงออกมาจากจิตใจ ยิงตรงไปยังเทพธนูม้าบิน

ในเสี้ยววินาทีนี่เอง เหมือนว่าเทพธนูม้าบินได้กลายเป็นเป้าของทุกๆ คน กลายเป็นเป้าสังหารของธนูแหลมคมในใจของทุกคน

ความรู้สึกเช่นนี้นับว่ายากจะหาใดเทียมได้โดยแท้จริง เนื่องจากผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่ไม่ได้มีบุญคุณความแค้นใดๆ กับเทพธนูม้าบิน ขณะที่ในเวลานี้ภายในใจของพวกเขากลับกำเนิดธนูแหลมคมขึ้นมาดอกหนึ่ง ทั้งยังบังเกิดแนวความคิดในใจที่จะยิงสังหารเทพธนูม้าบิน ขณะที่ความคิดนี้บังเกิดขึ้นโดยฉับพลันนั้น ได้สร้างความตระหนกแก่ทุกคนมากทีเดียว

“ฆ่า…” จังหวะที่ทุกคนกำลังถูกความคิดภายในใจทำให้ตระหนกตกใจอยู่นั้น แต่ว่า ปณิธานการฆ่าภายในใจกลับเพิ่มมากขึ้นโดยไม่ได้ลดลง ปณิธานการฆ่าพลันร้อนแรงขึ้นในใจ และธนูแหลมคมในใจได้ยิงเข้าสังหารเทพธนูม้าบิน หมายมั่นให้เขาเสียชีวิตในหนึ่งธนูให้จงได้!

แต่ว่า ในขณะที่หนึ่งธนูของหลี่ชิเย่ถูกยิงออกไปนั้น ภายในใจของทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรู้สึกที่ยากจะหาใดเปรียบ และในพริบตาเดียวนั่นเอง เมื่อภายในใจของทุกคนมีธนู และเป็นหนึ่งธนูที่ต้องการเล่นงานเทพธนูม้าบินให้ถึงตายนั้น เสียงฉึก…เป็นเสียงของหนึ่งธนูที่แหวกอากาศออกไป และยิงถูกบริเวณระหว่างคิ้วของเทพธนูม้าบิน

ในเวลานี้ อากาศเหมือนจับตัวจนแข็งอย่างนั้น และเวลาเหมือนหยูดลงหนึ่งจังหวะ เทพธนูม้าบินยืนอยู่ตรงนั้น ยังคงรักษาท่วงท่าของการยิงธนูออกไปดอกหนึ่ง

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วครู่ ร่างกายของเทพธนูม้าบินจึงได้ค่อยๆ หงายหลังล้มลง ได้ยินเสียงปังดังขึ้น ร่างของเทพธนูม้าบินล้มลงกับพื้นอย่างแรง

เทพธนูม้าบินที่ล้มแหงนหน้ากับพื้นมีดวงตาทั้งสองที่เบิกโพลง นาทีนี้บริเวณระหว่างคิ้วของเขาปรากฏเลือดที่ไหลซึมออกมาช้าๆ ช่างฉูดฉาดอะไรอย่างนั้น

“สมควรแล้ว…” วินาทีสุดท้ายก่อนตาย เทพธนูม้าบินได้เอ่ยคำพูดนี้ขึ้นมาช้าๆ สุดท้ายเขาหลับตาลงสองข้างเสียชีวิตทันที

ทุกคนต่างมีคู่นัยน์ตาที่เบิกกว้าง จ้องมองภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ มองดูศพของเทพธนูม้าบินที่นอนอยู่บนพื้น

นาทีนี้ ความรู้สึกของทุกคนล้วนแล้วแต่ชัดเจนมาก เนื่องจากทุกคนต่างรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้สังหารเทพธนูม้าบิน ทุกคนล้วนแล้วแต่รุ้สึกว่าหนึ่งธนูที่ได้ยิงออกจากใจของตนทำให้เทพธนูม้าบินต้องถึงแก่ความตาย เหมือนว่านาทีนี้พวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นคนร้ายที่สังหารเทพธนูม้าบิน

“แม่จ๋า นี่มันเรื่องอะไรกันแน่…” หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ มีนักศึกษาที่ได้สติกลับมาถึงกับร้องเสียงดังด้วยความหวาดผวา

เนื่องจากความรู้สึกเช่นนี้ดูเหมือนจริงมาก มันไม่เหมือนเป็นจินตนาการเลยสักนิด ความรู้สึกที่ว่าตนเองอาศัยหนึ่งธนูยิงสังหารเทพธนูม้าบินนั้นเหมือนจริงยิ่งนัก ดุจดั่งตนเองเป็นผู้น้าวสายและยิงธนูด้วยตนเองอย่างนั้น!

หลังจากที่ทุกคนได้สติกลับมาแล้วต่างรู้สึกหวาดผวา ต่างทยอยกันมองไปที่หลี่ชิเย่

แม้แต่ภายในใจของราชันแท้จริงงูหลามทอง ราชันแท้จริงเคอะสือก็รู้สึกหวาดกลัว นาทีนี้พวกเขาต่างเข้าใจแล้วว่า หนึ่งธนูที่หลี่ชิเย่ได้ยิงออกมาเมื่อครู่นั้น คือวิชาธนูระดับสูงสุด และเป็นระดับที่เทพธนูม้าบินฝึกปรือมาชั่วชีวิตก็ฝึกไม่สำเร็จ แต่ หลี่ชิเย่กลับฝึกได้สำเร็จแล้ว

“อย่ามองข้า” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่ และกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เป็นคนฆ่าเขานะ เป็นพวกเจ้า ในใจของพวกเจ้ามีธนู ดังนั้น จึงทำให้หนึ่งธนูถึงแก่ชีวิต ถ้าหากในใจพวกเจ้าไม่มีธนู เช่นนั้นแล้ว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขาได้อย่างแน่นอน”

ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ในขณะนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่ปราศจากคำพูดที่จะตอบโต้ เนื่องจากทุกคนต่างรู้สึกว่า พลันที่ตนเองลงมือด้วยหนึ่งธนู ก็ทำให้เทพธนูม้าบินต้องตาย ความรู้สึกเช่นนี้มันเหมือนจริงมากเหลือเกิน

เวลานี้หลี่ชิเย่บอกว่าพวกเขาเป็นคนร้าย พวกเขาเป็นผู้สังหารเทพธนูม้าบิน พวกเขาถึงกับไม่สามารถหาคำพูดใดๆ มาตอบโต้ได้!

………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *