Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2874 เด็กมหัศจรรย์สามตามาแล้ว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2874 เด็กมหัศจรรย์สามตามาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2874 เด็กมหัศจรรย์สามตามาแล้ว

หลังจากที่หลี่ชิเย่ และกระบือดำขนาดใหญ่ได้ไปจากหุบเขาแล้ว ก็ได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ไปเถอะ ช่วยเจ้าสังหารสิ่งชั่วร้ายนั่นเสีย ข้ากลับต้องการรู้ว่าเพราะเหตุใดปราชญ์ไกลกันดารจะต้องคงกลอุบายแบบนี้เอาไว้”

“ได้เลย ไปกัน ข้าจะนำทางให้กับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่” กระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ จึงออกเดินนำทางให้กับหลี่ชิเย่ทันที

“ดูท่า ครั้งนั้นปราชญ์ไกลกันดารไม่ชอบเจ้าเลยนี่” หลี่ชิเย่มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่งและเอ่ยขึ้นช้าๆ

กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ฮึก็เขานั่นแหละที่แย่งชิงเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์บ้านข้าไป ดังนั้น จึงคิดหาวิธีทุกวิถีทางด้วยการวางกลอุบายเอาไว้ที่นี่เป็นจำนวนมาก วางสิ่งต้องห้ามเอาไว้มากมาย ฮึ ฮึ ฮึไม่เช่นนั้นล่ะก็ กระบือสุดหล่ออย่างข้าคงสังหารเจ้าสิ่งชั่วร้ายตัวนั้นไปนานแล้ว ยกเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาแล้ว”

“ภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ไม่เห็นจะเป็นของบ้านเจ้านี่” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

“แต่ ก็ไม่เห็นจะเป็นของปราชญ์ไกลกันดาร” กระบือดำขนาดใหญ่พูดเหมือนมีเหตุผลเต็มที่ที่จะพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำว่า “เขาอาศัยอะไรยึดครองภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เอาไว้คนเดียว อาศัยอะไรยกเอาภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้มาไว้ที่นี่! ภูเขาศักดิ์สิทธิลูกนี้ บ้านข้าก็มีสิทธิ์”

“เพราะว่ากำปั้นเขาหนัก อาศัยเจ้านี่แหละ” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

คำพูดนี้พลันทำให้กระบือดำขนาดใหญ่พูดเหมือนมีเหตุผลเต็มที่ที่จะพูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำพลันห่อเหี่ยวลงทันที เหมือนมะเขือเทศที่ถูกแช่แข็ง แต่ว่า เขายังคงไม่พอใจ ยังคงพูดเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “เขาเป็นปราชญ์มิใช่รึ? เอาแต่คุยโม้ว่าตนเองโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ได้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน อาศัยคุณธรรมสยบผู้คน ทำไมจึงไม่เห็นเขาอาศัยคุณธรรมมาสยบข้าล่ะ ถุย เขาก็คือสภาพบุรุษจอมปลอมคนหนึ่ง!”

“ถ้าหากเป็นข้า ข้าจะอาศัยหนึ่งหมัดซัดเขาให้นอนลงไปกองกับพื้น” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยว่า “ข้านี่แหละหมัดหนัก ทำไม ไม่พอใจรึ?”

มาคราวนี้ เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ห่อเหี่ยวลงอย่างสิ้นเชิงแล้ว ถึงกับก้มหัวลงด้วยความจนด้วยเกล้า แต่ก็รู้สึกไม่เต็มใจอยู่บ้าง ซุบซิบด้วยความกังขาว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้อวดอ้างตนว่าอาศัยคุณธรรมสยบผู้คน โปรดเหล่าเวไนยสัตว์ได้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน ฮึ ฮึ ฮึปราชญ์ไกลกันดารก็คือสุภาพบุรุษจอมปลอมคนหนึ่ง พูดอย่างทำอย่าง”

“อาจจะใช่” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่งส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “แต่ว่า ที่ว่าอาศัยคุณธรรมสยบผู้คน และที่ว่าอาศัยการโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ได้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกันนั้น มันก็แค่ผู้คนบนโลกคิดไปเองเท่านั้นเอง มันก็แค่ผู้คนบนโลกแต่งตั้งให้ทีหลังเท่านั้น กล่าวสำหรับปราชญ์ไกลกันดารเองแล้ว ผู้คนบนโลกจะมองตัวเขาเป็นเช่นใด ชนรุ่นหลังมองเขาอย่างใดนั้น เกรงว่าเขาคงไม่ได้คิด และไม่ได้ใส่ใจ…”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยถึงตรงนี้แล้วได้หยุดลงนิดหนึ่ง สายตาดูลึกล้ำและมองไปที่ที่ห่างไกล กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “กล่าวสำหรับปราชญ์ไกลกันดารแล้ว ที่เขาโปรดนั้นไม่ใช่ผู้คนในหล้า ที่เขาโปรดคือตัวของเขาเองเท่านั้น เขากำลังช่วยเหลือตัวเขาเอง เป็นการพิสูจน์ให้ตนเองเชื่อในจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนเท่านั้น”

กระบือดำขนาดใหญ่นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกล่าวเสียงอ่อยๆ ว่า “ศรัทธาความเชื่อไม่ได้เป็นการพิสูจน์ เป็นรักษาไว้อย่างมั่นคง”

“เจ้าพูดได้ถูกต้อง” หลี่ชิเย่มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “แม้ว่าเจ้าจะเป็นเพียงกระบือถ่านดำตัวหนึ่ง แต่ว่า ในข้อนี้เจ้ากลับมองไปทะลุปรุโปร่ง ถูกต้อง ความเชื่อ เลื่อมใสศรัทธาก็คือการรับษาไว้อย่างมั่นคง ไม่ได้เพื่อปกป้องใคร แค่ปกป้องตนเองเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าไปยืนยันจึงถือเป็นรจิตแห่งการบำเพ็ญเพียร! ความมั่นคงชองจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรก็คือการปกป้องรักษาไว้อย่างมั่นคง ไม่ใช่ไปยืนยัน ทั้งไม่ได้ยืนยันให้กับผู้คนในหล้าได้เห็น และไม่ได้ยืนยันให้ตนเองได้เห็น”

“ข้าคือกระบือสุดหล่อตัวหนึ่ง” กระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง กับการที่หลี่ชิเย่ตั้งฉายาสุ่มๆ ให้กับตน ด้วยการประท้วงอย่างอ่อนแอ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น ไม่ได้ให้ความสนใจการประท้วงของกระบือดำขนาดใหญ่

“ดูเอาก็แล้วัน” หลี่ชิเย่มองไปยังที่ที่ห่างไกล หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “ที่ผ่านไปไม่ต้องเอ่ยถึงก็แล้วกัน ไปดูว่าในขณะที่เลื่อมใสศรัทธานั้น ปราชญ์ไกลกันดารเขาคิดอย่างไร”

กระบือดำขนาดใหญ่เหมือนได้คิด หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เขาพยักหน้าเบาๆ

เดิมทีกระบือดำขนาดใหญ่ก็คือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เขาดำรงอยู่ที่ตรงนี้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากแล้ว แม้ว่า ส่วนใหญ่แล้วเขาจะถูกผนึกร่างเอาไว้อยู่เสมอๆ แต่ว่า เขากลับมีสายตาที่ยอดเยี่ยมยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า

ขณะที่พวกหลี่ชิเย่รีบเร่งจะไปสังหารมารชั่วร้าย ยังไม่ทันถึงก็มีเรื่องยุ่งยากมาหาถึงที่แล้ว

ได้ยินเสียงปัง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ปรากฏบนท้องฟ้าสั่นไหวเป็นระลอก เหมือนท้องฟ้าทั้งหมดถูกทำลายจนแตกละเอียดอย่างนั้น ทั่วท้องฟ้าเกิดสั่นไหวโคลงแคลงทีหนึ่ง

ในเวลานี้เอง ปรากฏเท้าขนาดใหญ่ที่เหยียบย่างเข้ามา เหยียบท้องฟ้าจนแตกละเอียด เหยียบสรรพสิ่งจนละเอียด สยบเหล่าชั้นฟ้าและสัจธรรม คนผู้หนึ่งยืนตระหง่านอยู่บนท้องฟ้า ขวางทางพวกหลี่ชิเย่เอาไว้

ขณะคนผู้นี้ยืนอยู่บนท้องฟ้า และขวางทางของพวกหลี่ชิเย่เอาไว้ พลันเหมือนดั่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงสุดลูกหนึ่งที่กั้นขวางและตัดขาดเหล่าชั้นฟ้า ปิดตายหมื่นอาณาจักร เหมือนว่าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถก้าวข้ามด้านหน้าของเขาไปได้

คนผู้นี้ที่ยืนอยู่ตรงนั้นมีลักษณะท่าทางที่ฮึกเหิมลำพองใจ ยอดเยี่ยมยากจะหาใดเทียมในหล้า มีท่วงท่าของพลังที่สูงสุด มีอำนาจน่าเกรงขามสายหนึ่งที่ข้าเท่านั้นเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว ท่ามกลางการหมางเมินของเขาเหมือนว่าผู้คนเป็นหมื่นเป็นล้านล้วนแล้วแต่เป็นผู้อ่อนแอกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดวงตาดวงที่สามที่ตั้งขึ้นตรงบริเวณระหว่างคิ้วนั้น แม้ว่าดวงตาข้างนี้ยังไม่ได้ลืมตาขึ้นมา แต่ว่า ประกายสีทองแต่ละสายที่เปล่งออกมาจากดวงตาข้างนี้กลับดูเหมือนว่าสามารถมองทะลุปรุโปร่งทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน สามารถแทงทลุทุกอย่าง มีพลังที่จะสยบจิตวิญญาณของผู้คนได้ ทำให้ผู้ที่มองดูแล้วถึงกับรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เด็กอัศจรรย์สามตา ย่อมไม่ต้องสงสัยว่า ผู้ที่ขวางทางพวกหลี่ชิเย่เอาไว้ก็คือเด็กอัศจรรย์สามตานั่นเอง

“เจ้าเด็กไร้เดียงสานี้มาทำอะไรที่นี่” กระบือดำขนาดใหญ่มองตาขวางเด็กอัศจรรย์สามตาทีหนึ่ง รู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นเด็กอัศจรรย์สามตามาขวางทางเอาไว้

เด็กอัศจรรย์สามตาคือระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น ย่อมสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งด้านกำลังความสามารถ แต่ว่า กระบือดำขนาดใหญ่กลับไม่เห็นเป็นเช่นนั้น

“เฮ้ยเจ้าก็คือหลี่ชิเย่” …หลังจากที่เด็กอัศจรรย์สามตาขวางทางหลี่ชิเย่แล้ว ได้ร้องเสียงดังขึ้นมา ท่าทางยกตนข่มท่าน

“ดูเหมือนจะใช่ ยังมีคนอื่นชื่อหลี่ชิเย่หรือไม่?” หลี่ชิเย่มองไปรอบๆ และกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมาว่า “ถ้าหากไม่มี งั้นก็คือข้าแล้วล่ะ”

“ดีมาก เช่นนั้นแล้วคุณชายอย่างข้าก็หาถูกคนแล้ว” เด็กอัศจรรย์สามตากล่าวน่าเกรงขามว่า “วันนี้ สมควรสั่งสอนเจ้าให้เข็ดหลาบ!” ท่าทางที่อยู่เหนือผู้คน มีท่าทีที่สยบทั่วหล้า

จะโทษว่าเด็กอัศจรรย์สามตามีท่าทางที่หยิ่งผยองลำพองก็ไม่ถูก จะอย่างไรเสียในฐานะที่เป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น เขามีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขามีอายุเยาว์วัยขนาดนี้ก็สำเร็จเป็นถึงระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ พลังแฝงเช่นนี้ เกรงว่ายากจะหาผู้ใดเทียมในยุคปัจจุบันแล้ว

ที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุดในยุคปัจจุบันคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระอาจารย์จินกวงแล้ว แต่ว่า พระอาจารย์จินกวงขณะอายุเท่านี้ไม่เห็นจะแข็งแกร่งมากกว่าเขาสักเท่าไร

ลองนึกภาพดู การที่ชายหนุ่มที่อ่อนเยาว์ขนาดนี้ถึงกับเป็นถึงระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น ช่างเป็นเรื่องที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งในหล้าเพียงใด ด้วยอายุเพียงเท่านี้ก็มีผลงานที่น่าตกใจเช่นนี้ ไม่ให้เด็กอัศจรรย์สามตาต้องหยิ่งยโสมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ

“อ้อสั่งสอนข้า?” หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่ง ท่าทางตามอารมณ์ยิ่ง และกล่าวว่า “พวกเรามีบุญคุณความแค้นกันรึ?”

“คุณชายอย่างข้าคิดจะสั่งสอนใครใยต้องมีเหตุผล ใยต้องมีบุญคุณความแค้น” เด็กอัศจรรย์สามตาท่าทางหยิ่งผยอง มีท่วงท่าที่ก้มมองดูเหล่าเวไนยสัตว์

“เจ้าคงไม่ใช่ออกหน้าแทนคนอื่นกระมัง” หลี่ชิเย่มองดูเด็กอัศจรรย์สามตาทีหนึ่ง กล่าวท่าทางเอ้อระเหยว่า “พูดแบบนี้ แสดงว่ามีคนเขาหลอกให้เจ้ามาตายแทนล่ะสิ? ในฐานะที่เป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นคนหนึ่งมาตายแทนคนอื่นเขา นับว่าน่าสนใจแล้ว”

“เหลวไหล…” เด็กอัศจรรย์สามตาร้องเสียงดังขึ้นมา จากนั้น รู้สึกว่าการร้องเสียงดังไม่ค่อยจะเหมาะ จึงลดเสียงลงแล้วกล่าวว่า “บังอาจ พูดจาสามหาวนัก คุณชายอย่างข้าปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า ใครผุ้ใดกล้าทำให้คุณชายอย่างข้าตายแทน!”

จะอย่างไรเสียเด็กอัศจรรย์สามตาก็เยาว์วัยอยู่ มีความภูมิใจตั้งแต่อายุยังเยาว์ แม้ว่าประสบความสำเร็จในระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นแล้วก็ตาม ก็ไม่ได้มีความหนักแน่นที่ควรจะมีในฐานะของระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น ดังนั้น การพูดจาจึงเหมือนเด็กคนหนึ่งมากกว่า เด็กที่ไม่ประสาคนหนึ่งเท่านั้น

“อ้อถ้าหากไม่ใช่ตายแทนเขา เมื่อเป็นเช่นนี้เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอะไร?” หลี่ชิเย่หัวเราะ และกล่าวเอ้อระเหยว่า “เกรงว่า เจ้าเองก็คงเพิ่งจะได้ยินชื่อของข้ามาไม่นานกระมัง”

ฮึ…เด็กอัศจรรย์สามตาไม่สบอารมณ์นัก กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ได้ข่าวว่าเจ้าไม่ให้ความเคารพต่อราชันแท้จริงหลิงซิน ที่คุณชายอย่างข้ามาวันนี้ก็เพื่อสั่งสอนเจ้าให้เข็ดหลาบ ทวงความยุติธรรมคืนให้กับราชันแท้จริงหลิงซิน”

“ราชันแท้จริงหลิงซิน…” หลี่ชิเย่หัวเราะทีหนึ่ง จากนั้นจ้องเขม็งไปที่เด็กอัศจรรย์สามตา

เด็กอัศจรรย์สามตาถูกสายตาที่ดูแปลกๆ ของหลี่ชิเย่จ้องมองจนรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว เขากล่าวน้ำเสียงเย็นชาขึ้นว่า “มองอะไร รีบสารภาพมาเร็วไวว่าเป็นเช่นนี้หรือไม่!”

“เยาวชน มีความรักแต่ยังเด็กไม่ดีนะเนี่ย” หลี่ชิเย่หัวเราะแบบเจ้าเล่ห์ กล่าวเอ้อระเหยขึ้นว่า “ข้าว่าคงเป็นความรักที่ฝ่ายหญิงมีอายุมากกว่าฝ่ายชายน่ะสิ เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้ ล้วนแล้วแต่ชอบผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่กว่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่อายุมากกว่าและยังวัยละอ่อน! เห็นที เจ้าคือ…”

“เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรของเจ้า…” เด็กอัศจรรย์สามตาส่งเสียงตวาดดังขึ้นมาทันที อานุภาพยิ่งใหญ่ไพศาล สยบเหล่าชั้นฟ้า ไม่รู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตจำนวนเท่าไรที่ต้องหวาดผวาจนหน้าถอดสี แม้แต่สัตว์ดึกดำบรรพ์ขนาดยักษ์ก็ถูกอานุภาพที่น่ากลัวนี้ทำให้ตกใจจนเผ่นหนีไป

“ขืนพูดเพ้อเจ้ออีก คุณชายอย่างข้าจะตัดลิ้นของเจ้าเสีย” เด็กอัศจรรย์สามตาร้องตวาดเสียงดังขึ้นมา แต่ว่า น้ำเสียงนั้นบวกกับความเป็นเด็กบนใบหน้าของเขา ดูจะมีความไม่เป็นธรรมชาติอยู่หลายส่วน

“ข้าไม่ได้พูดอะไร แค่พูดเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเอง” หลี่ชิเย่ทำท่ายักไหล่ และกล่าวเอ้อระเหยว่า “เจ้าจำเป็นต้องรีบปฏิเสธอย่างนั้นรึ? คงไม่ใช่มีเรื่องเช่นนี้จริงๆ?” กล่าวพลาง ยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์ทีหนึ่ง

“หุบปาก…” เด็กอัศจรรย์สามตาร้องห้ามหลี่ชิเย่ทันที และชักสีหน้าขึ้นกล่าวน่าเกรงขามว่า ”ราชันแท้จริงคือผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุด ได้รับการเคารพเลื่อมใสศรัทธาของผู้คน เจ้ากล้าเสียมารยาทต่อราชันแท้จริง ก็ต้องได้รับการรังเกียจจากผู้คนทั่วหล้า! ที่คุณชายอย่างข้ามาวันนี้ก็เพื่อสั่งสอนเจ้าให้เข็ดหลาบ ให้เจ้าได้รู้ว่าสมควรไปเคารพต่อผู้อื่นเช่นใด!”

“เพียงเท่านี้เองรึ?” หลี่ชิเย่ทำท่าเหมือนแปลกใจอย่างนั้น

“ถูกต้อง คุณชายอย่างข้าก็จะสั่งสอนเจ้าแทนผู้อาวุโสของเจ้า ให้เจ้ารู้ว่าควรจะให้ความเคารพราชันแท้จริงอย่างไร” เด็กอัศจรรย์สามตาทำชักสีหน้าน่าเกรงขาม

“เอาเถอะ” หลี่ชิเย่ผายมือ และสามารถรับฟังความคิดเห็นที่ดีของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ท่าทางเหมือนสำนึกผิดอย่างนั้น และกล่าวว่า “เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นคราวหน้าเมื่อพบกับราชันแท้จริงหลิงซิน ข้าก็จะขอโทษต่อนาง ยอมรับผิดต่อนาง”

ท่าทางของหลี่ชิเย่ทำเอาเด็กอัศจรรย์สามตาถึงกับตะลึงอยู่ตรงนั้น เวลานี้เขาไม่รู้ว่าต่อจากนี้ควรจะทำอย่างไรดี

เนื่องจากมันผิดไปจากที่เขาได้จินตนาการเอาไว้อย่างสิ้นเชิง เขาได้ยินมาว่าหลี่ชิเย่นั้นอวดดีอย่างยิ่ง ไม่เพียงเทะโลมราชันแท้จริงหลิงซินเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังดูแคลนต่อเหล่าราชัน และเทพแท้จริงทั้งหลาย ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง

เวลานี้ หลี่ชิเย่พลันก้มหัวยอมรับผิดอย่างกะทันหัน และสามารถรับฟังความคิดเห็นที่ดีของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เด็กอัศจรรย์สามตาตั้งรับไม่ทัน

……………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *