Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2936 ไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธาน

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2936 ไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2936 ไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธาน

ปัง…เสียงหนึ่งดังขึ้น ขณะที่ไป่จินหนิงยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไรนั้น หลี่ชิเย่ได้จัดการทุบพระพุทธรูปไม้กับพื้นอย่างแรง

อ๊ากกก…ไป่จินหนิงตกใจจนร้องเสียงแหลมกระโดดตัวลอยขึ้นมา เมื่อเห็นพระพุทธรูปไม้ถูกทุบจนแหลกละเอียดไป

เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ กล่าวสำหรับไป่จินหนิงแล้วมันช่างสะเทือนอารมณ์มากเหลือเกิน ต่อให้สิ่งนี้หาใช่สมบัติประจำตระกูลของนาง แต่มันก็คือสิ่งที่ซื้อมาด้วยเงินถึงหนึ่งร้อยล้าน หนึ่งร้อยล้านพลันถูกหลี่ชิเย่ทุบจนแหลกละเอียดเช่นนี้ หนึ่งร้อยล้านต้องกลายเป็นเศษชิ้นส่วนเช่นนี้

“ท่าน ท่าน ท่าน” ไป่จินหนิงไม่สามารถเรียกสติคืนกลับมาได้ และชี้นิ้วไปที่หลี่ชิเย่ กระทั่งคำพูดก็ติดอ่าง ไม่สามารถพูดคำพูดที่สมบูรณ์ออกมาได้แม้แต่คำเดียวหลังจากเวลาผ่านไปนาน

ของที่มีราคาถึงหนึ่งร้อยล้านก็ต้องถูกหลี่ชิเย่ทุบทำลายจนแหลกละเอียดเช่นนี้ และของสิ่งนี้ยังเป็นพระพุทธรูปไม้ที่เป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขานะเนี่ย

ในเวลานี้ ไป่จินหนิงเสมือนหนึ่งถูกฟ้าผ่าเอาอย่างนั้น ขณะมองดูพระพุทธรูปไม้ที่แหลกละเอียดกองอยู่บนพื้น ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้เป็นเวลานาน ในขณะนี้ ไป่จินหนิงก็ไม่สามารถอาศัยคำพูดใดๆ มาเปรียบเปรยกับสภาพจิตใจในเวลานี้ได้

ไป่จินหนิงไม่ทราบว่าควรจะโกรธดี หรือจนด้วยเกล้าดี และหรือควรจะเสียใจ

ต่อให้พระพุทธรูปไม้องค์นี้เป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขา นั่นก็แค่เคยเป็นเท่านั้นเอง ในเวลานี้ถูกหลี่ชิเย่ทุบจนแตกละเอียดนางก็ไม่สามารถไปโกรธ และไม่สามารถโมโหได้ จะอย่างไรเสียนี่คือสิ่งที่หลี่ชิเย่ซื้อกลับมาด้วยเงินหนึ่งร้อยล้าน เป็นสิ่งที่หลี่ชิเย่มอบให้กับนาง หากหลี่ชิเย่ต้องการทุบทำลายพระพุทธรูปไม้องค์นี้เสีย นางเองก็จนด้วยเกล้า

“เพราะ เพราะ เพราะอะไรต้องทุบมันทิ้งไป? ” หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดจึงได้พูดคำๆ นี้ออกมา

“ก็จะให้เจ้าได้เห็นคุณค่าของตัวมันเองมิใช่รึ? ”หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ส่ายหน้าและกล่าวว่า “พระพุทธรูปไม้องค์นี้โดยตัวของมันเองแล้วไม่ได้มีค่าอะไร ต่อให้มันถูกสร้างขึ้นมาโดยพระลังกา ก็ยังคงเป็นเพียงพระพุทธรูปไม้ธรรมดาๆ องค์หนึ่งเท่านั้น ไม่มีค่าอะไรสักเท่าไร ที่มีค่าคือสิ่งที่อยู่ภายในท้องของพระพุทธรูป”

“จริง จริง จริงรึ? ” ไป่จินหนิงไม่ค่อยอยากจะเชื่อ รู้สึกงุนงง

“ลองหาดูสิ เชื่อข้า” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และไม่ได้ไปมองดูอีกเลย เหมือนว่าสิ่งนี้กล่าวสำหรับเขาแล้ว นี่หาใช่เป็นการทุบทำลายพระพุทธรูปไม้ที่มีค่าหนึ่งร้อยล้าน แต่เป็นการทุบทิ้งสิ่งของสิ่งหนึ่งที่มีค่าเพียงแค่หนึ่งอีแปะไปตามอารมณ์เท่านั้น

เมื่อไป่จินหนิงได้สติกลับมาแล้วร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง รีบค้นหาจากกองเศษชิ้นส่วนเพื่อค้นหาสิ่งที่หลี่ชิเย่พูดถึง

“หาพบแล้ว ใช่สิ่งนี้หรือไม่? ” หลังจากค้นหามาพักหนึ่ง ในที่สุดไป่จินหนิงก็ค้นพบสิ่งอื่นจากกองเศษชิ้นส่วน ถึงกลับหยิบมันขึ้นมาให้หลี่ชิเย่ดูด้วยความดีใจ

ในเวลานี้ ไป่จินหนิงได้พบสิ่งของข้อหนึ่งที่ดูเหมือนเป็นงาช้างจากกองเศษชิ้นส่วน โดยที่สิ่งซึ่งคล้ายเป็นงาช้างข้อหนึ่งดังกล่าวมีขนาดเท่านิ้วมือ และมีเพียงครึ่งข้อ

เจ้าสิ่งของชิ้นนี้ออกสีขาวจางๆ เกมเหลือง และเมื่อดูจากบริเวณที่ขาดหายไปแล้ว เหมือนถูกเผาไหม้มาอย่างนั้น

“นี่ นี่ก็คือส่วนที่เป็นมูลค่าแท้จริงของพระพุทธรูปไม้อย่างนั้นรึ? ” ไป่จินหนิงก็ไม่ค่อยจะมั่นใจกับสิ่งของข้อนี้ที่ดูเหมือนเป็นงาช้าง สิ่ง่ของข้อนี้ดูไปแล้วเหมือนไม่ค่อยจะล้ำค่าอะไรนัก

“ถูกต้อง เป็นสิ่งของชิ้นนี้แหละ” หลี่ชิเย่มองดูสิ่งของข้อนั้นที่อยู่ในมือของไป่จินหนิง พยักหน้าโดยไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดคิดสักนิด

นี่ นี่คืออะไร? ” ไป่จินหนิงดูไม่ออกว่าสิ่งที่คล้ายงาช้างข้อนี้มีความพิเศษอะไรกันแน่ ถ้าหากจะบอกว่าด้วยราคาหนึ่งร้อยล้าน แล้วให้นางเลือกล่ะก็ เกรงว่านางจะเลือกพระพุทธรูปไม้ แต่ไม่ใช่สิ่งของข้อนี้ อย่างน้อยที่สุดดูไปแล้วพระพุทธรูปไม้ดูจะมีค่ามากกว่า

“พระธาตุนิ้วพระหัตถ์” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ มันคือนิ้วพระหัตถ์ของพระลังกา”

นิ้วพระหัตถ์ของพระลังกา…ภายในใจของไป่จินหนิงรู้สึกหวั่นไหวยิ่งเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ รู้สึกใจหายใจคว่ำ

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้า เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธาน สิ่งนี้น่าจะเป็นนิ้วพระหัตถ์ข้อหนึ่งที่พระลังกาคงเอาไว้”

“ไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธาน” จิตใจของไป่จินหนิงสั่นไหวทีหนึ่ง ตำนานนี้นางเคยได้ยินมาก่อน แต่นางมองว่าเป็นเพียงนิทานสุภาษิตเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเรื่องจริง

สำหรับเรื่องที่ว่าเพราะเหตุใดจึงต้องไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธานนั้น ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ชัดเจน

“เช่นนั้น เช่นนั้นแล้วสามารถยืนยันได้อย่างไรว่าเป็นนิ้วพระหัตถ์ของพระลังกาเล่า” ไป่จินหนิงมองดูกระดูกนิ้วมือข้อนี้ที่อยู่ในมือ นางดูไม่ออกอย่างสิ้นเชิงว่ากระดูกนิ้วข้อนี้มีอะไรที่แตกต่าง ยิ่งไม่สามารถได้ตัดสินว่ากระดูกนิ้วข้อนี้เป็นนิ้วพระหัตถ์ของพระลังกา

พระลังกาคือสุดยอดพระสูงสุด เป็นปฐมบรรพบุรุษที่ยอดเยี่ยมมาก มีผู้กล่าวว่าขณะที่พระลังกายังคงมีชีวิตอยู่ รัศมีพุทธส่องสว่างทั่วหล้าอย่างเสมอภาค สามารถโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน แต่ว่า มาวันนี้มองว่านิ้วมือข้อนี้ดูไม่ออกว่ามีจิตวิญญาณพุทธแม้แต่น้อย

“สิ่งนี้หาใช่ใครก็สามารถมองออกได้ จิตวิญญาณพุทธมีการซ่อนเอาไว้ลึกมาก หาไม่แล้วก็คงไม่มีคำกล่าวไหม้นิ้วแสดงความชัดเจนในปณิธานที่ว่าแล้ว” หลี่ชิเย่หัวเราะและรับเอากระดูกนิ้วข้อนั้นมาจากไป่จินหนิง

ในขณะนี้ นิ้วพระหัตถ์ของพระลังกาได้หมุนเคลื่อนที่ทีหนึ่งขณะอยู่ในมือของหลี่ชิเย่ หลี่ชิเย่ได้ขับเคลื่อนเคล็ดวิชา รวบรวมความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของสัจธรรม

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้เอง นิ้วพระหัตถ์ของพระลังกาได้ปรากฎประกายพุทธแต่ละสายที่เปล่งออกมา โดยขณะที่ประกายพุทธแต่ละสายเปล่งออกมานั้น เสมือนดั่งได้เปิดโลกแห่งพระธรรมขึ้นมาโลกหนึ่ง ท่ามกลางประกายพุทธที่ไม่มีสิ้นสุด ปรากฏเงาพุทธขึ้นมาเงาหนึ่ง เป็นเงาพุทธสูงสุด โปรดเหล่าเวไนยสัตว์ให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์โดยทั่วกัน พระธรรมไร้ขอบเขต เวทนาหมื่นยุค

พระลังกา…ไป่จินหนิงสะดุ้งในใจขณะมองเห็นร่างเงาของพระองค์นี้ พระธรรมไร้เขอบเขต ในพริบตาเดียวนั้นเอง นางรู้สึกว่าตนเองนั้นช่างเล็กจิ๋วขนาดนั้น พริบตาเดียวนั่นเอง นางรู้สึกว่าตนเองตกอยู่ท่ามกลางทะเลพุทธะ ภายใต้พระธรรมที่ไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นอาณาประชาราษฎร์คนใดก็ตาม หรือผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดก็ตาม อดที่จะคำนับสามครั้งกราบเก้าครั้งไม่ได้

นาทีนี้ ไป่จินหนิงไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง ถึงกับต้องคุกเข่าลงไปภายใต้พระธรรมที่ไร้ขอบเขต พระธรรมลักษณะเช่นนี้ทรงพลังมากเหลือกิน

ขณะที่ไป่จินหนิงยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ประกายพุทธะก็ได้หายไปแล้ว หลี่ชิเย่ได้เรียกคืนอภินิหารของตน และนิ้วพระหัตถ์ที่อยู่ในมือก็กลับกลายเป็นธรรมดาๆ ในทันที ทำให้ยากที่ผู้คนจะเชื่อว่านี่คือนิ้วพระหัตถ์ของพระลังกา

“เป็นเช่นนั้นจริงๆ เป็นนิ้วพระหัตถ์ของพระลังกาจริงๆ ” หลังจากที่ไป่จินหนิงได้สติกลับมาแล้วรู้สึกหวั่นไหวในใจอย่างยิ่ง ที่นางเห็นเมื่อครู่แค่ส่วนน้อยเท่านั้น หากสำแดงอานุภาพของกระดูกนิ้วข้อนั้นออกมาอย่างสิ้นเชิง มันช่างมีความน่ากลัวเพียงใด ช่างน่าสยองขวัญเช่นใด

ในเวลานี้ ไป่จินหนิงจึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงแล้วว่า เพราะอะไรหลี่ชิเย่จึงพูดว่าพระพุทธรูปไม้องค์นี้มีค่ามากกว่าหนึ่งร้อยล้านอยู่มากทีเดียว แท้จริงแล้วมูลค่าของมันอยู่ที่นิ้วพระหัตถ์พระลังกาข้อนี้นี่เอง

“มิฉะนั้นแล้ว เพราะเหตุใดบรรพบุราพวกเจ้าจึงได้บอกว่าพระพุทธรูปองค์นี้สามารถคุ้มครองตระกูลพวกเจ้าให้ปลอดภัยได้ นั่นเป็นเพราะมีพลังพุทธที่ไร้ขอบเขตคอบคุ้มครองครอบครัวพวกเจ้าอยู่” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉย

“ที่แท้เป็นเช่นนี้ “เมื่อไป่จินหนิงได้สติกลับมาแล้วถึงกับสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนหน้านี้ ผู้แก่ผู้เฒ่าภายในตระกูลเคยบอกว่า พระพุทธรูปองค์นี้สามารถคุ้มครองให้ปลอดภัยได้ ในทัศนะของนางมองว่านี่เป็นเพียงคำพูดที่เป็นมงคลอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง เป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง

หลี่ชิเย่ส่งนิ้วพระหัตถ์คืนให้กับไป่จินหนิง กล่าวเรียบเฉยว่า “แขวนมันไว้บนคอก็แล้วกัน ในขณะที่พบกันอันตราย มันสามารถช่วยชีวิตเจ้าได้”

“ทำ ทำแบบนี้ได้หรือ? ” ไป่จินหนิงถึงกับลังเลนิดหนึ่ง เวลานี้ นางไม่กล้ารับนิ้วพระหัตถ์ข้อนี้เอาไว้

ถ้าหากลำพังแค่พระพุทธรูปไม้แล้ว นั่นเป็นสมบัติประจำตระกูลของพวกเขา กล่าวสำหรับนางแล้วยังมีความหมายพิเศษอยู่

แต่ว่า นี่คือนิ้วพระหัตถ์ของพระลังกา เป็นนิ้วมือของสุดยอดปฐมบรรพบุรุษสูงสุดคนหนึ่ง ด้วยมูลค่าเช่นนี้ยากที่จะประเมินได้อยู่แล้ว และนิ้วพระหัตถ์ข้อหนึ่งเช่นนี้ อานุภาพของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าอาวุธที่ปราศจากผู้ต่อกรชิ้นหนึ่งเลย

ลองนึกภาพดู ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตนผู้ใดก็ตามย่อมกระหายอยากจะได้อาวุธที่ปราศจากผู้ต่อกรสักชิ้นหนึ่ง กล่าวสำหรับไป่จินหนิงแล้ว อาวุธชั้นปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้ ชั่วชีวิตของนางไม่กล้าแม้แต่จะคิด

เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้มอบนิ้วพระหัตถ์ให้กับนางอีก จึงทำให้ไป่จินหนิงถึงกับลังเลนิดหนึ่ง นางไม่กล้ารับเอาไว้ เพราะมันล้ำค่ามากเกินไปแล้ว

“รับเอาไว้เถอะ” หลี่ชิเย่มองดูไป่จินหนิงแวบหนึ่ง หัวเราะและกล่าวว่า “ก็แค่นิ้วพระหัตถ์ข้อหนึ่งของพระลังกาเท่านั้นเอง และมีเพียงเท่านี้แหละ ถ้าหากเป็นร่างแท้จริงของพระลังกาล่ะก็ไม่เลวนัก”

ไป่จินหนิงเข้าใจได้ว่าหลี่ชิเย่ไม่ได้ใส่ใจกับนิ้วพระหัตถ์ข้อนี้ นางจึงรับเอาไว้และคารวะต่อหลี่ชิเย่

“ไปเถอะ ข้าต้องการพักผ่อนสักหน่อย” หลี่ชิเย่โบกมือเบาๆ นั่งและหลับตาลงอยู่ตรงนั้น

ไป่จินหนิงแสดงคารวะอีกครั้ง และเอ่ยขึ้นเบาๆ ว่า “ข้าจะไปช่วยจัดการเรื่องโควตาให้กับคุณชาย เมื่อถึงเวลานั้น คุณชายก็สามารถพบกับนายด่านของพวกเรา”

หลี่ชิเย่ยิ้มๆ และไม่ได้ใส่ใจ คำพูดคำนี้เขาแค่พูดไปตามอารมณ์ในตอนนั้นเอง ต่อให้ไม่มีโควตาเขาก็สามารถพบไท่อิ๋นสี่ได้เช่นกัน คนที่เขาต้องการพบ มีใครบ้างกล้าไม่ให้พบ?

หลังจากไป่จินหนิงจากไปแล้ว หลี่ชิเย่นั่งผ่อนลมปราณเข้าออก ปล่อยจิตให้ล่องลอยไปในอากาศ เหมือนปราศจากกลางวันกลางคืน

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้ว หลี่ชิเย่พลันลืมตาขึ้นมา และกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่ทำไมถึงมาที่นี่ได้? ” ขาดคำเห็นเงาแวบหนึ่งก็ได้หายตัวไป

ณ ถนนสายหนึ่งของด่านเทียนสงกวาน เรียกได้ว่าคึกคักอย่างยิ่ง สามารถได้ยินเสียงดังตูม ตูม ตูมดังขึ้นมา

ผู้คนจำนวนมากต่างมองเห็นกระบือดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่วิ่งชนอุตลุดอยู่ในขณะนี้ มันได้พุ่งชนรื้อบ้านเรือนจนพังไปไม่น้อย ตึกรามบ้านช่องล้มครืนไปไม่น้อย ทำเอาปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด

ด้านหลังของกระบือดำขนาดใหญ่มียอดฝีมือหลายสิบคนวิ่งไล่ตามมันอยู่

“ขออภัย ขออภัย” หลังจากที่กระบือดำขนาดใหญ่ได้พังและรื้อบ้านเรือนไปจำนวนไม่น้อย มีผู้ออกมาขอโทษ และให้คำมั่นว่า “ค่าเสียหายทั้งหมด ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่าจะเป็นผู้ชดใช้ให้เอง ขอทุกคนวางใจ คุณชายน้อยพวกเราถูกใจกับพาหนะตัวนี้ ดังนั้น จึงต้องสยบมันให้ได้”

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ” ผู้คนจำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจเมื่อได้มองเห็นภาพนี้แล้ว

จะอย่างไรเสียที่นี่ก็คือด่านเทียนสงกวาน ใครนะบังอาจกล้าอวดดีขนาดนี้ ถึงกับทำเอาเสียวุ่นวายอลม่านเช่นนี้ได้ ทั้งยังได้จัดการรื้อบ้านเรือนแต่ละหลังจนพังเป็นแถบๆ

“นั่นคือคุณชายของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิจิ้งเฉ่า” มีผู้บำเพ็ญตนคนหนึ่งที่เก่งด้านการข่าวรีบกล่าวว่า “พวกเขาจับพาหนะตัวนี้ได้กลางทาง แต่ว่า ปล่อยให้มันหนีรอดเข้าไปในเมื่อง ดังนั้น คุณชายของตระกูลกว่านจึงต้องการสยบพาหนะนี้เอาไว้ให้ได้”

“นี่คือสัตว์มงคลที่แข็งแกร่งมากตัวหนึ่งนะเนี่ย” มียอดฝีมือที่มองดูกระบือดำขนาดใหญ่ตัวนี้อย่างละเอียดแล้วต่างอดที่จะส่งเสียงจุ๊จุ๊เบาๆ ด้วยความชื่นชม

“เป็นความจริงที่แข็งแกร่งมาก” ยอดฝีมืออีกผู้หนึ่งก็อดที่จะพยักหน้า และกล่าวว่า “หาไม่แล้วคุณชายตระกูลกว่านคงไม่เห็นมันอยู่ในสายตาแล้ว สัตว์มงคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้หากสยบเอามาเป็นพาหนะ นับว่าไม่มีตัวเลือกไหนที่ดีกว่านี้อีกแล้ว”

…………………………………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *