Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2882 หลอมกลั่น

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2882 หลอมกลั่น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2882 หลอมกลั่น

ในเวลานี้ เพลิงสัจธรรมกำลังเต้นวูบวาบบนฝ่ามือของหลี่ชิเย่ เชื้อไฟใช่ว่าจะคึกคักมากเป็นพิเศษ

เชื้อไฟที่แลดูไม่ได้คึกคักมากเป็นพิเศษนี้ สิ่งที่เสียดายก็คือ นั่นคือเกินเลยจากจินตนาการของทุกคน มันสามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้ นี่หาใช่เรื่องของคำพูดที่โอ้อวด แต่เป็นสิ่งที่สามารถเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงๆ

ขณะที่เพลิงสัจธรรมลักษณะเช่นนี้ปรากฏอยู่บนฝ่ามือของหลี่ชิเย่นั้น เลือดแห่งความชั่วร้ายที่อยู่ภายในสระโลหิตต่างรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ไปฉีกให้มันแยกออกจากกัน และไม่จำเป็นต้องให้หลี่ชิเย่ไปสยบมัน เลือดแห่งความชั่วร้ายที่อยู่ภายในสระโลหิตก็ถอยร่นไปสองข้างซ้ายขวา เสมือนดั่งเป็นน้ำขึ้นน้ำลงอย่างนั้น

แม้ว่าเลือดแห่งความชั่วร้ายจะมีพลังที่แข็งแกร่งมากจนปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว แต่ว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่แล้ว มันก็รู้สึกหวาดกลัวเหมือนกัน

ขณะที่รากสัจธรรมที่ปลูกอยู่ก้นสระโลหิตท่อนนั้นก็รับรู้ได้ถึงความอันตรายเช่นกัน และรู้ถึงความน่ากลัวของเพลิงสัจธรรม ในเวลานี้รากที่หยั่งอยู่ใต้สระโลหิตถึงกับคลายตัว หวังจะหลบหนีไปให้ได้

“คิดจะหนีรึ สายไปแล้ว” แต่ว่า รากสัจธรรมท่อนนี้ยังไม่ทันได้หนีไปก็ถูกหลี่ชิเย่สยบเอาไว้ก่อนแล้ว ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งของหลี่ชิเย่ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ถูกสยบทั้งสิ้น ต่อให้เป็นรากสัจธรรมก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้

เพลิงสัจธรรมทีเต้นวูบวาบบนฝ่ามือของหลี่ชิเย่เสมือนดั่งสายน้ำไหลอย่างนั้น ไหลจากฝ่ามือของหลี่ชิเย่ลงไปหารากสัจธรรมอย่างช้าๆ

ขณะที่เพลิงสัจธรรมกำลังไหลรินนั้นเป็นไปด้วยความล่าช้ามาก เหมือนว่ามันคือของเหลวที่มีความเข้มข้นและหนืดมาก

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ขณะที่เพลิงสัจธรรมได้หยดลงบนรากสัจธรรมท่อนนั้น รากสัจธรรมท่อนนี้พลันระเบิดพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมขึ้นมา โดยพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมนี้เหมือนทะลุอดีตถึงปัจจุบันในพริบตาเดียวอย่างนั้น เหมือนก้าวข้ามหมื่นยุค เมื่อพลังลักษณะเช่นนี้ระเบิดขึ้นมา สยบเทพมารเหล่าชั้นฟ้า ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งมวลต้องสั่นเทา

นาทีนี้รากสัจธรรมได้พวยพุ่งความสว่างขึ้นมาไม่ขาดสาย เมื่อพวพพุ่งออกมาจากรากสัจธรรมมันเสมือนหนึ่งได้เปิดโลกมีความสว่างโลกหนึ่งขึ้นมา พลังจรัสที่ไม่มีสิ้นสุดพวยพุ่งขึ้นมา ลำพังแค่พลังจรัสลักษณะเช่นนี้ก็สามารถบดขยี้ทุกสิ่งบนโลกได้แล้ว

ความสว่างจำนวนหนึ่งล้านล้านที่ทะลักขึ้นมาก็คล้ายเป็นโลกแห่งความสว่างโลกหนึ่งปรากฎขึ้นแก่สายตาตรงหน้าอย่างนั้น ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นก็คือ ท่ามกลางโลกแห่งความสว่างเช่นนี้ปรากฎร่างเงาคนผู้หนึ่งลอยขึ้นมาลางๆ ร่างเงานี้เพิ่งกำลังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เหมือนชีวิตหนึ่งที่ต้องการถือกำเนิดขึ้นในโลกแห่งความสว่างอย่างนั้น

แม้ว่าร่างเงาเช่นนี้เพิ่งจะถือกำเนิดเป็นตัวอ่อนในโลกแห่งความสว่างก็ตาม พลังที่มันแผ่กระจายออกมานั้นสามารถทำลายล้างฟ้าดินได้ เหมือนว่ามันคล้ายเป็นปฐมบรรพบุรุษคนหนึ่งอย่างนั้น

สิ่งมีชีวิตๆ หนึ่งหากมีพลังปฐมบรรพบุรุษที่น่ากลัวเช่นนี้อยู่ในครอบครองตั้งแต่ถือกำเนิดขึ้นมา มันช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น

ภายใต้พลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมเช่นนี้ ความสว่างเสมือนหนึ่งได้กลับกลายเป็นโล่ขนาดยักษ์อย่างนั้น หวังจะต้านเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่เอาไว้ หวังจะรองรับเพลิงสัจธรรมที่หยดลงมา ไม่ให้เพลิงสัจธรรมไปเผาไหม้ถึงรากสัจธรรมท่อนนี้

แต่ว่า ต่อให้พลังจรัสมีความแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไร้ประโยชน์ เมื่อเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่ค่อยๆ หยดลงไปนั้น ก็สามารถได้ยินเสียงเผาไหม้ดังจี๊ด จี๊ด จี๊ด มองเห็นเพลิงสัจธรรมเริ่มไหม้ทะลุความสว่าง

แม้จะมีโลกแห่งความสว่างโลกหนึ่งขวางอยู่ด้านหน้า แต่มันก็ไม่สามารถต้านเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ มันก็จะเผาไหม้และทะลุโลกแห่งความสว่างนี้ไปเช่นกัน

อ๊ากกก…เสียงร้องแหลมที่น่าเวทนาดังขึ้น หลังจากที่เพลิงสัจธรรมได้เผาไหม้และทะลุผ่านโลกแห่งความสว่างไปแล้ว มันได้หยดลงใส่ร่างเงาที่อยู่ภายในโลกแห่งความสว่าง เพียงชั่วพริบตาเดียวก็จัดการเผาร่างเงาดังกล่าวจนหมดสิ้นไม่เหลือ

“ร่างจริงข้าก็สามารถสังหารมาได้ครั้งหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงเชื้อไฟเช่นนี้” หลี่ชิเย่มองดูร่างเงาที่ถูกเผาไหม้จนไม่มีเหลือ จึงยิ้มเรียบเฉยทีหนึ่ง

เสียงเผาไหม้ดังจี๊ด จี๊ด จี๊ดขึ้นมาไม่ขาดสาย ในเวลานี้เอง เพลิงสัจธรรมได้ทำการเผาไหม้รากสัจธรรมท่อนนี้

เมื่อเพลิงสัจธรรมหยุดลงบนรากสัจธรรมท่อนนี้แล้ว มันถึงกับเหมือนน้ำผึงที่เหนียวหนืดยิ่งอย่างนั้น จัดการห่อหุ้มรากสัจธรรมเอาไว้ จากนั้นมันก็คล้ายเป็นไฟอ่อนที่ค่อยๆ เผาไหม้อย่างนั้น

ภายใต้การเผาผลาญของเพลิงสัจธรรม กฎเกณฑ์สัจธรรม พลังสัจธรรม ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรมที่เป็นของรากสัจธรรม ล้วนแล้วแต่ถูกเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่ เผาจนราบเรียบ ไม่เหลือทิ้งร่องรอยใดๆ ทั้งสิ้น

สุดท้าย ภายใต้การเผาไหม้ของเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่ รากสัจธรรมท่อนนี้ถูกเผาไหม้ไปอย่างสิ้นเชิง เหลือไว้เพียงพลังแก่นที่มีขนาดเท่าเม็ดลูกแก้ว นี่คือแก่นสัจธรรมที่ยอดเยี่ยมมาก

ในเวลานี้เอง ได้ยินเสียงปุ ปุ ปุดังขึ้น เพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่ได้ทำการหลอมกลั่นพลังแก่นนี้มาเป็นของตน หลังจากหลอมกลั่นโดยสิ้นเชิงแล้ว ได้ยินเสียงตูมดังขึ้น มองเห็นเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่ดูจะมีความคึกคักเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว ย่อมไม่ต้องสงสัยว่าพลังแก่นลักษณะเช่นนี้นับเป็นของบำรุงชั้นเลิศ

ช่าาา…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง เลือดแห่งความชั่วร้ายภายในสระโลหิตก็ถูกทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นมามากทีเดียว ภายใต้สัญชาตญาณมองเห็นเลือดแห่งความชั่วร้ายนี้ตวัดม้วนตัวทีหนึ่ง หวังจะหลบหนีไป

เนื่องจากเลือดแห่งความชั่วร้ายก็มองเห็นจุดจบของรากสัจธรรมแล้ว โดยรากสัจธรรมท่อนนี้ได้ถูกหลี่ชิเย่หลอมกลั่นไปโดยสิ้นเชิง ดังนั้น เลือดแห่งความชั่วร้ายก็รู้ว่าอันตรายกำลังมาเยือน ดังนั้น มันจึงต้องการหลบหนีไป

เสียดาย ในเวลานี้มันคิดจะหนีก็สายเกินไปเสียแล้ว

ขณะที่เลือดแห่งความชั่วร้ายกำลังจะหลบหนี มือของหลี่ชิเย่ได้คว่ำปิดทับลงมาอย่างชำนาญ ได้ยินเสียงตูมดังขึ้น เพลิงสัจธรรมพลันถูกเทราดลงบนเลือดแห่งความชั่วร้ายทันที

จี๊ด…เสียงหนึ่งดังขึ้น เลือดแห่งความชั่วร้ายถึงกับส่งเสียงร้องน่าเวทนาดังขึ้นเสียงหนึ่ง มันอยากจะหนีไป แต่ กลับถูกเพลิงสัจธรรมล็อคตัวเอาไว้ทันที และเพลิงสัจธรรมที่ถูกเทราดไปบนตัวของมันนั้น ไม่ได้นุ่มนวลเหมือนดั่งขณะหลอมกลั่นรากสัจธรรม แต่เหมือนเป็นการราดน้ำมันลงกองไฟอย่างนั้น ภายในระยะเวลาอันสั้น เห็นเพียงแสงไฟที่ลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง มันได้เผาไหม้ทั่วตัวของมันในพริบตา

ท่ามกลางเสียงของไฟที่ลุกไหม้ดังฟู่ววว ฟู่ววว ฟ่ววว แม้ว่าเลือดแห่งความชั่วร้ายพยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ว่า ภายใต้การสยบของเพลิงสัจธรรมมันไม่สามารถหนีรอดไปได้อยู่แล้ว

สุดท้ายได้ยินเสียงแหลมน่าเวทนาดังจี๊ด…ขึ้นมา มองเห็นเลือดแห่งความชั่วร้ายถูกเพลิงสัจธรรมของหลี่ชิเย่เผาไหม้จนหมดสิ้นอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นควันดำที่ลอยกระจายไปในที่สุด

ปราชญ์ไกลกันดารนับว่ามีฝีมืออยู่ ไม่เพียงไปเอาเลือดแห่งความชั่วร้ายมาได้เท่านั้น ยังถึงกับสามารถบรรลุความร่วมมือกันได้” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ เมื่อมองเห็นเลือดแห่งความชั่วร้ายถูกหลอมกลั่นจนกลายเป็นควันดำลอยขึ้นไป และกล่าวว่า “เห็นที นี่หาใช่เรื่องดีอะไรโดยแท้จริง”

สมควรทราบว่า เลือดมารบ่มเพาะสัจธรรมนั้นบ่งบอกว่า รากสัจธรรมกำลังดูดซึมเอาเลือดแห่งความชั่วร้ายอยู่ ทำการหลอมกลั่นเลือดแห่งความชั่วร้ายให้กลายเป็นความสว่าง สุดท้าย กลายเป็นอาหารของรากสัจธรรม ซึ่งก็เป็นการหลอมกลั่นโดยสิ้นเชิงอย่างหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การเผชิญกับการหลอมกลั่นเช่นนี้ เลือดแห่งความชั่วร้ายกลับไม่ได้หลบหนี ตรงกันข้ายินยอมพร้อมใจที่จะหล่อเลี้ยงรากสัจธรรมท่อนนี้ สิ่งนี้บ่งบอกถึงสิ่งใด? สมควรทราบว่า รากสัจธรรมท่อนนี้ต้องการนำเอาพลังความมืดมาหลอมกลั่นให้เป็นความสว่าง

แต่ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการหลอมกลั่นจากเพลิงสัจธรรมโดยสิ้นเชิงของหลี่ชิเย่ เลือดแห่งความชั่วร้ายกลับหวาดกลัวขึ้นมาและคิดจะหลบหนีไป ไม่ต้องการถูกหลอมกลั่น

เรื่องต่างๆ นานาที่อยู่ภายในได้บ่งบอกชัดเจนถึงสิ่งใด? เกรงว่าขณะที่มีการปักรากสัจธรรมนี้ก็อาจมีการบรรลุสัญญาลับและหรือบรรลุการวางแผนร่วมกันแล้ว

“เสียดาย” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจขึ้นมาเบาๆ มองดูรอบๆ และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “การเป็นปราชญ์ไหนเลยจะง่ายดายปานนี้ ปราชญ์ที่แท้จริงนั้น ท้ายที่สุดแล้วจะมีผู้ใดไปจดจำเล่า? ผู้คนบนโลกล้วนแล้วแต่เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเท่านั้นเอง ระดับความสูงของผู้เป็นปราชญ์ไหนเลยพวกเขาจะสามารถมองเห็นได้”

สุดท้าย หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ และงอนิ้วดีดไปทีหนึ่ง ได้ยินเสียงดังปังขึ้นมาเสียงหนึ่ง จิตรกรรมฝาผนังที่ถูกเลี่ยมกับผนังหินนั้นถูกหนึ่งนิ้วนี้ดีดจนแตกละเอียด

ท้ายที่สุด หลี่ชิเย่ได้หันหลังก้าวเดินออกไปจากตำหนักหลังนี้

ที่ด้านนอกตำหนัก ดวงตาคู่นั้นของกระบือดำขนาดยักษ์จับจ้องอยู่กับประตูใหญ่อย่างไม่ลดละ เขาถึงกับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ตัวเขาที่ผ่านอุปสรรคนานัปการไม่เคยตื่นเต้นเช่นนี้มาก่อนมานานมากแล้ว

สุดท้าย ได้ยินเสียงวัตถุที่หนักมากดังเอี๊ยด เอี๊ยด เอี๊ยดขึ้นมา มองเห็นประตูทองแดงที่หนักมากปราศจากสิ่งเทียบเทียมได้เปิดออกอย่างช้าๆ มองเห็นภายในตำหนักมีแต่ความมืดตึ๊ดตื๋อ

เฮ้ยยย…กระบือดำขนาดยักษ์ถึงกับร้องเสียงทุ้มต่ำขึ้นมา เมื่อมองเห็นภายในตำหนักที่มีแต่ความมืด วางท่าทีที่พร้อมจะโจมตี เนื่องจากเขาเกรงว่าปีศาจชั่วร้ายจะบุกสังหารออกมาจากด้านใน

“จะตื่นเต้นหาอะไร” ขณะที่กระบือดำขนาดยักษ์วางท่าทีที่พร้อมจะโจมตีนั้น ภายในตำหนักปรากฎเสียงที่เอ้อระเหยลอยมา มองเห็นหลี่ชิเย่ก้าวเดินออกมาจากตำหนักนั่น

กระบือดำขนาดยักษ์พลันหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่ คลายท่าทีที่เตรียมพร้อมโจมตีและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ขอบคุณฟ้าดิน ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านออกมาจนได้”

“หรือเจ้าเกรงว่าข้าจะต้องตายอยู่ในนั้นอย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง

“ไม่ขนาดนั้น ไม่ขนาดนั้น ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คือผู้ปราศจากผู้ต่อกรตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน มีเพียงหนึ่งเดียวในหล้า แค่ปีศาจน้อยๆ ไหนเลยขวางท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทีปราศจากผู้ต่อกรได้เล่า” กระบือดำขนาดยักษ์รีบพูดประจบสอพรอทันที และกล่าวหัวเราะแหะ แหะขึ้นมา

หลี่ชิเย่เพียงจ้องมองเขาทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เอาเถอะ ความปรารถนาของเจ้านับว่าเสร็จสิ้นลงแล้ว” กล่าวพลางหันหลังและฝ่ามือได้กดทับลงไป

ตูม ตูม ตูมท่ามกลางเสียงดังตูมตาม มองเห็นตำหนักใหญ่หลังนี้พังครืนลงมา จากการที่มือของหลี่ชิเย่ที่รวบเข้าหา ทำให้ตำหนักทั้งหลังถูกบดอัดจนกลายเป็นผง สุดท้ายก็กระจายหายไปในอากาศ

“ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ จำเป็นต้องรอบคอบขนาดนี้เลยรึ? ” กระบือดำขนาดยักษ์รู้สึกตกใจนิดหนึ่ง เมื่อมองเห็นหลี่ชิเย่พลันลงมือทำลายตำหนักหลังนี้ไป และกล่าวว่า “แค่ปีศาจชั่วร้ายตัวหนึ่ง ไหนเลยสามารถหนีจากเงื้อมมือของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไปได้”

“หงส์ผีจักรพรรดิราตรีเป็นเพียงปีศาจตัวน้อยๆ เท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เรื่องบางเรื่องเมื่อทำไปแล้วก็ทำให้มันถึงที่สุด จัดการลบมันออกไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง”

บัดซบเอ๊ย…กระบือดำขนาดยักษ์อดที่จะสบถออกมา และกล่าวว่า “ปราชญ์ไกลกันดารเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมจริงๆ เป็นคนเจ้าเล่ห์จริงๆ เขาได้วางทางหนีทีไล่อยู่ตรงนี้จริงๆ แหะ แหะ แหะเป็นความจริงที่ว่าเขาหาใช่ปราชญ์อะไรนั่น แหะข้าพูดไม่ผิดน่ะสิ เขาคือจอมมารคนหนึ่ง”

หลี่ชิเย่ไม่ได้พูดอะไรออกมา และไม่ไปประเมินสำหรับคำพูดของกระบือดำขนาดยักษ์

“แหะ แหะท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ปราชญ์ไกลกันดารได้คงอะไรเอาไว้ข้างในกันแน่? ” กระบือดำขนาดยักษ์รู้สึกอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก

………………………………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *