Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2907 พบเด็กอัจฉริยะสามตาอีกแล้ว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2907 พบเด็กอัจฉริยะสามตาอีกแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2907 พบเด็กอัจฉริยะสามตาอีกแล้ว

ขณะที่หลี่ชิเย่กำลังจะไปจาก ได้มองเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ในที่ที่ไกลออกไป มองดูผู้เฒ่าในระยะห่างไกล ท่าทางหนักแน่นจริงจังยิ่งนัก

คนผู้นั้นก็คือเด็กอัจฉริยะสามตา เขาจ้องมองดูผู้เฒ่าที่กำลังสลักหินจากระยะไกลด้วยท่าทางที่หนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง กระทั่งไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงด้วยความระมัดระวังตัวยิ่ง

เด็กอัจฉริยะสามตามีดวงตาทองคำ สิ่งที่เขามองเห็นอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆ มากทีเดียว แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นที่มีกำลังความสามารถพอๆ กับเขา สิ่งที่สามารถมองเห็นได้ก็ห่างชั้นกับเขาอยู่มากทีเดียว

ดังนั้น ขณะที่เขามองเห็นผู้เฒ่าสลักหินคนนี้ เขาจึงมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง รู้ว่าได้เจอะเจอกับผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่งเข้าให้แล้ว

ก่อนหน้านี้ เด็กอัจฉริยะสามตาเคยพบเห็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะปราศจากผู้ต่อกร เช่นพระอาจารย์จินกวง ปราชญ์อัจฉริยะหลันซู แต่ เกรงว่าแม้แต่พระอาจารย์จินกวงที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งปราศจากผู้ต่อกรก็สู้ไม่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เฒ่าสลักหินผู้นี้

นี่แหละคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะยืนอยู่จุดสูงสุด เป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดที่แท้จริง ผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดเช่นนี้ถึงกับรั้งอยู่ที่ตรงนี้สลักหิน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ

หากไม่เป็นเพราะมั่นใจว่าปราชญ์ไกลกันดารไม่อยู่ในโลกนี้นานมากแล้ว เด็กอัจฉริยะสามตาอดจะสงสัยไม่ได้ว่า ผู้เฒ่าที่สลักหินตรงหน้าผู้นี้ก็คือปราชญ์ไกลกันดาร

ในเวลานี้ เด็กอัจฉริยะสามตาจ้องมองดูจากระยะห่างไกลไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้ ยิ่งกว่านั้นยังไม่กล้ากระทำการที่เป็นการรบกวนแม้แต่น้อย

เด็กอัจฉริยะสามตาเป็นคนที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะที่อยู่ในระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นที่มีอายุน้อยที่สุดในยุคปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะบุคคลในหล้า เขามีท่าที่ที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับผู้ใดก็ตาม มีลักษณะที่อวดดียโสโอหังอย่างยิ่ง

แต่ว่า เวลานี้เขากลับกลายเป็นระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง เนื่องจากภายในใจของเขาชัดเจนยิ่งนักว่า เฉกเช่นตัวเขาที่อยู่ในระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น ไม่คู่ควรจะกล่าวถึงด้วยซ้ำเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เฒ่าสลักหินผู้นี้ ผู้เฒ่าผู้นี้สามารถทำให้ระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นเช่นเขาหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวโดยไม่เปลืองแรงด้วยซ้ำ

ดังนั้น เด็กอัจฉริยะสามตากลั้นลมหายใจมองดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าสลักหินจากระยะห่างไกล ขณะที่ดวงตาทองคำของเขากรอกไปมา และสามารถมองเห็นความลับอะไรบางอย่างที่อยู่ในนั้น ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหวภายในใจอย่างยิ่ง ด้วยฝีมือที่ฝืนลิขิตเช่นนี้ ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เล่า

“ทำไมรึ มองดูพอแล้วยัง?” จังหวะที่เด็กอัจฉริยะสามตากำลังรวบรวมสติมองดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าสลักหินอยู่นั้น ปรากฏเสียงที่เอ้อระเหยเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหู

ขณะที่เสียงเอ้อระเหยดังขึ้นที่ข้างหูนั้น พลันเสมือนดั่งเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดขึ้นข้างหูอย่างนั้น พลันทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาตกใจเป็นอันมาก กระโดดหนีทันทีด้วยปฏิกิริยาสัญชาตญาณ พลันดึงช่วงห่างออกไปอย่างเพียงพอทันที

จะโทษเด็กอัจฉริยะสามตามีปฏิกิริยามากขนาดนี้ก็ไม่ถูก สมควรทราบว่า เดิมสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่เข้าถึงได้ยากอยู่แล้ว มีเพียงผู้ที่มีกำลังความสามารถแข็งแกร่งมากและฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งจึงกล้าเสี่ยงภัยเข้ามา การที่เขากล้าเข้ามาที่นี่เพราะได้พกพาเอาสุดยอดของวิเศษมาด้วย แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม เขาก็ระมัดระวังตัวอย่างยิ่ง

กล่าวได้ว่า สถานที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ไม่พบแม้แต่เงาของผู้คนสักคน กระทั่งเรียกว่าเงาผีสักตนก็ไม่เห็น

ในเวลานี้กลับมีเสียงคนพูดจาเอ้อระเหยอยู่ข้างหูของตนกะทันหัน แล้วจะไม่สร้างความตระหนกตกใจให้กับเด็กอัจฉริยะสามตาได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น เด็กอัจฉริยะสามตาในฐานะที่เป็นระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น มีกำลังความสามารถที่ฝืนลิขิตสวรรค์อย่างยิ่ง ไม่ว่าใครก็ตามหากเข้ามาใกล้ตัวเขา เขาก็ต้องพบตัวจึงจะถูก

แต่ทว่า เวลานี้ภายใต้การตื่นตัวขั้นสูงเช่นนี้แล้ว มีคนเข้ามาใกล้ตนเองถึงกับไม่รู้อะไรเลย ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามต้องการลอบโจมตีและเอาชีวิตเขา เกรงว่าคงไม่เป็นเรื่องยาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ จะไม่ทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาต้องตกใจยิ่งได้อย่างไร แล้วจะไม่ทำให้เด็กอัจฉริยะสามตารู้สึกตกใจจนเหมือนถูกฟ้าผ่าเอาได้อย่างไรเล่า?

ขณะที่เด็กอัจฉริยะสามตากระโดดหนีไปนั้น ได้วางท่วงท่าของการป้องกันในทันที กอดของวิเศษเอาไว้และมองไปยังต้นเสียง มองเห็นที่ที่เขายืนอยู่เมื่อครู่มีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง คนผู้นี้ก็คือหลี่ชิเย่นั่นเอง

พลันทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาถึงกับขนลุกตั้งชันขึ้นทั้งตัว เมื่อพบกับหลี่ชิเย่เป็นครั้งที่สอง ถึงกับก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งด้วยจิตใต้สำนึก สีหน้าเปลี่ยนไปมากทีเดียว และร้องขึ้นมาด้วยความหวาดผวา เป็นท่าน…

เด็กอัจฉริยะสามตาถูกทำให้ตกใจไม่เบาเลย ขณะมองเห็นหลี่ชิเย่

นี่เป็นการพบเห็นกับหลี่ชิเย่เป็นครั้งที่สองของเด็กอัจฉริยะสามตา แต่ทว่า หลี่ชิเย่กลับเป็นบุคคลที่เด็กอัจฉริยะสามตาไม่อยากพบเห็นมากที่สุด

เด็กอัจฉริยะสามตาเคยพบเจอกับระดับปราศจากผู้ต่อกรมาเป็นจำนวนมาก ผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุดในยุคปัจจุบันคงไม่มีใครเกินไปกว่าพระอาจารย์จินกวง ปราชญ์อัจฉริยะหลันซู กล่าวสำหรับเด็กอัจฉริยะสามตาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพระอาจารย์จินกวง หรือปราชญ์อัจฉริยะหลันซู เขาสามารถมองเห็นได้ในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็รู้ได้ว่าตื้นลึกหนาบางเท่าไร ทำให้ภายในใจของเขารู้สึกมีความมั่นใจ

ที่น่าสยองยิ่งกว่าก็คือ เมื่อครู่ผู้ที่ทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็คือผู้เฒ่าที่สลักหินตรงหน้าคนนั้น ในสายตาของเขามองว่า ผู้เฒ่าที่สลักหินผู้นั้นน่าสยองยิ่งกว่าพระอาจารย์จินกวง และปราชญ์อัจฉริยะหลันซู

แต่ทว่า ด้วยดวงตาทองคำของเด็กอัจฉริยะสามตามองว่า แม้ผู้เฒ่าสลักหินนั้นมีความน่าสยองขวัญโดยแท้จริง แต่ ความน่าสยองขวัญของเขายังคงมีสภาพประมาณหนึ่ง ยังมีขอบเขตที่สามารถคาดคะเนได้

แต่ว่า หลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาต้องหวาดกลัวอย่างแท้จริง เป็นผู้ที่เขาไม่ต้องการพบมากที่สุด

ก่อนหน้านี้ เด็กอัจฉริยะสามตาเคยเปิดดวงตาทองคำแอบส่องหลี่ชิเย่ ส่งผลให้เขาต้องตกใจอย่างแท้จริง

สมควรทราบว่า ดวงตาทองคำของเขาสามารถจับความเท็จ เห็นความจริง ไม่มีสิ่งใดสามารถรอดพ้นจากดวงตาทองคำของเขาไปได้

แต่ว่า หลี่ชิเย่ยังคงลึกล้ำยากจะหยั่งถึง แม้ว่าภายใต้ดวงตาทองคำของเขาจะได้สำแดงจนถึงขีดสูงสุดแล้ว ยังคงมองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุดของหลี่ชิเย่ เขาเสมือนหนึ่งเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะไร้ขอบเขต ต่อให้โลกกว้างใหญ่มากกว่านี้ก็เทียบกับความกว้างใหญ่ของเขาไม่ได้ การดำรงอยู่ของเขาเหมือนว่าไม่มีที่ใดสามารถรองรับเขาได้อย่างนั้น เขาได้ก้าวล้ำทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก

สิ่งนี้พลันทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ก่อนหน้านี้เขาเคยพบพระอาจารย์จินกวง เคยเห็นปราชญ์อัจฉริยะหลันซู แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นพระอาจารย์จินกวง หรือว่าปราชญ์อัจฉริยะหลันซู ภายใต้ดวงตาทองคำของเขาก็สามารถมองเห็นขอบเขตได้

ขณะที่หลี่ชิเย่เป็นคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มองไม่เห็นขอบเขตภายใต้ดวงตาทองคำของเขา สิ่งนี้ได้สร้างความตกใจให้กับเด็กอัจฉริยะสามตาจนทำอะไรไม่ถูกอย่างแท้จริง

ตอนนั้นก็ได้ทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง ดังนั้น ในขณะนั้นเขาจึงหาข้ออ้างแล้วหนีไปทันที

เด็กอัจฉริยะสามตามีความยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่กับใครก็ตาม ไม่เคยรู้จักคำว่าหวาดกลัว แต่ หลี่ชิเย่ทีไร้ซึ่งขอบเขตกลับทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก อดที่จะหวาดกลัวอยู่ลึกๆ ในใจไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เอง ในขณะนั้นเด็กอัจฉริยะสามตาจึงไม่สนเรื่องหน้าตาและศักดิ์ศรีอะไรอีกต่อไป หาข้ออ้างตามอารมณ์ข้อหนึ่งแล้วก็หนีไป เขาไม่ต้องการเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่อยู่แล้ว โดยเขามองว่าการเป็นศัตรูกับหลี่ชิเย่มีแต่ความตายสถานเดียว!

หากจะกล่าวว่า ใครคือผู้ที่เขาไม่ต้องการพบเห็นมากที่สุด ไม่ใช่พระอาจารย์จินกวง และไม่ใช่ปราชญ์อัจฉริยะหลันซู แต่เป็นหลี่ชิเย่

ตอนนั้น หลังจากที่เขาได้หลบหนีไปแล้วก็ได้สาบานในใจว่า ต่อไปนี้หากสามารถห่างจากหลี่ชิเย่ไกลแค่ไหนก็ให้ห่างไกลเท่านั้น ขอเพียงเป็นสถานที่ที่หลี่ชิเย่ไปปรากฏตัวเขาก็จะไม่ไป

แต่ นึกไม่ถึงว่าจะมาพบกับหลี่ชิเย่ในสถานที่เช่นนี้ อีกทั้งเมื่อครู่หลี่ชิเย่ก็ยืนอยู่ข้างกายของตน มาคราวนี้จึงทำเอาเด็กอัจฉริยะสามตาตกใจจนเหงื่อเย็นไหลโทรมกาย

เมื่อครู่นี้หากหลี่ชิเย่ต้องลงมือปลิดชีพของเขา มันแค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

“ทำไมรึ เหมือนเห็นผีอย่างนั้น” หลี่ชิเย่มองดูเด็กอัจฉริยะสามตาที่กำลังหวาดกลัวทีหนึ่ง กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “จำเป็นต้องหวาดกลัวขนาดนี้รึ? ข้าไม่จับเจ้ากินสักหน่อย”

“ไม่ ไม่ ไม่…” มาคราวนี้เด็กอัจฉริยะสามตามีท่าทีเคอะเขินมาก เด็กอัจฉริยะสามตายโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่มาชั่วชีวิต เคยหวาดกลัวเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ผู้อาวุโสยากจะหาผู้ใดเทียมในหล้า ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล ที่หนึ่ง อันดับที่หนึ่ง อันดับที่หนึ่ง…”

จะอย่างไรเสียเด็กอัจฉริยะสามตาอายุยังน้อย ทั้งยังเป็นคนที่เย่อหยิ่งอย่างยิ่ง ยโสและใช้อำนาจบาตรใหญ่เสมอมา เคยประจบสอพรอใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ดังนั้น เวลาที่เด็กอัจฉริยะสามตาจะประจบสอพรอหลี่ชิเย่จึงดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนเช่นกระบือดำขนาดใหญ่ที่อ้าปากพลันพูดไม่หยุด

“ข้าเพิ่งมีอายุสิบแปด อย่าเรียกข้าว่าอาวุโส แบบนี้ทำให้ข้าดูแก่” หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยขึ้น

“ถูกต้อง ถูกต้อง ผู้อาวุโสอายุสิบแปด ไม่ ไม่ ท่านมีอายุสิบแปด แค่อายุสิบแปด อายุน้อยยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก…” เด็กอัจฉริยะสามตาเปลี่ยนคำพูดทันที ท่าทางนั้นดูไม่เป็นธรรมชาติยิ่งนัก

“ดูท่า ฝีมือประจบสอพรอของเจ้าไม่เท่าไร” หลี่ชิเย่อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าคนที่หยิ่งผยองยโสโอหังยิ่งอย่างเจ้าก็สามารถประจบสอพรอข้าได้ เยี่ยม เยี่ยมมาก นับว่าเป็นคนฉลาด”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้เด็กอัจฉริยะสามตารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เป็นความจริงที่เขาไม่เคยประจบสอพรอใครมาก่อน ตลอดเวลาที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นผู้อื่นที่ประจบ ได้ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจึงมีความหยิ่งผยองและพึงพอใจในตนเองเสมอมา ไม่เคยก้มหัวให้ใครมาก่อน มาวันนี้เขาประจบสอพรอถึงเพียงนี้นับว่าเป็นประวัติการณ์ทีเดียว

ในเวลานี้ เด็กอัจฉริยะสามตารู้สึกไม่สบายตัว เขาอยากจะหนีไปให้ไกลทันทีให้มันรู้แล้วรู้รอดไป

“ดวงตาทองคำข้างนั้นของเจ้านับว่าไม่เลวจริงๆ เป็นดวงตาที่ยอดเยี่ยมมากข้างหนึ่ง มีประโยชน์มากทีเดียว” หลี่ชิเย่พยักหน้า และเอ่ยชื่นชมทีหนึ่ง

คำพูดชื่นชมธรรมดาๆ เช่นนี้ของหลี่ชิเย่ นับว่าเป็นการชมเชยที่สูงมากแล้ว นับเป็นเกียรติสูงสุดยิ่ง แต่ว่า เด็กอัจฉริยะสามตาฟังดูแล้วกลับรู้สึกแปลกๆ กระทั่งทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

สิ่งนี้ทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาเกิดเป็นมโนภาพขึ้นมา เหมือนว่าหลี่ชิเย่เพิ่งจะกล่าวชื่นชมดวงตาทองคำของเขา พลันลงมือควักเอาดวงตาทองคำของเขาไป ทำให้เขาต้องก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

หลี่ชิเย่ย่อมมองเห็นท่าทางของเด็กอัจฉริยะสามตาได้ทั้งหมด เขาหัวเราะส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “วางใจเถอะ ข้าจะไม่ควักเอาดวงตาของเจ้า ถ้าหากข้าต้องการจะควักดวงตาทองคำดวงนี้ของเจ้าก็คงไม่รอจนถึงวันนี้ ข้าควักมันตั้งแต่ครั้งก่อนแล้วล่ะ”

คำพูดของหลี่ชิเย่ทำให้เด็กอัจฉริยะสามตาหายใจยาวๆ ออกมา เหมือนปลดภาระหนักที่แบกบนบ่าออก รีบหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “แค่ตาธรรมดาๆ เช่นนี้ของข้า ไหนเลยเทียบได้กับตาทิพย์ของท่านได้เล่า ตาของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเช่นพวกเราเทียบกับตาทิพย์ของท่านแล้ว ช่างไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง”

“อืมพรสวรรค์เจ้านับว่าสูงจริงๆ ในพริบตาเดียวเท่านั้น วิชาประจบสอพรอก็พัฒนาก้าวหน้ามากกว่าสิบเท่า” หลี่ชิเย่พยักหน้าและยิ้มกล่าวว่า “มิน่าเล่าเจ้าสามารถกลายเป็นระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นตั้งแต่อายุยังน้อย พรสวรรค์เช่นนี้นับว่าใต้หล้ายากจะหาใดเทียม”

ทั้งๆ ที่คำพูดของหลี่ชิเย่เป็นการกล่าวชื่นชมเด็กอัจฉริยะสามตาโดยแท้ แต่ว่า เด็กอัจฉริยะสามตาฟังแล้วรู้สึกพะอืดพะอมยิ่ง เขาจะทำอะไรก็ไม่ได้ ได้แต่หัวเราะเจื่อนๆ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *