Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2940 ฝากพันธุ์เอาไว้เถอะ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2940 ฝากพันธุ์เอาไว้เถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2940 ฝากพันธุ์เอาไว้เถอะ

เมื่อหลี่ชิเย่กลับไปถึงที่พักแล้ว ไป่จินหนิงก็เพิ่งกลับมาพอดี

ไป่จินหนิงเพิ่งกลับเข้ามา นางเองก็รู้สึกเหนือความคาดคิดมากเมื่อมองเห็นภายในบ้านถึงกับมีกระบือดำขนาดใหญ่เช่นนี้ตัวหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่ากระบือดำขนาดใหญ่ตัวนี้ออกมาจากไหนกันแน่

ว้าววว…พลันที่กระบือดำขนาดใหญ่มองเห็นไป่จินหนิงแล้วก็ได้เดินหมุนรอบตัวนางรอบหนึ่ง หัวเราะประหลาดและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงจริงๆ นะเนี่ย ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็แอบซ่อนสาวงามในบ้านเป็นเหมือนกัน แหะ แหะ แหะมิน่าเล่าท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จึงได้มาที่ด่านเทียนสงกวาน ที่แท้ก็มาแอบพบคู่รักนะเนี่ย” กล่าวพลางตามมาด้วยเสียงหัวเราะประหลาดเป็นระลอก

เจ้าสามารถจินตนาการว่า กระบือดำขนาดใหญ่ตัวหนึ่งที่สามารถพูดภาษามนุษย์ก็แล้วไป แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้ากระบือดำขนาดใหญ่พูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าเต็มปากเต็มคำ ที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่าก็คือ เสียงหัวเราะที่ประหลาดนั้น ทำให้ผู้คนรู้สึกว่ามันประหลาดมากที่สุดเท่าที่จะประหลาดได้

เมื่อไป่จินหนิงถูกกระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะเยาะเช่นนี้ ทำให้นางรู้สึกเคอะเขินยิ่ง สีหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูก

แต่ว่า กระบือดำขนาดใหญ่จ้องมองดูไป่จินหนิงแล้ว ได้ยกเท้าขึ้นและทำท่าเหมือนเป็นการยกนิ้วโป้งให้ และกล่าวว่า “สายตาของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะไม่เหมือนทั่วไปอย่างนี้แหละ มองการณ์ไกล ไม่เหมือนดั่งเข่นเหล่ามนุษย์ปุถุชนธรรมดาที่มองแต่รูปลักษณ์ภายนอก ดูว่างามหรือไม่งาม ข้ามองว่านังหนูคนนี้แม้จะไม่ได้งดงามอะไร แต่มีโครงสร้างที่ไม่เลวนัก สายเลือดบรรพบุรุษก็ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมนักเนี่ย มีชีพจรพุทธะ”

แม้กระบือดำขนาดใหญ่จะปากเสีย แต่ว่าไม่อาจไม่ยอมรับว่า คู่สายตากระบือของเขานั้นแหลมคมยิ่งนัก สิ่งที่คนอื่นมองไม่ออก เขาสามารถมองออกได้ในแวบเดียว

เฉกเช่นชีพจรลักษณะเช่นนี้ของบรรพบุรุษไป่จินหนิงนั้น อย่าว่าแต่บุคคลทั่วไปเลย แม้แต่ราชันแท้จริงจำนวนเท่าไรก็ดูไม่ออก แต่ว่า ในด้านนี้กระบือดำขนาดใหญ่กลับฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่ง แค่เขามองดูอย่างละเอียดก็สามารถไล่ย้อนขึ้นไปได้แล้ว

“แหะไม่เลวเลย ไม่เลวเลยนิ” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะเสียงประหลดขึ้นมา ท่าทางนั้นเรียกได้ว่าต่ำช้ามาก และกล่าวว่า “ชีพจรพุทธเช่นนี้ แหะถ้าหากแต่งกับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วให้กำเนิดเด็กน้อยจ้ำม่ำคนหนึ่ง รับรองว่าต้องเป็นสายเลือดของพุทธะแล้ว ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่หากพวกท่านสามารถให้กำเนิดเด็กน้อยจ้ำม่ำได้จริงๆ เมื่อเติบใหญ่ขึ้น รับรองว่าเอาชนะพระลังกาอะไรนั่นได้แน่นอน และจะกลายเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะเปี่ยมด้วยเมตตากรุณา…”

กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะประหลาด ท่าทางเรียกได้ว่าต่ำทราม นับว่าเหมือนกระบือต่ำทรามมากๆ เลยทีเดียว

เมื่อกระบือดำขนาดใหญ่พูดเช่นนี้ พลันทำให้ไป่จินหนิงมีใบหน้าที่แดงก่ำจนพูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน อับอายจนแทบมุดแผ่นดิน อยากจะให้พื้นดินแยกออกเป็นร่องขนาดใหญ่ จะได้มุดลงไปทันทีให้รู้แล้วรู้รอดไป

หลี่ชิเย่เพียงมองหน้ากระบือดำขนาดใหญ่เอ้อระเหยทีหนึ่ง และกล่าวว่า “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า คืนนี้ข้าจะทำสุกี้กินไม่มีอะไรขาดเลย นอกจากเนื้อวัว”

เอิกกก…กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแห้งๆ ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “กระบือสุดหล่อแค่ล้อเล่น แค่ล้อเล่น แต่ว่า ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ความจริงแล้วแม้ว่าคำพูดของกระบือสุดหล่อจะไม่น่าฟัง แต่ว่า ท่านเคยพิจารณาหรือไม่ว่าจะฝากทายาทไว้ที่แดนสามเซียนหรือไม่เล่า แหะพูดจริงๆ นะ ต่อให้ท่านไม่คิดจะรั้งอยู่ที่แดนสามเซียน แต่ว่า ท่านฝากทายาทเอาไว้ ทำให้ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิของท่านในแดนสามเซียนมีความเจริญรุ่งเรืองก็เป็นการกระทำที่ไม่เลว…”

คำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่แม้จะเหมือนพูดเล่นอยู่บ้าง แต่ว่าก็นับว่ามีความจริงจังอยู่บ้าง ในทัศนะของเขามองว่า ผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะที่ยากจะหาผู้ต่อกรในหล้าเช่นหลี่ชิเย่นี้ หากไม่ได้ทิ้งระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิใดๆ หรือผู้สืบทอดใดๆ ในแดนสามเซียนล่ะก็ นับว่าน่าเสียดาย

“…ถ้าหากท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องการไปจาก แล้วท่านรู้สึกวางใจไม่ลง ข้ากระบือดำขนาดใหญ่ขอรับประกันกับท่าน ข้าจะเป็นอาจารย์ให้กับหนูน้อย จะสอนให้เขากลายเป็นอัจฉริยะบุคคลที่ปราศจากผู้ต่อกรในหล้าให้ได้ ถ้าหากท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจ ลากตัวปีศาจต้นไม้เฒ่ามาด้วยเห็นเป็นอย่างไร? กระบือดำขนาดใหญ่ไว้ใจไม่ได้ แต่ปีศาจต้นไม้เฒ่าน่าจะเชื่อใจได้กระมัง” ในเวลานี้กระบือดำขนาดใหญ่ลุกขึ้นยืน เอาเท้าตบอกจนดังปังปัง เพื่อเป็นการรับประกันต่อหลี่ชิเย่

กระบือดำขนาดใหญ่ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้นจนน้ำลายกระเด็น เขาสามารถจินตนาการได้ว่า ถ้าหากหลี่ชิเย่ได้ฝากเด็กน้อยจ้ำม่ำไว้ในแดนสามเซียนจริงๆ ล่ะก็ กระบือดำขนาดใหญ่อย่างเขาก็จะทุกเด็กจ้ำม่ำคนนั้น เรียกว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ไปทั่วหล้า จะนำพาเด็กน้อยจ้ำม่ำผู้นี้ทำให้แดนสามเซียนวุ่นวายโกลาหลไปทั่ว

เมื่อนึกถึงชีวิตของการเป็นพ่อนมที่ทั้งสนุกทั้งตื่นเต้นเร้าใจในอนาคตแล้ว ไม่สิ ชีวิตของความเป็นวัวนม กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ดวงตาทั้งสองลุกวาว

หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะและส่ายหน้า เมื่อมองเห็นท่าทางเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่ มีรึที่เขาจะไม่รู้ว่าเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ตัวนี้คิดอะไรอยู่? เขาหรือจะมีข้อคิดดีๆ อะไรได้

สำหรับไป่จินหนิงนั้น จ้องมองดูจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นภาพที่โอ้อวดเช่นนี้ ท่าทีของเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่นับว่าเหมือนจริงมาก แต่ว่านางไม่กล้าหัวเราะออกมา

“แหะถ้าหากท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกว่าสายเลือดยังไม่ดีพอ เช่นนั้นแล้ว ให้กระบือสุดหล่ออย่างข้าช่วยคัดเลือกให้จะเป็นเช่นใด?” กระบือดำขนาดใหญ่ยิ่งพูดยิ่งตื่นเต้น ยิ่งพูดยิ่งมีชีวิตชีวา และกล่าวว่า “นังหนูแห่งเป่ยเยี่ยนเป็นอย่างไรบ้าง? นังหนูคนนั้นข้าเคยเห็น สายเลือดบริสุทธิ์ เปิดเผยบริสุทธิ์และยึดมั่นในความเป็นธรรม แหะถ้าหากมีอะไรกับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ให้กำเนิดหนูน้อยจ้ำม่ำ รับรองได้ว่าเหนือว่าผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นปราชญ์ไกลกันดารแน่นอน…”

นังหนูแห่งเป่ยเยี่ยนที่กระบือดำขนาดใหญ่เอ่ยถึงก็คือราชันแท้จริงเซิ่นซวง

“…หรือไม่ก็นังหนูแห่งตำหนักมังกรแท้จริงคนนั้นก็ได้ ข้าว่าสายเลือดมังกรแท้จริงบนตัวของนางนั้น เรียกว่ายอดเยี่ยม” กระบือดำขนาดใหญ่รีบเป็นพ่อสื่อให้กับหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “บวกกับสายเลือดบนตัวของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดการจับคู่แล้วล่ะ เด็กจ้ำม่ำที่กำเนิดมารับประกันว่ามีเรี่ยวแรงมหาศาล มือฉีกฟ้าดิน หมัดทำลายหมื่นสัจธรรม…” กล่าวพลาง กระบือดำขนาดใหญ่รู้สึกดีใจเป็นยิ่งนัก แทบอยากจะจัดการให้หลี่ชิเย่ทันทีให้รู้แล้วรู้รอดไป หาผู้หญิงที่เหมาะใคนหนึ่งไปผสมพันธุ์กับหลี่ชิเย่

“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่า คืนนี้ข้าจะได้กินสุกี้เนื้อวัว” หลี่ชิเย่เหลือบมองดูกระบือดำขนาดใหญ่ที่พูดไม่มีหยุดทีหนึ่ง

“เอาเถอะ” กระบือดำขนาดใหญ่ได้แต่ยอมแพ้ เมื่อแววตาที่ดุเดือดรุนแรงของหลี่ชิเย่เหลือบมองเข้ามา จนด้วยเกล้า และกล่าวว่า “ในเมื่อท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ยินยอมก็ช่างเถอะ”

“ถ้าหากท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ต้องการคงเมล็ดพันธุ์เอาไว้สามารถบอกข้าได้ทุกเมื่อ ข้าจะช่วยคัดเลือกให้ท่าน” สุดท้าย กระบือดำขนาดใหญ่ก็ยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจ พูดคำๆ นี้ออกมา

หลี่ชิเย่ยิ้มเจื่อนๆ บางครั้งเขาก็อยากจะจัดการเตะเจ้ากระบือดำขนาดใหญ่ตัวนี้กลับไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เมื่อไป่จินหนิงได้สติกลับมา นางได้บอกเบาๆ กับหลี่ชิเย่ว่า “คุณชาย ข้า ข้าได้จัดการเรื่องโควตาได้มาแล้ว ถึงเวลานั้นคุณชายสมารถเข้าไปได้ และนายด่านของพวกเราก็ต้องปรากฎตัวแน่นอน”

อาจกล่าวได้ว่า เพื่อให้ได้มาซึ่งโควตาเข้าร่วมงานเลี้ยงยิ่งใหญ่คราวนี้ ไป่จินหนิงได้ลงแรงไปไม่น้อย

หลี่ชิเย่แค่ยิ้มๆ เท่านั้นเอง ตอนนั้นเขาก็แค่พูดไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง แม้จะเป็นความจริงว่าเขาต้องการพบไท่อิ๋นสี่จริง เขาจะพบก็ไม่จำเป็นต้องมีโควตาเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็ขวางเขาไม่ได้

“นายด่านของพวกเจ้ามีอะไรน่าพบ” เรื่องเช่นนี้กล่าวสำหรับกระบือดำขนาดใหญ่แล้ว ไม่น่าสนใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม การหาโอกาสให้หลี่ชิเย่ได้ไปผสมพันธุ์น่าสนุกกว่ามากทีเดียว

กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวด้วยท่าทีไร้อารมณ์ว่า “เจ้าหนูนั่นก็แค่อยู่ไปวันๆ ที่เขาอู่สิงซานมาหลายปี จากนั้นก็ไปชุบทองที่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ภายหลังทุกคนดันตัวเขาขึ้นไป ไปเป็นแม่ทัพอะไรมั่วๆ อย่างนั้น น่าเบื่อ ในครั้งนั้นนับว่าเป็นเจ้าหนูที่ฉลาดมากคนหนึ่ง ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าพอโตขึ้นจะบิดเบี้ยวไป”

“ท่าน ท่านรู้จักนายด่านพวกเรา?” ไป่จินหนิงถึงกับงงงันและแปลกใจมาก เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่

“เคยพบ” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวไร้อารมณ์ว่า “ก็แค่เจ้าหนูที่ฉลาดมีไหวพริบคนหนึ่งแหละ ครั้งนั้นด้วยฉลาดและมีไหวพริบจึงยอมแพ้เป็นคนแรก มิฉะนั้นล่ะก็ จะปัสสาวะใส่ให้จมน้ำปัสสาวะตายไปเลย”

เอิกกก…ไป่จินหนิงถึงกับพูดอะไรไม่ออก นางถึงกับงุนงง สมควรทราบว่า แม่ทัพของพวกเขาถือเป็นหนึ่งในคงความอมตะตลอดกาลที่แข็งแกร่งที่สุด กุมอำนาจใหญ่ในมือ มีฐานะที่สูงส่งมากในแดนลัทธิเซียน ผู้คนจำนวนเท่าไรที่พบเห็นแม่ทัพของพวกเขาแล้วต่างก็เคารพนอบน้อมเป็นอย่างยิ่ง

คนที่ ไม่สิ ต้องเป็นกระบือที่ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้นเฉกเช่นกระบือดำขนาดใหญ่ นางยังเพิ่งจะพบเห็นเป็นครั้งแรก

“แม่ทัพพวกเราเป็นระดับคงความอมตะตลอดกาล” เมื่อไป่จินหนิงได้สติกลับมา นางไม่ค่อยอยากจะเชื่อนัก เมื่อได้ยินกระบือดำขนาดใหญ่บอกว่า “ปัสสาวะใส่ให้จมน้ำปัสสาวะตาย” จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ เตือนสติกระบือดำขนาดใหญ่

จะอย่างไรเสีย แม่ทัพของพวกเขาคือระดับคงความอมตะตลอดกาลจะจมน้ำตายได้อย่างไรกันเล่า

“ระดับคงความอมตะตลอดกาลแล้วอย่างไร” กระบือดำขนาดใหญ่ไม่คิดเช่นนั้น และกล่าวว่า “โลกยุคปัจจุบันใช่ว่าจะไม่มีผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขา เจ้าหนูนี่นับว่ามีไหวพริบ ในครั้งนั้นได้ขลุกอยู่ที่เขาอู่สิงซานหลายปีได้วิชามาไม่น้อย พรสวรรค์ถือว่าใช้ได้ แล้วยังไปชุบตัวที่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์มาหลายปี กำลังความสามารถเพิ่มขึ้นไม่น้อย มนุษย์สัมพันธ์ก็ขยายมากขึ้น ดังนั้น จึงมั่วเอาตำแหน่งแม่ทัพมาได้”

คำพูดของกระบือดำขนาดใหญ่นับว่าไม่เกินเลยไป เป็นความจริงที่ไท่อิ๋นสี่ นายด่านแห่งเทียนสงกวานคือศิษย์ของเขาอู่สิงซานจริงๆ แต่ว่า เล่าลือกันว่าไม่ใช่ศิษย์สายตรงของเขาอู่สิงซาน มีบางคนบอกว่าเป็นสายแยก และมีผู้บอกว่าเป็นศิษย์นอกสำนัก

แต่ว่า ที่สามารถยืนยันได้ก็คือ ไท่อิ๋นสี่มีชาติกำเนิดมาจากเขาอู่สิงซาน ซึ่งฐานะดังกล่าได้รับการยอมรับจากเขาอู่สิงซาน

สมควรทราบว่า เขาอู่สิงซานคือระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่ง และลึกลับที่สุดของแดนลัทธิเซียน ลำพังอาศัยชาติกำเนิดเช่นนี้ ไท่อิ๋นสี่ก็ดูจะไม่ธรรมดาทีเดียว

เป็นความจริงที่ว่า ภายหลังไท่อิ๋นสี่ก็ได้สมัครเขาไปอยู่ในหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ กลายเป็นนักศึกษาของหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างที่อยู่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์นั้น การแสดงออกของเขาโดดเด่นมาก ในยุคสมัยนั้นถือเป็นอัจฉริยะบุคคลที่ยอดเยี่ยมมาก

เนื่องเพราะมีประสบการณ์ศึกษาที่หอจรัสศักดิ์สิทธิ์ เป็นการสร้างรากฐานที่แน่นหนาให้กับไท่อิ๋นสี่ ไม่ว่าจะเป็นด้านทักษะหรือด้านมนุษย์สัมพันธ์ ล้วนแล้วแต่ได้มีการสั่งสมเอาไว้มากทีเดียว ซึ่งเป็นการสร้างรากฐานให้เขาได้ดำรงตำแหน่งนายด่านเทียนสงกวานภายหลัง

ท่าทีเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่ทำให้ไป่จินหนิงตะลึงลาน สมควรทราบว่า แม่ทัพของกองทัพเทียนเชี่ยน ผู้เฝ้าด่านเทียนสงกวาน ไม่ว่าจะเป็นฐานะไหนก็ตามล้วนแล้วแต่สูงส่งเป็นพิเศษ คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการนั่งตำแหน่งนี้ แต่ก็ไร้ประโยชน์

แต่ว่า กระบือดำขนาดใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้นโดยสิ้นเชิง เหมือนว่าแม่ทัพของพวกเขาเมื่อออกจากปากของเขาแล้ว เหมือนว่าผู้บัญชาการกองทัพเทียนเชี่ยนพวกเขากลายเป็นกองทัพขนาดเล็กที่อยู่ระดับสามอย่างนั้น ชางไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง

“ข้าไปอยู่แล้ว” หลี่ชิเย่พูดขึ้นบางๆ เมื่อเห็นไป่จินหนิงกำลังเหม่อลอย

“เฮ่อท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านกำลังทำอะไรกันแน่?” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวว่า “ใยจะต้องเสียเวลาเล่า ถ้าหากท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จะไปพบไท่อิ๋นสี่จริงๆ ข้าจะไปลากตัวเจ้าหนูนั่นมาทันทีเดี๋ยวนี้ ให้เขามาพบกับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ เขากล้าลังเลแม้แต่น้อยข้าก็จะรื้อรังเก่าของเขาทิ้ง”

คำพูดเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่พลันทำให้ไป่จินหนิงตาค้างพูดอะไรไม่ออก เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินคนที่กล้าท้าทายคนของจวนเทียนสง

“ไม่รีบ ข้ายังมีธุระนิดหน่อย” หลี่ชิเย่หัวเราะขึ้นมา

……………………………………………………………………..

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *