Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2908 หย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาล
ตอนที่ 2908 หย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาล
หลี่ชิเย่มองดูเด็กมหัศจรรย์สามตาทีหนึ่ง จากนั้นเบิ่งตามองดูผู้เฒ่าสลักหินแวบหนึ่ง สุดท้ายได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ
เด็กมหัศจรรย์สามตาก็มองไปที่ผู้เฒ่าสลักหิน ความจริงแล้ว เขามีคำถามมากมายเกี่ยวกับผู้เฒ่าสลักหินอยูในใจ และมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่มากทีเดียว เพียงแต่ไม่กล้าไปถามผู้เฒ่าสลักหินเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน เด็กมหัศจรรย์สามตาเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้มีประสงค์ร้าย ทำให้จิตใจของเขาค่อยๆ สงบลง
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กมหัศจรรย์สามตาได้ละสายตากลับมา อดที่จะแปลกใจและขอคำชี้แนะจากหลี่ชิเย่ว่า “ใต้เท้า เพราะอะไรเขาต้องรั้งอยู่ที่ตรงนี้เล่า? ด้วยทักษะสวรรค์บันดาลของเขา สามารถก่อตั้งสำนักของตนขึ้นมาได้อย่างสิ้นเชิง”
เด็กมหัศจรรย์สามตารู้สึกว่าหากจะเรียกหลี่ชิเย่ว่า “ท่าน” ตลอดเวลาก็ดูจะไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงเปลี่ยนมาเรียกว่า “ใต้เท้า” โดยเขามองว่า อาศัยหลี่ชิเย่ที่ลึกล้ำยากจะหยั่งถึงเช่นนี้ เรียกว่า “ใต้เท้า” ก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
หลี่ชิเย่มองดูเด็กมหัศจรรย์สามตาทีหนึ่ง และเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “นี่แหละคือจิตยึดติด มีเพียงจิตที่ยึดติดลักษณะเช่นนี้ จึงทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก ความมุ่งมาดปรารถนาของแต่ละคนไม่เหมือนกันก็เท่านั้น บางที ความปราศจากผู้ต่อกรที่มนุษย์ปุถุชนมุ่งมั่นปรารถนาในสายตาของเขาเป็นเพียงหมอกควันที่ผ่านตาไปเท่านั้น”
“จิตยึดติด…” เด็กมหัศจรรย์สามตาพูดขึ้นมาเบาๆ
หลี่ชิเย่หันหลังเดินจากไปทันที และกล่าวว่า “ไปเถอะ อย่ารั้งอยู่ที่นี่รบกวนผู้อื่น รังแต่จะเพิ่มความกลัดกลุ้มเท่านั้นเอง”
เมื่อเด็กมหัศจรรย์สามตาได้สติกลับมารีบไล่ตามไปให้ทัน ก่อนหน้านี้เขาคิดจะหนีไปทันที เวลานี้เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อตนเอง และไม่สืบสวนหาความที่ตนเองไม่ให้ความเคารพต่อเขา ดังนั้น จึงทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตาโล่งอกไปทีหนึ่ง
ภายในใจของเด็กมหัศจรรย์สามตาเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นในตัวของหลี่ชิเย่ ดังนั้น เขาอดที่ติดตามการก้าวย่างของหลี่ชิเย่ไม่ได้
“สามารถก้าวมาจนถึงตรงนี้แล้วไม่ได้รับผลกระทบ นับว่าพรสวรรค์ของเจ้าสูงมากโดยแท้จริง” หลังจากที่เด็กมหัศจรรย์สามตาตามมาทันแล้ว หลี่ชิเย่มองดูเขาแวบหนึ่ง และกล่าวว่า “แต่ว่า ถ้าหากเจ้าไม่มีของวิเศษยอดเยี่ยมคุ้มกาย อาศัยเพียงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้า ยังคงต้องถูกสั่นคลอนด้วยพลังจรัสอยู่ดี”
“ใต้เท้าพูดได้ถูกต้อง” เด็กมหัศจรรย์สามตาหัวเราะเจื่อนๆ ทีหนึ่ง แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ที่มีลักษณะท่าทีที่หยิ่งผยอง แต่ทว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลี่ชิเย่พูดนั้นมีเหตุผล และเป็นการพูดความจริงออกมา
ในข้อนี้ เด็กมหัศจรรย์สามตายังคงให้การยอมรับ เป็นความจริงที่เขามีพรสวรรค์ที่ปราศจากผู้ใดเทียม แต่ว่า การเข้ามาในสถานที่แห่งนี้หากไม่มีของวิเศษยอดเยี่ยมคอยคุ้มกาย เขาก็ไม่กล้าเข้ามาผจญภัยโดยง่ายดาย
“เป็นความจริงที่พรสวรรค์เจ้าไม่เลว” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “แต่ว่า จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรยังต้องได้รับการเจียรไนขัดเกลา เมื่อจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรได้รับการขัดเกลาแล้ว นั่นแหละค่อยคู่ควรกับพรสวรรค์ของเจ้าอย่างแท้จริง เมื่อถึงขั้นนั้นแล้ว อนาคตของเจ้าจึงจะไร้ขอบเขตจำกัดอย่างแท้จริง และมีโอกาสก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้อย่างแท้จริง”
หลี่ชิเย่เองก็ชื่นชมในพรสวรรค์ของเด็กมหัศจรรย์สามตา และคำพูดของหลี่ชิเย่นับว่ามีความพยายามอย่างยิ่งแล้ว
“ข้า ข้าน่าจะทำได้กระมัง” เด็กมหัศจรรย์สามตายิ้มนิดหนึ่ง เกาศีรษะและพูดคำพูดลักษณะเช่นนี้ขึ้นมา นับว่าถ่อมตัวมากแล้ว หากเปลี่ยนไปเป็นต่อหน้าผู้อื่น การพูดการจาของเขาเรียกว่าหยิ่งในตัวเองยิ่งไปแล้ว
จะอย่างไรเสีย ในฐานะที่เป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น ในฐานะที่เป็นผู้ซึ่งฝึกปรือดวงตาทองคำสำเร็จและมีอายุน้อยสุดของเผ่าสามตาพวกเขา ผู้คนใต้หล้าล้วนแล้วแต่เข้าใจว่าเขาสามารถก้าวไปถึงสุดสูงสุดได้ ตัวเขาเองก็คิดว่าไม่มีปัญหาอย่างเด็ดขาดสำหรับเรื่องนี้
“มันก็ไม่แน่” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “นับแต่อดีตกาลที่ผ่านมา อัจฉริยะบุคคลมีมากมายเพียงใด สามารถก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดได้มีสักกี่คน? อย่าว่าเป็นระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาลเลย ต่อให้เป็นระดับหย่วนเต้าตลอดกาลก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อัจฉริยะบุคคลมากมายเท่าไร เรียกได้ว่าตอนเด็กเฉลียวฉลาดมาก โตขึ้นไม่แน่ว่าจะยอดเยี่ยมเสมอไป!”
‘ระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาล’ ! คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำให้ภายในใจของเด็กมหัศจรรย์สามตาสะดุ้งทีหนึ่ง
ก่อนหน้านั้น เขาเข้าใจไปเองว่าสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด แต่ว่า เขาไม่ได้มีแนวคิดที่เป็นรายละเอียด มีเพียงเค้าโครงเท่านั้นเอง คำพูดของหลี่ชิเย่ในเวลานี้พลันสั่นคลอนเขาในทันที
ก่อนหน้านี้ ใช่ว่าเด็กมหัศจรรย์สามตาจะเป็นผู้ที่ภูมิใจในตัวเอง เป็นความจริงที่เขามีพรสวรรค์เช่นนี้ มีกำลังความสามารถเช่นนี้จริงๆ อายุน้อยมากก็ได้เป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้น กล่าวสำหรับตัวเขาล้า อนาคตเขาสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด มันก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่พูดเช่นนี้ก็ใช่จะไม่มีเหตุผล แม้ว่าเขาจะเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นต้นที่มีอายุน้อยที่สุดในบุคนี้ แต่ว่า นับจากอดีตเป็นต้นมา ผู้ที่มีพรสวรรค์เทียบเคียงกับตัวเขานั้นมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ว่า สุดท้ายแล้วสามารถกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษที่ปราดเปรื่องน่าทึ่งปราศจากผู้ต่อกร กลายเป็นระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาลมีสักกี่คน? กระทั่งแม้แต่ระดับหย่วนเต้าตลอดกาลก็มีอยู่ไม่กี่คน
ระดับหย่วนเต้าตลอดกาลเป็นการเรียกสำหรับผู้ที่ทะลุผ่านระดับชั้นคงความอมตะตลอดกาลขั้นสูงสุด ก้าวสู่การแบ่งของระดับใหม่ ซึ่งผู้ที่สร้างระดับใหม่ขึ้นมาก็คือหย่วนเต้านั่นเอง ดังนั้นจึงได้ตั้งชื่อระดับใหม่นี้ว่าระดับหย่วนเต้าตลอดกาล
แต่ว่า สมควรทราบว่าตัวของหย่วนเต้าเองไม่เพียงหยุดอยู่แค่ระดับนี้เท่านั้น เขาคือผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเคยสังหารระดับปฐมบรรพบุรุษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรที่ก้าวทะลุระดับระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นสูงสุดที่เป็นชนรุ่นหลังจำนวนมากยังคงห่างชั้นอีกมาก เทียบไม่ได้กับตัวของหย่วนเต้าอยู่แล้ว
ดังนั้น ผู้คนในยุคหลังจึงเข้าใจว่า มีเพียงผู้ที่บรรลุถึงความสูงของระดับที่เป็นตัวของหย่วนเต้าเองเท่านั้น จึงจะเป็นระดับสูงสุดของเทพแท้จริง ดังนั้น ทุกคนจึงได้เรียกระดับความสูงเช่นนี้ว่าระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาล!
ในเวลานี้ เด็กมหัศจรรย์สามตาถึงกับหวั่นไหวในใจ ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าตนเองนั้นสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดตลอดมา แต่ว่า ไม่มีรายละเอียดของเป้าหมาย และมีเพียงแค่เค้าโครงเท่านั้น
เวลานี้ คำพูดคำเดียวของหลี่ชิเย่เหมือนปลุกให้ตื่นจากความฝัน ในพริบตาเดียวนั่นเอง ความฝันของเขาที่มีเพียงเค้าโครงเท่านั้นได้ถูกจุดติดขึ้นมาทันที ในเวลานี้ เป้าหมายในใจของเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาล!
อย่างไรก็ตาม คำพูดของหลี่ชิเย่ได้ทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตาอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะมีพรสวรรค์ที่ยากจะหาใดเทียมในหล้า แต่ว่า ทอดสายตามองออกไปในอดีต ผู้ที่มีพรสวรรค์เทียบได้กับตัวเขามีจำนวนไม่น้อย แต่ว่า ผู้ที่มีพรสวรรค์เฉกเช่นตัวเขามีสักกี่คนที่สามารถบรรลุเป็นระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาลได้เล่า อาศัยมือข้างเดียวก็สามารถนับได้หมด
ก่อนหน้านี้ เด็กมหัศจรรย์สามตาเข้าใจไปเองว่า ในอนาคตตนเองจะต้องได้ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดแน่นอน จะต้องได้บรรลุเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนนั้น แต่ว่า เวลานี้เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่เคยมีความสามารถโดดเด่นเหมือนกับตนเหล่านั้นแล้ว พวกเขามีจำนวนมากไม่สามารถก้าวไปถึงระดับหย่วนเต้าแท้จริงตลอดกาลเช่นเดียวกัน ดังนั้น ภายในใจของเด็กมหัศจรรย์สามตาถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว
ในพริบตาเดียวนั่นเอง เด็กมหัศจรรย์สามตาตระหนักได้ว่าตนเองนั้นยังมีภารกิจที่หนักอึ้ง เขายังไม่ยอดเยี่ยมเพียงพอ
คำพูดประโยคหนึ่งของหลี่ชิเย่พลันไปลั่นระฆังเตือนให้กับเด็กมหัศจรรย์สามตา ทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตาตื่นขึ้นมาจากท่าทีที่ภูมิใจในตนเองและพึงพอใจในความสำเร็จของตนเองในทันที
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้ต่อหน้าเด็กมหัศจรรย์สามตา และตัวของผู้ที่พูดเช่นนี้กับเด็กมหัศจรรย์สามตาก็ไม่คิดว่าตนเองจะพูดได้ถูกต้อง
จะอย่างไรเสีย คนที่ทักษะอ่อนกว่าเขาไม่มีสิทธิ์พูดเช่นนี้ต่อหน้าของเขา ต่อให้พูดออกมาก็ไม่มีน้ำหนัก เด็กมหัศจรรย์สามตาเองก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจ กระทั่งดูแคลนด้วยซ้ำ
แต่ว่า เมื่อคำพูดเช่นนี้พูดออกมาจากปากของหลี่ชิเย่ ก็คล้ายดั่งเป็นการตีแสกหน้าอย่างนั้น ทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตาตื่นขึ้นมาทันที
“เจ้ายังคงมีโอกาสอยู่” ในขณะที่เด็กมหัศจรรย์สามตารู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก หลี่ชิเย่มองดูเขาแวบหนึ่งและกล่าวว่า “คนหนุ่มคนไหนบ้างที่ไม่เคยโอหังอวดดีมาก่อน ขอเพียงเจ้าสามารถสะกดจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนให้มั่น จะอวดดียโสยิ่งกว่านี้จะเป็นอะไรไป จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรมั่นคง ก้าวไปข้างหน้าตลอด เจ้าจะต้องมีโอกาสก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ส่วนเรื่องของโอหังอวดดีนั้นเป็นเพียงบุคลิกของคนๆ นั้นเท่านั้น ไหนเลยต้องไปใส่ใจ”
คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตาตะลึงลาน อดที่จะพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดในคำพูดของหลี่ชิเย่ไม่ได้
กล่าวได้ว่าคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ส่งผลกระทบตัวเขาอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นวลีทองคำ คำพูดหยก กล่าวสำหรับเขาแล้วเสมือนดั่งเป็นครูที่ดีและสหายในยามยาก
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กมหัศจรรย์สามตาได้สติคืนกลับมา ไล่ตามหลี่ชิเย่จนทัน ได้แสดงคารวะต่อหลี่ชิเย่เต็มรูปแบบและด้วยความเคารพนอบน้อม และกล่าวว่า “ขอบคุณใต้เท้าที่ชี้แนะ ศิษย์น้อมรับการสอนสั่ง”
“เด็กมีอนาคตสอนได้” หลี่ชิเย่ยอมรับการแสดงคารวะเต็มรูปแบบจากเด็กมหัศจรรย์สามตาอย่างสงบ
ในเวลานี้ภายในใจของเด็กมหัศจรรย์สามตารู้สึกปลอดโปร่งยิ่ง ลักษณะเหมือนนึกออกอย่างฉับพลัน ดุจดั่งหยาดทิพย์ชโลมใจอย่างนั้น
หลี่ชิเย่ไม่ได้กล่าวมากความอีก ยังคงก้าวเดินไปข้างหน้า โดยมีเด็กมหัศจรรย์สามตาเดินเคียงข้าง
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เด็กมหัศจรรย์สามตานึกถึงเรื่องๆ หนึ่ง ทำท่าลังเลนิดหนึ่ง สุดท้าย เอ่ยถามด้วยความไม่มั่นใจนักว่า “ใต้เท้า ข้า ข้าอาศัยดวงตาทองคำมองดูแล้ว ใต้เท้านั้นคือผู้ที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด สัจธรรมปราศจากขอบเขต เพียงแต่ ไม่ทราบเป็นเพราะข้ามโนไปเองหรือไม่ เหมือนว่าภายในร่างกายของใต้เท้า ใต้เท้ามีความมืดอยู่ในนั้น…”
ครั้นเด็กมหัศจรรย์สามตาเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วไม่สู้จะมั่นใจนัก เนื่องจากตอนนั้นเขาถูกทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด แม้แต่ความมืดสายนั้นที่อยู่ภายในร่างกายก็สามารถบดขยี้ทำลายเหล่าชั้นฟ้า เสมือนดั่งเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะสูงสุดอย่างนั้น…
“อ๋อเจ้าหมายถึงความมืดสายนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะตามอารมณ์ และกล่าวว่า “สยบผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดเอาไว้คนหนึ่งเท่านั้นเอง นับได้ว่าเป็นสูงสุดของความมืด กำลังจะบดขยี้ทำลายเขา”
คำพูดที่ตามอารมณ์ยิ่งของหลี่ชิเย่ พลันทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตารู้สึกหวาดกลัว ร้องเสียงหลงขึ้นมาว่า “เป็น เป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นใดกัน…”
“สังหารระดับปฐมบรรพบุรุษได้ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก” หลี่ชิเย่พูดเอ้อระเหยและหัวเราะทีหนึ่ง
พลันที่พูดคำพูดนี้ออกมา ทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตารู้สึกหนาวไปทั้งตัว ลองนึกภาพดู ระดับบรรพบุรุษนั้นคือผู้ที่อยู่ในฐานะสูงสุดของในทัศนะของผู้คนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นชั้นแดนลัทธิพรรษะ หรือชั้นแดนลัทธิราชัน และหรือชั้นของแดนลัทธิเซียน
อย่างไรก็ตาม ภายในร่างกายของหลี่ชิเย่ก็ได้มีการสยบผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถสังหารระดับปฐมบรรพบุรุษได้อยู่แล้ว ลองจินตนาการดูว่า หลี่ชิเย่มีความน่ากลัวเพียงใด!
เด็กมหัศจรรย์สามตาถึงกับขนหัวลุกเมื่อนึกถึงจุดนี้ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ในเวลานี้เขารู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีหนีไปในตอนนั้น มิฉะนั้นล่ะก็ เกรงว่าแค่นิ้วมือนิ้วเดียวของหลี่ชิเย่ก็สามารถสังหารเขาได้
“เพียงเท่านี้ก็สามารถดูออก เป็นความจริงที่ดวงตาทองคำของเจ้ายังสามารถขุดเอาพลังแฝงขึ้นมาได้อีก” จังหวะที่เด็กมหัศจรรย์สามตาถูกทำให้ตกใจกลัว หลี่ชิเย่ได้พูดเอ้อระเหยขึ้นมา
“ขอบคุณใต้เท้า ข้าต้องทำได้แน่ ข้าจะพยายามไปทดลองดู” หลังจากที่เด็กมหัศจรรย์สามตาได้สติกลับมาแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง จดจำคำพูดของหลี่ชิเย่เอาไว้มั่น
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เด็กมหัศจรรย์สามตามีความพึงพอใจในดวงตาทองคำของตนเป็นอันมาก กระทั่งตัวเขาเองเข้าใจว่าตนเองได้ฝึกปรือดวงตาทองคำจนสำแดงถึงขีดสูงสุดได้แล้ว เวลานี้ฟังคำจากหลี่ชิเย่แล้ว ดวงตาทองคำของตนยังไม่ถึงขีดสูงสุด ยังสามารถฝึกปรือให้ถึงขั้นที่สูงขึ้นไปอีก
ในเวลานี้ ได้ทำให้เด็กมหัศจรรย์สามตาบังเกิดพลังขับเคลื่อนมากยิ่งขึ้น ความคิดที่อยู่ในใจยิ่งแข็งแกร่งมั่นคงมากยิ่งขึ้นแล้ว
…………………………………………………..
Comments