Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2881 สระโลหิต

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2881 สระโลหิต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2881 สระโลหิต

ฉึก…หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันไป แสงสว่างกรีดผ่านความมืด คงไว้เพียงนิรันดร์

หนึ่งกระบี่นี้คืออดีตถึงปัจจุบัน กรีดกาลเวลาจนขาด ตัดขาดวัฏสงสาร ทำลายกฎแห่งกรรม ภายใต้หนึ่งกระบี่นี้ทุกสิ่งมีเพียงความตายสถานเดียว!

ฮือออ…เสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น หลังจากหนึ่งกระบี่ผ่านไป เสียงร้องที่โหยหวนน่าเวทนาของหงส์ผีจักรพรรดิราตรีดังก้องไปทั่วตำหนัก สุดท้าย หัวขนาดยักษ์ของมันได้ตกลงพื้นอย่างแรงดังปัง

หลังจากที่หัวของมันถูกฟันขาดไปแล้วนั้น เสียงพวยพุ่งดังจี๊ดขึ้นมา เห็นเพียงบริเวณลำคอของหงส์ผีจักรพรรดิราตรีปรากฎเลือดสดๆ ที่พวยพุ่งขึ้นไปเสมือนดั่งน้ำพุอย่างนั้น และตกลงมาดั่งฝนเลือดในเวลานี้

แม้ว่าหงส์ผีจักรพรรดิราตรีจะถูกสังหารไปแล้ว แต่ทว่า เลือดของมันยังคงมีความกัดกร่อนที่สูงมากและน่ากลัวอย่างยิ่ง ขณะที่เลือดสดๆ พุ่งทะลักออกมา ได้ยินเสียงจี๊ด จี๊ด จี๊ดดังขึ้น แม้แต่ช่องว่างก็ถูกเลือดของมันกัดกร่อนจนทะลุ เป็นที่หวาดหวั่นพรั่นพรึงแก่ผู้พบเห็น

สุดท้าย ได้ยินเสียงล้มครืนดังตูม ตูม ตูมขึ้นมา ตัวของหงส์ผีจักรพรรดิราตรีที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารคล้ายค่อยๆ คุกเข่าลงแล้วโน้มตัวล้มลงขนานกับพื้นไปข้างหน้า

หนึ่งกระบี่ที่ไร้เทียมทาน แม้ว่าหงส์ผีจักรพรรดิราตรีจะแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ตาม แม้ว่ามันเคยติดตามปราชญ์ไกลกันดารและปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า แต่ว่า ก็ต้านหนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ไม่ได้ ขณะที่หนึ่งกระบี่ของหลี่ชิเย่ที่ฟาดฟันออกไปนั้นทุกอย่างเหมือนเป็นที่แน่นอนไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้น หงส์ผีจักรพรรดิราตรีที่แข็งแกร่งเช่นนี้ก็ต้องตายอนาถอยู่ตรงนั้น

“หนึ่งกระบี่สะบั้นวัฏสงสาร” หลี่ชิเย่หัวเราะเบาๆ เป่าเลือดสดๆ ที่ค้างอยู่บนกระบี่ กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “ต่อให้ปราชญ์ไกลกันดารได้วางค่ายกลที่ฝืนลิขิตสวรรค์เอาไว้ก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”

อย่าว่าแต่ปราชญ์ไกลกันดารได้วางค่ายกลที่ฝืนลิขิตสวรรค์เอาไว้ในตำหนักนี้เลย ต่อให้ปราชญ์ไกลกันดารอยู่ในเหตุการณ์ หากหลี่ชิเย่ต้องการสังหารในกระบี่เดียว หงส์ผีจักรพรรดิราตรีก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ปราชญ์ไกลกันดารก็ช่วยมันไม่ได้เหมือนกัน

หลี่ชิเย่ยิ้มนิดหนึ่งเมื่อกระบี่ล้างบาปคืนฝัก ขณะที่กระบี่ล้างบาปได้นิ่งเงียบอย่างสิ้นเชิงแล้ว เนื่องจากผู้บงการชีวิตของมันอย่างแท้จริงคือหลี่ชิเย่ มันจึงได้แต่คล้อยตาม

หลี่ชิเย่ไม่ได้มองดูศพของหงส์ผีจักรพรรดิราตรีอีกสักครั้ง ก้าวข้ามไปและก้าวสู่บริเวณที่ลึกเข้าไปในตำหนัก

หลังจากที่หงส์ผีจักรพรรดิราตรีถูกสังหารไปแล้ว ทั่วทั้งตำหนักดูจะเงียบสงัดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อก้าวเดินลึกเข้าไปด้านใน ความเงียบสงัดเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

แต่ว่า สิ่งเหล่านี้กล่าวสำหรับหลี่ชิเย่แล้วไม่ส่งผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น สายตาของเขาดูลึกล้ำ ก้าวเดินลึกเข้าไปในตำหนักอย่างช้าๆ

สุดท้ายแล้ว หลี่ชิเย่ได้ก้าวเดินไปจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดของตำหนัก ที่ตรงนั้นมีสระน้ำเพียงแห่งเดียวเท่านั้น นอกเหนือจากสระน้ำแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย

ไม่ถูก ผนังหินที่อยู่ด้านหน้าสระน้ำยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดใหญ่มากอยู่ภาพหนึ่ง

หลังจากที่หลี่ชิเย่เดินเข้าไปใกล้และสายตาได้ตกอยู่ที่สระน้ำนั่น พลันที่มองไปยังสระน้ำทำให้สายตาของหลี่ชิเย่ต้องเพ่งมองไปข้างหน้า และนัยน์ตาทั้งสองเผยให้เห็นถึงความรู้สึกที่หนาวเย็นขึ้นมา

สระน้ำที่อยู่ภายในตำหนักมีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ภายในสระน้ำมีของเหลวบรรจุอยู่เต็มสระ โดยของเหลวที่จุเต็มสระนี้มีลักษณะสีดำดั่งหมึก พลันที่มองไปยังเข้าใจว่าเป็นน้ำหมึกเต็มสระ

แต่ว่าเมื่อมองดูให้ละเอียดแล้วก็จะพบว่ามันไม่ใช่น้ำหมึก โดยของเหลวที่ดำดั่งน้ำหมึกนั้นยังมีความเป็นสีแดงเข้มในตัว ความจริงแล้ว เป็นเพราะว่ามันมีสีแดงเข้มมากเกินไปจนสุดท้ายกลายเป็นสีดำ

“เลือดแห่งความชั่วร้าย” ดวงตาทั้งสองของหลี่ชิเย่เพ่งไปข้างหน้า มองดูของเหลวที่อยู่ในสระตรงหน้า

ไม่ผิด ของเหลวที่มีอยู่เต็มสระหาใช่น้ำหมึกอะไรนั่น แต่มันคือเลือดสดๆ เป็นเลือดสดๆ เต็มสระ อีกทั้งเลือดสดๆ ที่มีอยู่เต็มสระดังกล่าวถึงกับไม่จับตัวเป็นก้อนหลังจากที่ผ่านกาลเวลามานับไม่ถ้วน

ด้วยตาของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจะไม่สามารถมองเลือดสดๆ ที่อยู่ในสระนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และมองไม่ออกถึงความลึกลับของมัน กระทั่งยังเข้าใจว่าเป็นสระที่เต็มไปด้วยน้ำหมึก แต่ว่า เมื่อผู้ที่มีกำลังกล้าแข็งเปิดเนตรฟ้าขึ้นก็จะค้นพบได้เอง

ภายใต้ใต้หล้าเลือดสดๆ สระนี้ กลิ่นอายชั่วร้ายล้อมรอบไม่จางหาย ภายในเลือดสดๆ เหล่านี้ มีกฎเกณฑ์ความชั่วร้ายไหลรินอยู่ กฎเกณฑ์ชั่วร้ายทุกๆ ข้อมีขนาดเล็กดั่งใยไหม ด้วยกฎเกณฑ์ชั่วร้ายเล็กเท่าใยไหมนี้ เหมือนว่าได้ซ่อนพลังของโลกแล้วโลกเล่าอยู่ภายในอย่างนั้น

ด้วยพลังลักษณะเช่นนี้นี่เอง ส่งผลให้เลือดแห่งความชั่วร้ายที่มีอยู่เต็มสระยังคงไม่จับแข็งเป็นก้อนหลังจากผ่านมาเป็นพันล้านปี และพลังเวทมนตร์ของมันยังคงอยู่

สายตาของหลี่ชิเย่เพ่งมองไปข้างหน้า เสมือนดั่งทะลุผ่านเลือดแห่งความชั่วร้ายที่มีอยู่เต็มสระ หลังจากมองเห็นสภาพที่อยู่ภายในชัดเจนแล้ว เขาถึงกับส่งเสียงฮึเย็นชาขึ้นมา

ในเวลานี้ฝ่ามือของหลี่ชิเย่กางออกไปอย่างชำนาญ ได้ยินเสียงน้ำที่ดังช่าาา ช่าาา ช่าาาขึ้นมา จากฝ่ามือของหลี่ชิเย่ที่แบออกไปนั้น เลือดแห่งความชั่วร้ายที่มีอยู่เต็มสระก็ค่อยๆ แยกออกเป็นซ้ายขวาสองข้าง

สมควรทราบว่า เลือดแห่งความชั่วร้ายทุกๆ หยดล้วนแล้วแต่มีพลังที่แข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมอยู่ในตัว เลือดแห่งความชั่วร้ายทุกๆ หยดล้วนแล้วแต่เปรียบเสมือนดั่งน้ำในมหาสมุทรอย่างนั้น บุคคลทั่วไปไม่สามารถรองรับได้กระทั่งเลือดแห่งความชั่วร้ายเพียงหยดเดียว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเคลื่อนย้ายเลือดแห่งความชั่วร้ายที่มีอยู่เต็มสระเช่นนี้

แต่ว่า ภายใต้พลังของหลี่ชิเย่ เห็นเพียงเลือดแห่งความชั่วร้ายจำเป็นต้องแยกออกเป็นซ้ายขวาสองด้าน แม้ว่าเลือดแห่งความชั่วร้ายที่มีพลังซึ่งปราศจากผู้ต่อกรต้องการรวมตัวกลับไป แต่ไม่สามารถรับกับพลังฉีกขาดที่แข็งแกร่งยิ่งของหลี่ชิเย่ได้

เมื่อเลือดแห่งความชั่วร้ายได้แยกออกจากกันเป็นซ้ายขวาสองด้านโดยสิ้นเชิงแล้ว พื้นสระได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าหลี่ชิเย่อย่างสิ้นเชิง เมื่อทอดสายตามองออกไป เห็นก้นสระถึงกับมีรากแก่ท่อนหนึ่งปักอยู่

รากแก่ท่อนนี้พราวพร่างดั่งหยก มีกฎเกณฑ์จรัสที่ศักดิ์สิทธิ์แต่ละข้อล้อมรอบ กฎเกณฑ์จรัสศักดิ์สิทธิ์แต่ละข้อคล้ายเป็นสัจธรรมสูงสุด

เป็นรากแก่ท่อนนี้แหละที่กำลังดูดซับพลังของเลือดแห่งความชั่วร้ายนี้อยู่ ที่แปลกประหลาดมากไปกว่านี้ก็คือ รากแก่ท่อนนี้หลังจากได้ดูดซับเอาพลังของเลือดแห่งความชั่วร้ายนี้ไปแล้ว กลับไม่ถูกทำให้ต้องแปดเปื้อนด้วยเลือดแห่งความชั่วร้าย ตรงกันข้าม พลังจรัสที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดกลับมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

‘รากสัจธรรม’ สายตาของหลี่ชิเย่ตกไปอยู่ที่ท่อนไม้แก่ท่อนนี้ กล่าวน้ำเสียงเย็น่ชาว่า “สัจธรรมเลี้ยงเลือดมาร! เป็นกลอุบายที่ยอดเยี่ยมมาก ปราชญ์ไกลกันดารเจ้าคิดอย่างไรกันแน่? ถึงกับทิ้งทางหนีทีไล่ไว้ให้กับตนเอง หรือว่าเจ้าคิดจะให้ตนเองได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหลังจากโลกถูกทำลายไปแล้วอย่างนั้นรึ? ”

เมื่อหลี่ชิเย่เอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วมีสายตาพองโต จากนั้นเงยหน้าขึ้น และสายตาตกไปอยู่ที่ภาพจิตรกรรมฝาผนังนั่น

ภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่โบราณมาร ไม่เหมือนปราชญ์ไกลกันดารเป็นผู้แกะสลักลงไป โดยจิตรกรรมฝาผนังนี้เป็นการไปเฉือนมาจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง จากนั้นค่อยนำมาเลี่ยมติดอยู่ตรงนี้

บนภาพจิตรกรรมฝาผนังได้มีการแกะสลักสิ่งมีชีวิตหลายชนิด แต่ว่า สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ไม่เคยมีใครพบเห็นมาก่อน มีความแปลกประหลาดมาก แต่ว่า หลี่ชิเย่กลับรู้ได้ทันทีว่ามันคือตัวอะไร ทันที่ที่ได้เห็นสิ่งมีชีวิตบนนั้น เนื่องจากหลี่ชิเย่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่อยู่ในตำหนักหลังสุดท้ายของตำหนักหมีเซียนในเงินทองตกพื้น

สิ่งมีชีวิตหลายประเภทที่เห็นอยู่ตรงหน้า ก็คือรูปแกะสลักสามสิบหกตัวที่อยู่ในตำหนักหลังสุดท้าย

“ปราชญ์ไกลกันดาร นี่ก็คือสิ่งที่เจ้าคิดจะทำอย่างนั้นรึ? ” หลี่ชิเย่มองดูสิ่งมีชีวิตหลายๆ ตัวที่อยู่ในภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้วถึงกับยิ้มจางๆ และส่ายหน้าเบาๆ

สุดท้าย หลี่ชิเย่มองดูรากสัจธรรมที่อยู่ในโลหิต และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สัจธรรมเลี้ยงเลือดมาร! เจ้าคิดอย่างไรของเจ้านะ คิดจะกลายเป็นมาร หรือเป็นปราชญ์? ”

สัจธรรมเลี้ยงเลือดมารไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นวิธีการที่ชั่วร้าย เนื่องจากมันเสมือนดั่งเป็นดาบสองคม มันสามารถมุ่งไปทางแสงสว่างก็ได้ และมุ่งไปยังความมืดก็ได้

เหมือนดั่งรากสัจธรรมท่อนนี้ที่อยู่ตรงหน้า มันได้ดูดซับพลังความชั่วร้าย แต่ว่า พลังจรัสของมันกับยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เหมือนว่าเลือดแห่งความชั่วร้ายไม่สามารถทำให้มันแปดเปื้อนได้อย่างสิ้นเชิง

แต่ว่า เรื่องราวจำนวนมากมักจะขึ้นอยู่กับเส้นบางๆ เส้นหนึ่ง ขอเพียงก้าวข้ามเส้นนี้ไป จะสามารถเป็นความสว่างก็ได้ และเป็นความมืดก็ได้

ดังนั้น จึงไม่มีใครรู้ว่าปราชญ์ไกลกันดารต้องการจะทำอะไรกันแน่ แต่ว่า ที่แน่ใจก็คือ การที่เขาได้ทิ้งทางหนีทีไล่เอาไว้ที่ตรงนี้ ต้องเคยคิดทิ้งทางหนีให้กับตนอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม การที่ปราชญ์ไกลกันดารนำเอาภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้มาเลี่ยมเอาไว้ตรงนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ คู่ควรให้ผู้คนไปคาดเดา

“ผู้เฒ่าอมตะใฝ่หาวัฏสงสาร เขาเพียงแค่ศึกษาค้นคว้าเรื่องความเป็นอมตะ” หลี่ชิเย่มองดูรากสัจธรรมท่อนนั้นและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “สำหรับเจ้า ปราชญ์ไกลกันดาร ทุกอย่างล้วนพูดยาก จะอย่างไรเสียเจ้าคือผู้ที่มีประวัติความผิดมาก่อน”

ต่อให้มีผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็ฟังไม่รู้ถึงคำพูดของหลี่ชิเย่

“สัจธรรมเลี้ยงเลือดมาร สิ่งนี้ช่างเหมือนกับเจ้าอะไรอย่างนั้น และหรือนี่แหละคือตัวเจ้า” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจออกมาและกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า ชาตินี้เจ้าก็คือสัจธรรมเลี้ยงเลือดมาร และหรือเจ้าแค่ต้องการปลอบใจตนเองบ้างเท่านั้น ความสว่างก็แค่สิ่งประดับเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตของเจ้าเท่านั้นเอง”

ปราชญ์ไกลกันดาร ช่างเป็นผู้ดำรงอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์อะไรอย่างนั้น ในแดนสามเซียน และในสายตาของชนรุ่นหลัง เขาคือหนึ่งในระดับปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งที่สุด และเป็นปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมที่สุด

รัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยพร้อมเพรียงกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้ทิ้งหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสำนักสืบทอดลักษณะเช่นนี้เอาไว้ ช่างเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมเพียงใด เป็นความใจกว้างเช่นใด

ในแดนสามเซียนเคยมีระดับปฐมบรรพบุรุษอยู่จำนวนเท่าไร แต่ว่า มีสักกี่คนที่เหมือนปราชญ์ไกลกันดารสู้ลำบากไปโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยพร้อมเพรียงกัน!

แต่ทว่า กลับไม่เคยมีใครรู้ว่า เบื้องหลังรัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาคของปราชญ์ไกลกันดารนั้น กลับเป็นความมืดมิด ขณะที่เขาหันหน้าเข้าหาเหล่าเวไนยสัตว์ ความสว่างไม่มีสิ้นสุด แต่หากเขาหันหลังกลับมา บางที่ผู้คนบนโลกอาจจะได้เห็นหุบเหวที่ลึกและดำมืดด้านหลังของเขา

ปราชญ์ไกลกันดารปีนขึ้นมาจากหุบเหวที่ลึกและดำมืด และมาถึงโลกใบนี้ บางทีเขาเคยคิดที่จะทำเรื่องอื่นๆ แต่ ท้ายที่สุดเขาเลือกความสว่าง

การที่เขาเลือกความสว่างใช่เป็นเพราะเขามีความเมตตา และไม่ได้เป็นเพราะเขาใฝ่หาความสว่าง บางทีเขาแค่คิดว่าหลังจากที่ตนเองล้มเหลวแล้วหาทดลองอีกแบบหนึ่ง และมีความเป็นไปได้ที่เขาคิดจะคงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีนิดหนึ่งของตนเอาไว้

ภายใต้รัศมีแสงที่ส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค บางที เขากำลังปลอบประโลมวิญญาณบางคน บางคนที่เสียชีวิตไป และสูญเสียความสว่างสุดท้ายที่มีอยู่เพียงน้อยนิดภายในใจของตน

บางทีนี่แหละคือปราชญ์ไกลกันดาร เขารัศมีแสงส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค โปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยพร้อมเพรียงกันในแดนสามเซียน สิ่งนี้ใช่ว่าเพราะเขาคือปราชญ์ แต่เป็นแสงสว่างสุดท้ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดภายในใจของเขา

บางที่ หลังจากชาตินี้ไปแล้ว จะไม่มีปราชญ์ไกลกันดารอีกแล้ว มีเพียงผู้ที่นำพาโลกของเขาเข้าสู่ความมืดมิดที่ไม่มีสิ้นสุดผู้นั้น!

“ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็ตาม ต้องการไฝ่หาความสว่างจริงๆ ก็ดี หรือต้องการถือโอกาสนี้เดินทัพพิชิตความมืดก็ช่าง แต่ ข้าก็จะไม่คงภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นภายหลังเอาไว้” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวขึ้นช้าๆ ขณะมองดูรากสัจธรรมท่อนนั้นที่อยู่ในสระโลหิต

ผู้มีเมตตาในใจ นั่นไม่ใช่หลี่ชิเย่ เนื่องจากเขาคือมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง

“ข้าสามารถสังหารเจ้ามาครั้งหนึ่ง ก็สามารถทำลายเชื้อไฟของเจ้าอีกครั้ง” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมย และค่อยๆ ย่อตัวลงไป

ตูมเสียงหนึ่งดังขึ้น ฝ่ามือของหลี่ชิเย่ปรากฏประกายไฟที่เต้นวูบวาบ นี่คือสุดยอดไฟสัจธรรมสูงสุดที่มีอานุภาพสูงสุดของหลี่ชิเย่

……………………………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *