Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2935 ขี้โม้เฉียง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2935 ขี้โม้เฉียง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2935 ขี้โม้เฉียง

หลี่ชิเย่เหลือบมองพ่อค้าที่ชื่อหลิวซันเฉียงทีหนี่ง กล่าวเอ้อระเหยขึ้นว่า “สมควรที่เจ้ารู้สึกเป็นเกียรติจึงจะถูก หลังจากนี้เจ้าสามารถไปคุยโวกับผู้อื่นได้ว่า หลิวซันเฉียงอย่างเจ้าได้เคยขายบัตรผ่านประตูให้กับคนๆ นั้นมาก่อน

“เจ้านาย ข้าน้อยมีคนแก่และเด็กที่จะต้องอาศัยรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากการขายบัตรนี้หาเลี้ยงชีพนะ” หลิวซันเฉียงรู้สึกปวดใจอย่างยิ่ง ร้องโอดครวญขึ้นมา

ไป่จินหนิงคิดเท่าไรก็คิดไม่ตกเมื่อได้เห็นภาพนี้ เมื่อครู่นี้หลี่ชิเย่พลันลงมือด้วยการโยนหนึ่งร้อยล้านเพื่อซื้อพระพุทธรูปไม้ที่เป็นสมบัติประจำตระกูลของนางเอาไว้ ทั้งยังถือโอกาสมอบพระพุทธรูปไม้ดังกล่าวที่มีมูลค่าถึงหนึ่งร้อยล้านให้กับนาง

เวลานี้ บัตรผ่านประตูที่มีค่าเพียงสองร้อย หลี่ชิเย่กลับจะขอกันดื้อๆ ไม่ยอมจ่ายเงินให้ มันนับว่าเกินไปแล้ว ทำให้ไป่จินหนิงมองดูแล้วรู้สึกไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร

“อ๋อถ้าเช่นนั้นให้คนแก่และเด็กบ้านเจ้ามาหาข้า ข้าจะเลี้ยงดูเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

คำพูดของหลี่ชิเย่พลันทำให้หลิวซันเฉียงต้องทำหน้าละห้อย สุดท้ายได้แต่ยิ้มแห้งๆ และกล่าวว่า “ในเมื่อนายท่านจะเอาให้ได้ ข้าน้อยก็ได้แต่ผูกวาสนากับนายท่านแล้ว บัตรผ่านประตูนี้ก็มอบให้นายท่านก็แล้วกัน เหอะ เหอะ เหอะนายท่าน เมื่อถูกใจกับสินค้าที่ประมูลขายแล้ว ช่วยแจ้งชื่อข้าหลิวซันเฉียงที เพื่อให้ข้าน้อยได้เปอร์เซ็นต์สักนิดก็ยังดี”

“แจ้งชื่อของเจ้าแล้วมีส่วนลดให้กับข้า หรือมีอะไรพิเศษรึ? ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวและจ้องมองไปที่หลิวซันเฉียง

“ถ้าหากชื่อของข้าน้อยยอดเยี่ยมขนาดนี้ก็ดีหรอก” หลิวซันเฉียงอดที่จะหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ข้าน้อยยังคาดหวังได้ผลประโยชน์เล็กน้อยเพื่อซื้อหากำไรมือคู่หนึ่งให้กับเมียที่บ้าน”

“หลิวซันเฉียง” หลี่ชิเย่ถึงกับเผยรอยยิ้มที่ลึกซึ้งขึ้นมา และกล่าวว่า “เจ้าเก่งสามด้านไหนบ้าง? ”

“ข้าหลิวซันเฉียง มีอีกชื่อหนึ่งว่าเก่งด้านกิน เก่งด้านการรับใช้ เก่งด้านความน่าเชื่อถือ” หลิวซันเฉียงพลันดูมีชีวิตชีวาขึ้นทันทีที่เอ่ยถึงชื่อของตน ตบอกตนเองจนดังปังปังขึ้นมาและกล่าวว่า “จากนี้ไป นายท่านมีเรื่องใดที่ต้องการให้ผู้น้อยช่วย สั่งการมาได้เลย ข้าน้อยบริการได้รวดเร็วมากเป็นพิเศษ เป็นคนที่น่าเชื่อถือ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้าน้อยคิดค่าบริการย่อมเยา! ”

“ไม่ใช่เก่งในเรื่องขี้โม้รึ? ” หลี่ชิเย่เหลือบมองเขาทีหนึ่ง

หลิวซันเฉียงถึงกับเก้อเขิน หัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ไม่มี ไม่มี ไม่มีเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน คนอย่างหลิวซันเฉียงไม่เคยโม้ ใครๆ ก็เรียกว่าว่าเฉียงเชื่อถือได้ ทำงานเก่งทุกอย่าง และน่าเชื่อถือเป็นพิเศษ ข้าวลงท้องสามถ้วยเมื่อใด วิ่งได้เร็วยิ่งกว่าอาชาพันลี้เสียอีก”

“คำพูดนี้แหละขี้โม้ไปแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “นอกเหนือจากเก่งเรื่องคุยโม้แล้ว เจ้ายังทำอะไรได้อีก? ”

“นายท่านคิดจะให้ข้าทำอะไร? เหินฟ้าดำดิน ขึ้นเขาลงทะเล ไม่มีอะไรที่ข้าเฉียงน่าเชื่อถือทำไม่เป็น ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้” หลิวซันเฉียงฟังได้ว่าเหมือนจะมีการค้ามาหาถึงที่ จึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นในทันที และกล่าวขึ้นฉับพลันว่า “ขอเพียงนายท่านให้ค่าจ้างมา ข้าเฉียงเชื่อถือได้จะไปทำให้สำเร็จทันที”

“ข้าก็ไม่ได้ต้องการอะไร” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเอ้อระเหยว่า “ในทะเลปุ๊ตู้ไห่ดูเหมือนจะมีเรืออยู่ลำสอง-ลำ เจ้าช่วยไปลากมันกลับมาให้ข้า ราคาน่ะหรือ เจ้าว่ามา ขอเพียงเจ้าสามารถลากมันกลับมาได้ ทุกอย่างคุยกันได้”

เอิกกก…หลิวซันเฉียงพลันทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินคำๆ นี้ ท่าทางที่ดูสดใสลำพองใจเหี่ยวลงทันที เขาหัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “นายท่านพูดล้อเล่นแล้ว ข้าน้อยแค่ทำมาหากินเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น นายท่านหากจะให้ข้าไปรนหาที่ตายในทะเลปุ๊ตู้ไห่ นั่น นั่น นั่นข้าน้อยทำไม่ได้ จะอย่างไรเสียข้าน้อยยังมีแม่ที่ชราอายุแปดสิบ และยังมีลูกชายที่เพิ่งเกิดรอให้เลี้ยงดู เกิดข้าไปตายในทะเลปุ๊ตู้ไห่แล้วใครจะเลี้ยงดูพวกเขา…”

“เจ้าไม่ต้องกังวลแม่ของเจ้า ข้าเลี้ยงดูให้เอง” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยว่า “ไปเถอะ”

เรื่องนี้…หลี่ชิเย่อัดคำพูดคำนี้มาพลันทำให้หลิวซันเฉียงพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าจะต่อคำของหลี่ชิเย่อย่างไรดี

“เมื่อครู่เจ้ายังบอกว่าไม่มีสิ่งใดที่เจ้าทำไม่ได้ ยังยกย่องตัวเองว่าแกร่งด้านความน่าเชื่อถือ” หลี่ชิเย่หัวเราะ ส่ายหน้า และกล่าวว่า “ข้าว่ายังคงเก่งด้านคุยโว! ”

“นี่เป็นข้อยกเว้น เป็นข้อยกเว้น” ท่าทางหลิวซันเฉียงดูผะอืดผะอมอย่างยิ่ง ถึงกับถูมือไปมาและกล่าวว่า “นายท่าน ถ้าหากท่านต้องการเรือจริงๆ ห้างเจียวเหิงของพวกเรามีมากมาย ห้างเจียวเหิงพวกเรามีเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มันเพียงพอที่จะทุกนายท่านข้ามฟากทะเลปุ๊ตู้ไห่ไปได้ นายท่าน ท่านต้องการได้สักลำหรือไม่เล่า แจ้งชื่อข้าหลิวซันเฉียง…”

“ลดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์รึ? ” หลี่ชิเย่มองดูหลิวซันเฉียงแวบหนึ่ง และกล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

“เรื่อง เรื่องนี้ออกจะยากสักหน่อย” หลิวซันเฉียงพลันมีสีหน้าที่แดงก่ำ หัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “นายท่านหากแจ้งชื่อหลิวซันเฉียง ส่วนลดสิบจุดเก้าเก้าเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ยังพอได้อยู่”

“แม้แต่ลดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ยังทำไม่ได้ มีเจ้าไว้ทำไม” หลี่ชิเย่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้าว่าล่ะนะยังคงเป็นคำพูดคำนั้น เก่งเรื่องคุยโม้” กล่าวพลางเดินหันหลังจากไป

ภายในใจของไป่จินหนิงรู้สึกแปลกใจมาก หลี่ชิเย่กับหลิวซันเฉียงน่าจะไม่รู้จักกันมาก่อน และหลิวซันเฉียงเองก็เป็นเพียงพ่อค้าข้างถนนคนหนึ่ง เพราะอะไรหลี่ชิเย่ถึงต้องจ้องหาเรื่องเขา?

“นายท่าน นายท่านต่อไปหากต้องการสิ่งใด มาหาข้าหลิวซันเฉียงได้ ข้าหลิวซันเฉียงเก่งด้านกิน เก่งด้านการรับใช้ เก่งด้านความน่าเชื่อถือ หากมีผลประโยชน์อันใด ต้องมาหาข้าหลิวซันเฉียง” แม้จะถูกหลี่ชิเย่คอยหาเรื่อง แต่ว่า หลิวซันเฉียงนับว่ามีอารมณ์ดี เขายังคงยิ้มหน้าบานส่งหลี่ชิเย่จากไป และร้องตะโกนไล่หลังต่อเงาหลังที่จากไปไกลของหลี่ชิเย่

ไป่จินหนิงรีบเร่งตามไป หลังจากไปไกลแล้วไป่จินหนิง รู้สึกไม่เข้าใจจึงได้เอ่ยถามแผ่วเบาขึ้นมาว่า “คุณชาย เมื่อครู่ เมื่อครู่ถึงต้องการได้บัตรผ่านประตูเล่า? ”

ไป่จินหนิงไม่กล้าบอกว่าช่วงชิง แต่ว่า นางรู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นคนที่ไม่ขัดสนเรื่องเงินทองอย่างแน่นอน ที่มันแปลกก็ตรงนี้แหละ ทั้งที่หลี่ชิเย่ไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง เพราะเหตุใดถึงต้องหาเรื่องกับพ่อค้าอย่างหลิวซันเฉียง

“ในโลกไหนเลยมีเรื่องบังเอิญ” หลี่ชิเย่อดหัวเราะและส่ายหน้าไม่ได้ “เจ้าคิดว่านี่คือเรื่องบังเอิญนะเนี่ย? บนถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน เรื่องบังเอิญเรื่องนี้ช่างมาได้ยบังเอิญเหลือเกิน”

“เรื่อง เรื่องนี้ไม่ใช่อย่างนี้รึ? ” ไป่จินหนิงถึงกับงงงัน ในทัศนะของนางมองว่า นี่เป็นเรื่องที่ธรรมดายิ่งกว่าอะไร เฉกเช่นลักษณะของพ่อค้าอย่างหลิวซันเฉียงมีอยู่ทุกที่ในด่านเทียนสงกวาน เรียกได้ว่า สามารถพบเห็นพ่อค้าที่ตะโกนขายบัตรผ่านประตูอย่างหลิวซันเฉียงนั้นมีอยู่จำนวนไม่น้อย

กล่าวได้ว่า ไม่มีอะไรน่าแปลกจึงจะถูก กับการที่ได้พบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ในด่านเทียนสงกวาน

“เจ้าคิดว่าเขาคือพ่อค้าธรรมดาๆ คนหนึ่งจริงๆ หรือเนี่ย” หลี่ชิเย่อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่สามารถมองเห็นตัวเขาได้ทะลุปรุโปร่งเท่านั้นเอง”

เรื่องนี้…ไป่จินหนิงถึงกับตะลึงนิดหนึ่ง ในทัศนะของนางมองว่า หลิวซันเฉียงดูเหมือนจะเป็นเพียงพ่อค้าธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง ท่าทางของเขาดูอย่างไรก็ไม่ได้แตกต่างไปจากพ่อค้าที่ตะโกนขายสินค้าตามถนนตรอกซอกซอยเหล่านั้น

“เขา เขา เขาไม่ใช่พ่อค้าธรรมดารึ? ” ไป่จินหนิงถึงกับงุนงง

ย่อมไม่ใช่” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวเรียบๆ ว่า “พ่อค้าธรรมดาไหนเลยโชคดีได้ถึงเพียงนี้”

ภายในใจของไป่จินหนิงถึงกับสะดุ้ง ระยะหลังนี้บ่อยครั้งมากที่นางมองเรื่องราวผิดไป เริ่มที่หลี่ชิเย่ เวลานี้ก็มีพ่อค้าอย่างหลิวซันเฉียง นางล้วนมองพลาดไป

“เจ้าหนูคนนี้นับว่าใจกล้าไม่เบาทีเดียว” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “รู้ทั้งรู้ว่าที่ตนเองเผชิญหน้าอยู่นั้นคืออะไร ยังกล้ามายุ่งเกี่ยวกับตัวข้า” กล่าวพลางยิ้มๆ และส่ายหน้า

หลังจากผ่านไปชั่วครู่ใหญ่ ไป่จินหนิงจึงได้สติกลับมาและวิ่งตามไปทัน เอ่ยถามเบาๆ ว่า “คุณชายจะไปที่ใดรึ? ”

“ที่ที่เจ้าอาศัยอยู่น่ะสิ ข้าไม่คุ้นเคยกับด่านเทียนสงกวาน และไร้ที่พักพิงยังจะไปไหนได้” หลี่ชิเย่กล่าวเอ้อระเหยขึ้นมา

เอิกกก…ไป่จินหนิงถึงกับตะลึง นางเป็นสาวเป็นนางคนหนึ่งพาผู้ชายเข้าบ้านดูจะไม่ค่อยเหมาะ แต่ว่า ในเวลานี้นางไม่มีทางเลือก

ปรกติแล้วไป่จินหนิงมีงานราชการก็จะพักอาศัยอยู่ในค่าย แต่ว่า นางมีบ้านอยู่ในเทียนสงกวานอยู่หลังหนึ่ง เป็นที่พักอาศัยในยามปรกติ

การที่นางสามารถมีบ้านอยู่ในด่านเทียนสงกวานที่เจริญรุ่งเรืองเช่นนี้ได้ นับว่าเป็นสวัสิดการอย่างหนึ่งของกองทัพเทียนเชี่ยน

หลังจากที่ไป่จินหนิงได้กลับเข้าบ้านน้อยที่อบอุ่นของตนแล้ว จึงรีบจัดแจงเรื่องที่พักให้กับหลี่ชิเย่ แต่เดิมบ้านหลังนี้มีห้องเพียงห้องเดียวซึ่งนางพักอยู่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว เวลานี้ นางได้แต่สละให้หลี่ชิเย่ได้เข้าพัก

หลี่ชิเย่เพียงมองแวบหนึ่ง โดยไม่ได้ไปจู้จี้เรื่องมากอะไร

“รอให้เสร็จจากงานประมูลแล้ว ข้าจะไปพบไท่อิ๋นสี่สักหน่อย” หลังจากที่หลี่ชิเย่เข้าพักเรียบร้อย ก็ได้สั่งการเช่นนี้ออกมา

“ข้า ข้าจะไปหาโควตาให้คุณชาย” เวลานี้ไป่จินหนิงได้แต่วิ่งเต้นให้กับหลี่ชิเย่ เหน็ดเหนื่อยเพื่อเขาแล้ว

หลังจากที่ไป่จินหนิงได้จัดแจงเรื่องที่พักหลี่ชิเย่เรียบร้อยแล้ว จึงได้นำเอาพระพุทธรูปไม้ออกมา วางไว้ที่ห้องโถงเล็กๆ จุดธูป กราบไหว้ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบทอดกันมาของพวกเขา

ในครั้งนั้น ขณะที่พระพุทธรูปไม้องค์นี้ยังไม่ได้ถูกนำไปจำนำ บ้านของพวกเขาจะมีการจุดธูปกราบไหว้ทุกวัน

“บรรพบุรุษของพวกเจ้าบอกว่าอย่างไรเกี่ยวกับพระพุทธรูปไม้องค์นี้? ” หลี่ชิเย่ยืนดูอยู่ข้างๆ และยิ้มกล่าว

“ผู้แก่ผู้เฒ่าในตระกูลล้วนกล่าวว่า นี่คือสมบัติประจำตระกูลของพวกเรา คอยคุ้มครองให้ตระกูลพวกเราสงบสุขปลอดภัยทุกยุคทุกสมัย” ไป่จินหนิงเอ่ยขึ้น

“คำพูดนี้มีเหตุผล” หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “เป็นความจริงที่สิ่งนี้สามารถคุ้มครองตระกูลพวกเจ้าให้ปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนไกลกันดารที่เป็นดินแดนป่าเถื่อนเช่นนี้”

ไป่จินหนิงถึงกับตะลึง นางไม่นึกว่าหลี่ชิเย่จะจริงจังกับเรื่องนี้ แม้ว่าผู้เฒ่าภายในตระกูลล้วนแล้วแต่กล่าวว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้สามารถคุ้มครองคนในตระกูลให้ปลอดภัย แต่ว่า ในทัศนะของนางมองว่าที่เป็นได้มากกว่าก็คือเชิงสัญลักษณ์ เป็นการอธิฐานอย่างหนึ่งที่เป็นมงคลเท่านั้นเอง ภายในใจของนางไม่ค่อยจะเชื่อว่าพระพุทธรูปไม้องค์หนึ่งจะปกป้องให้คนในครอบครัวปลอดภัยได้อย่างไร

“ไม่เชื่อใช่มั้ย? ” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ เมื่อมองเห็นท่าทางที่ตะลึงงันของไป่จินหนิง

เรื่อง เรื่องนี้…ไป่จินหนิงไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เรื่องที่ว่าคุ้มครองให้ปลอดภัย ในใจของไป่จินหนิงมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ ที่เป็นได้มากกว่านั้นก็คือเป็นเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง เป็นการปลอบประโลมจิตใจอย่างหนึ่ง

“รู้หรือไม่ว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้ล้ำค่าที่ตรงไหนหรือไม่? ” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ

“ไม่รู้” ไป่จินหนิงถึงกับส่ายหน้า ก่อนหน้านี้หลี่ชิเย่เคยบอกว่า มูลค่าของพระพุทธรูปไม้องค์นี้มากกว่าหนึ่งร้อยล้านมากทีเดียว

แต่ทว่า อย่างน้อยที่สุด ณ เวลานี้นางยังมองไม่ออกว่าเหตุใดพระพุทธรูปไม้องค์นี้ถึงล้ำค่าได้เพียงนี้

“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะสำแดงให้เจ้าได้เห็น” หลี่ชิเย่นำเอาพระพุทธรูปไม้องค์นี้มา ขณะที่ไป่จินหนิงเองอดที่จะกลั้นลมหายใจเอาไว้ ตาเบิกกว้างจ้องมองดูอย่างละเอียด

ในฐานะที่เป็นสมาชิกของตระกูล ในใจของนางย่อมอยากรู้ว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้ในฐานะที่เป็นสมบัติประจำตระกูล มันมีความล้ำค่าตรงไหนกันแน่

…………………………………………………………………………………………….

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *