ตอนที่ 2960 สาวน้อย

“ดูเสน่ห์ของข้า?” พลันที่ถังเปิงได้ยินคำพูดจากหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลแล้ว ดวงตาทั้งสองเป็นประกายขึ้นในทันที อิงอยู่ข้างโลงศพเซียน ปัดผมของตนเองทีหนึ่ง จัดวางท่าทางของตนที่คิดว่าหล่อระเบิดที่สุด เผยรอยยิ้มออกมา ไม่สิ เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา

“สาวน้อย เสน่ห์ของข้าไม่ธรรมดาเสมอมาเลยนะ” ถังเปิงทำเป็นส่งสายตาเซ็กซี่ให้กับหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล เปี่ยมด้วยความสนุกสนานและมีอารมณ์ขัน และกล่าวว่า “สาวน้อย คืนนี้จะมาดูอะไรห้องของข้าหรือไม่เล่า เร็วๆ นี้ข้าได้ซื้อของวิเศษที่ยอดเยี่ยมมาหลายชิ้น ขอให้สาวน้อยช่วยประเมินให้ข้าหน่อย”

“คุณชายถังให้เกียรติไปแล้ว” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าด้อยความสามารถ ช่วยอะไรคุณชายไม่ได้”

“มันจะเป็นไปได้อย่างไร” ถังเปิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “สาวน้อยคือผู้ดำเนการประมูลลำดับที่หนึ่งของห้างเจียวเหิง สายตายอดเยี่ยมยากจะหาผู้ใดเทียม เรียกได้ว่าของวิเศษที่ผ่านตานั้นมากกว่าข้ากินข้าวเสียอีก ของชิ้นนั้นจะดีหรือไม่ดี สาวน้อยแค่มองแวบเดียวก็ดูออกแล้ว คนอย่างข้านี่ชมชอบของวิเศษ ของวิเศษแต่ละอย่างล้วนแล้วแต่ซื้อ ซื้อ แล้วก็ซื้อ ของวิเศษในบ้านกองจนจะเป็นภูเขาแล้ว…”

“…ดังนั้น จึงมีความต้องการเป็นพิเศษสำหรับสาวน้อยที่ตาเฉียบมองเห็นวีรบุรุษได้ ไม่สิ สาวผู้มีความรู้ความสามารถที่ตาเฉียบมองรู้ของวิเศษได้ ถ้าหากมีสาวน้อยช่วยพิจารณาดู ช่วยตรวจสอบอย่างละเอียดข้าก็จะไม่ถูกคนอื่นหลอก ไม่ตกหลุมพรางคนอื่น สาวน้องคิดว่าอย่างไร?”

คนอื่นๆ ต่างครุ่นคิดพิจารณาเกี่ยวกับโลงศพเซียนอยู่ ถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีผู้นี้กลับจีบสาวขึ้นมา ทั้งยังเป็นการจีบสาวต่อหน้าผู้คนทั่วหล้าอีกด้วย

ราชันแท้จริง และคงความอมตะตลอดกาลบนเวทีได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ทายาทเศรษฐีเช่นนี้นับว่าเป็นคนที่แปลกมาก และไม่รู้ว่าเขามีชาติกำเนิดเช่นใด ดันมีเงินมากมายเสียอย่างนั้น

สำหรับบรรดาผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวที มีจำนวนไม่น้อยที่มองหน้ากันและกัน และมีบางคนที่ลิ้นจุกปากพูดอะไรไม่ออก การจีบสาวผู้ดำเนินการประมูลของห้างเจียวเหิงในงานประมูลโดยตรงก็ให้แล้วกันไปเถอะ และยังเป็นการจีบสาวดื้อๆ ต่อหน้าผู้คนทั่วหล้า ทายาทเศรษฐีเช่นนี้ไม่เพียงแต่ใจกล้าเท่านั้น ยังไม่สนว่าอะไรจะเกิดขึ้น ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือหน้าไม่อาย

“ถ้าหากคุณชายถังกังวลว่าจะถูกคนอื่นเอาของเกรดต่ำมาเป็นหลอกว่าเป็นของดี เช่นนั้นแล้วคุณชายถังสามารถมาที่ห้างเจียวเหิงของพวกเตา ห้างเจียวเหิงของพวกเรามีสาขาทุกที่ในแดนสามเซียน มีของวิเศษทุกประเภททุกแบบ สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับคุณชายถังได้อย่างแน่นอน” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลก็นับเป็นผู้ที่มีไหวพริบยอดเยี่ยมคนหนึ่ง คำพูดนั้นเรียกว่าละเอียดรอบคอบไม่มีหลุด

“พูดแบบนี้ ข้าต้องการตัวสาวน้อย ห้างเจียวเหิงพวกเจ้าของตกลงสิ” ถังเปิงนั้นนับว่าหน้าไม่อายจริงๆ พูดจาตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อม

“ความต้องการเช่นนี้หาใช่สิ่งที่น้องสามารถตัดสินใจได้ คุณชายถังลองถามดูกับบรรดาเถ้าแก่ของพวกเรา” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลไม่ได้โกรธ อมยิ้มและเอ่ยขึ้นช้าๆ เป็นคำตอบที่น่าชมเชย

“ไม่มีปัญหา ถึงเวลานั้นข้าจะต้องถามแน่” ถังเปิงยิ้มแต้และกล่าวว่า “แต่ว่า คืนนี้สาวน้อยว่างหรือเปล่าล่ะ ข้าอยากจะขอคำชี้แนะด้านประสบการณ์การแยกแยะของวิเศษสักหน่อย เมื่อเร็วๆ นี้ข้าได้ซื้อเขามังกรมาเขาหนึ่ง เป็นมังกรทะเลสามลาย ตัวเขามังกรไม่เลวนัก ข้ารู้สึกว่าอายุก็ใช้ได้ มีเพียงสายเลือดดูจะไม่เท่าไร ดังนั้น จึงอยากจะให้สาวน้อยช่วยวินิจฉัยแยกแยะให้ที”

“หากคุณชายถังต้องการวินิจฉัยแยกแยะสามารถส่งมาที่ห้างเจียวเหิงพวกเรา พวกเราจะต้องให้คำตอบที่พึงพอใจกับคุณชายถังอย่างแน่นอน” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลกล่าวด้วยใบหน้าแฝงรอยยิ้ม

“ตกลง แน่นอนอยู่แล้ว ถึงเวลาข้าจะส่งถึงมือสาวน้อยด้วยมือข้าเอง” ถังเปิงยิ้มกล่าวทันที

……

ทุกคนต่างครุ่นคิด พินิจพิเคราะห์ในโลงศพเซียน ขณะที่ถังเปิงดันแหย่หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลอยู่ตรงนั้นเสียอย่างนั้น คำว่า ‘ต้องการจีบนาง’ ได้เขียนบนใบหน้าของถังเปิงอย่างโจ่งแจ้ง ภาพเช่นนี้ ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกอึ้ง ผู้คนจำนวนไม่น้อยส่ายหน้า ทายาทเศรษฐีลักษณะเช่นนี้เรียกได้ว่าเกินไปแล้ว และนับเป็นคนแปลกคนหนึ่ง

“ต่ำช้าหยาบคาย” กระบี่เหินเทียนเจียวเมินใส่ เมื่อเห็นการกระทำของถังเปิง

แน่นอน ถังเปิงทำทีไม่ได้ยินคำพูดของกระบี่เหินเทียนเจียว ยังคงเข้าไปใกล้ชิดหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล ทำตัวสนิทสนมกับหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล

ขณะที่บรรดาราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลกำลังวินิจฉัยและประเมินโลงศพเซียนอยู่นั้น กระบือดำขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านล่างเวทีก็จ้องเขม็งไปที่โลงศพเซียนเช่นกัน หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เขาอดที่จะเอ่ยขึ้นมาว่า “เจ้าสิ่งนี้ ยอดเยี่ยมมาก ต้องเป็นสิ่งที่สะเทือนเลื่อนลั่นแน่นอน”

“จริง” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “หนึ่งของวิเศษสองสิ่ง ของดี”

“ข้างในคืออะไร? คนตาย หรือนางฟ้า?” กระบือดำขนาดใหญ่ถึงกับดวงตาทั้งสองเป็นประกาย รีบเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว

“ไม่รีบร้อนรู้ไป” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ สายตาลึกล้ำ และส่งประกายแวบวับทีหนึ่ง จากนั้นไม่พูดอะไร

“แหะดูท่าสิ่งนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากแล้ว” ดวงตาทั้งสองของกระบือดำใหญ่เป็นประกาย ถึงกับยุยงหลี่ชิเย่ว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ขอดีๆ เช่นนี้ย่อมปล่อยให้พลาดไม่ได้ ต้องเอามาให้ได้นะ”

หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ ดวงตาทั้งสองเปี่ยมด้วยรอยยิ้มบางๆ ขึ้นมาแล้ว

ในขณะนี้ บรรดาราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลต่างทยอยกันแลกเปลี่ยนความเห็นกัน จะอย่างไรเสียต่อให้ระหว่างพวกเขาได้ซ่อนความเห็นแก่ตัวในของวิเศษชิ้นสุดท้ายเช่นนี้ก็ตาม แต่ทว่าก็ต้องการรู้ถึงความคิดเห็นของทุกคน

“สหายเซิ่นซวงคิดเห็นประการใดเล่า?” ราชันแท้จริงหวงจุนเอ่ยถามราชันแท้จริงเซิ่นซวง

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่ง สุดท้ายเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ของสิ่งนี้คือสิ่งที่ก้าวข้ามกาลเวลาและช่องว่าง ตามความเห็นของข้า สิ่งนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกาลเวลา จะมาจากแดนเซียนหรือไม่นั้นไม่กล้าสรุป หากจะต้องให้ข้าสรุปได้ได้ สิ่งนี้น่าจะได้เคยไหลผ่านสายน้ำแห่งกาลเวลามาแล้ว”

“การวิ่งผ่านแสงสว่างของสหายเยี่ยมมาก” แม้ว่าหมิงหวังฝอจะไม่ได้มา แต่ เมื่อเงาสะท้อนของกระจกอยู่ เขาได้กล่าวสรรเสริญพุทธองค์ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ต้องไม่อาศัยความรุนแรงเพื่อเปิดสิ่งนี้ออกมา และไม่สามารถเปิดออกได้ด้วยความรุนแรง มีเพียงบรรลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของมันจึงสามารถเปิดออกได้ ภายในโลงศพมีสิ่งของอยู่ภายใน จะมีชีวิตหรือไม่นั้นไม่อาจทราบได้”

“ถูกต้อง มีสิ่งของอยู่ภายในโลงศพนี้ เป็นความจริงไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่ ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องเป็นคน บางทีอาจเป็นสิ่งของอย่างอื่น” ระดับคงความอมตะตลอดกาลอีกผู้หนึ่งก็ได้รับบทสรุปเช่นเดียวกัน

“ตามความเห็นส่วนตัวของข้า อย่าได้เปิดออกมาจะดีกว่า” ราชันแท้จริงอีกผู้หนึ่งตรึกตรองนิดหนึ่ง แบะกล่าวว่า “หากเป็นวัตถุเซียนย่อมเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง หากเป็นสิ่งชั่วร้าย นั่นหาใช่ท่านหรือข้าสามารถสยบมันได้ สิ่งที่สามารถผนึกเอาไว้ในนี้ต้องเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งปราศจากผู้ต่อกร ยากจะจินตนาการได้”

“คำพูดของพี่ท่านมีเหตุผล” ผู้ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่งก็แสดงความเห็นด้วย และกล่าวว่า “ตามความเห็นของข้า จะต้องอาศัยพลังของปฐมบรรพบุรุษจึงสามารถเปิดออกได้ หรือบางทีต้องอาศัยพลังของปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียน มิฉะนั้นแล้ว เปิดไม่ได้”

คำพูดนี้ทำให้บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่บนเวทีประมูลต่างมองตากันและกัน ดูเหมือนว่าในแดนลัทธิเซียน ขณะนี้ยังไม่มีปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนเป็นการชั่วคราว อย่างน้อยที่สุดเท่าที่ทุกคนทราบดูเหมือนจะไม่มี

แม้จะกล่าวว่า ยุคปัจจุบันมีสองคนที่บรรลุมรรคผล แต่ดูเหมือนว่า ทั้งพระอาจารย์จินกวง และปราชญ์อัจฉริยะหลันซูยังไม่ใช่ปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียน บางทีอาจมีสักวันพวกเขาสามารถกลายเป็นปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนได้ แต่ว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ยังไม่ใช่

ถ้าหากจะต้องอาศัยปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนล่ะก็ เกรงว่าในแดนลัทธิเซียนขณะนี้คงไม่มีใครสามารถเปิดออกได้

สำหรับทุกคนที่อยู่ด้านล่างเวทีประมูลต่างรู้สึกหวั่นไหวในใจ เมื่อได้ยินคำพูดโต้ตอบของพวกราชันแท้จริงหวงจุน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว โลงศพเซียนลักษณะเช่นนี้ช่างฝืนลิขิตสวรรค์เพียงใด หากจะต้องอาศัยปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียนจึงสามารถเปิดออกได้

แม้ว่าพวกของราชันแท้จริงหวงจุนต่างคนต่างก็มีจิตที่เห็นแก่ตัวอยู่ แต่ว่า พวกเขายังคงนำเอาความเห็นของตนออกมาแลกเปลี่ยนกัน แต่ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ไม่สามารถบรรลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของโลงศพเซียนลูกนี้

สุดท้าย พวกของราชันแท้จริงหวงจุนต่างกลับไปยังตึกและหอสูงของตนเอง จากนั้น เป็นบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ที่นั่งอยู่บนที่นั่งวิเศษกลางอากาศนั่นขึ้นไปสังเกตและศึกษาโลงศพเซียนลูกนี้ในระยะใกล้ชิดบนเวทีประมูล

ในขั้นตอนนี้ ถังเปิงที่เป็นทายาทเศรษฐีไม่กลับไปยังตำแหน่งที่ทางของตน ยังคงรั้งอยู่บนเวทีประมูลเป็นเวลานาน คอยรบกวนเย้าแหย่หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลไม่หยุด การกระทำของเขาทำให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต้องมองดูจนลิ้นจุกปากพูดอะไรไม่ออก

แน่นอนที่สุดหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลก็จนปัญญา เวลานี้ถังเปิงคือแขกผู้มีเกียรติของห้างเจียวเหิงของพวกเขา เขาได้ทุ่มเงินจำนวนไม่น้อยในห้างเจียวเหิง ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าถังเปิงจะมีลักษณะของผู้ที่ร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน แต่ว่า เขาไม่ได้ทำอะไรที่นอกลู่นอกทางออกมา อย่างมากก็แค่แหย่หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลสักหน่อยเท่านั้น เรื่องเช่นนี้โดยภาพรวมแล้วไม่ได้มีอันตรายอะไรนัก

แน่นอน มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกว่าถังเปิงนั้นเป็นคนหยาบและธรรมดาพื้นๆ เกินไป ต่ำช้าหยาบคายเกินไป อย่างไรก็ตาม ถังเปิงไม่ถือเป็นเรื่องอะไรหนักหนา ท่าทางเขาก็คือทายาทเศรษฐีแหละ ข้ามีเงิน ข้าก็คือผู้ที่ร่ำรวยชั่วข้ามคืน พวกเจ้าทำอะไรข้าได้?

ไม่ง่ายนัก กว่าการสังเกตและศึกษาในระยะใกล้ชิดจะเสร็จสิ้นลง หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลได้กลับไปประจำตำแหน่งของตน นางมองดูทุกคน และกล่าวว่า “ทุกท่านต่างได้สังเกตและศึกษาโลงศพเซียนนี้กับตาของตนเองแล้ว แม้ว่าทางห้างเจียวเหิงพวกเราก็ไม่กล้าสรุปแน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ภายในโลงจะเป็นสิ่งใดกันแน่ แต่ข้าเชื่อว่าทุกคนมีคำตอบอยู่ในใจแล้วสำหรับความล้ำค่าของโลงลูกนี้…”

คำพูดลักษณะเช่นนี้ของหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลก็ได้รับการยอมรับจากราชันแท้จริง และระดับคงความอมตะตลอดกาลที่อยู่ในเหตุการณ์ ทุกคนต่างทดสอบหยั่งเชิงด้วยตนเองมาแล้ว และล้วนแล้วแต่ ไม่กล้ายืนยันว่าภายในโลงศพเซียนคืออะไร แต่ว่า ทุกคนยืนยันได้ว่า โลงศพเซียนลูกนี้คือของวิเศษสูงสุดโดยแท้จริง นับว่าไม่เกินเลยแม้แต่น้อยสำหรับนำเอามาเป็นของวิเศษชิ้นสุดท้ายของงานประมูลในครั้งนี้

“…นายน้อยของพวกเราเป็นผู้ที่ไปได้ของวิเศษชิ้นนี้มา ห้างเจียวเหิงพวกเรานำออกประมูลขายก็ไม่ได้ตั้งราคาเอาไว้ เนื่องจากของวิเศษชิ้นนี้ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่สามารถกำหนดรายละเอียดของราคาได้” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลเอ่ยขึ้นช้าๆ

ในเวลานี้ บรรดาผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้าซึ่งกันและกันเมื่อได้ยินว่าของวิเศษชิ้นนี้ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อประเมินค่าไม่ได้ ของวิเศษเช่นนี่จะประมูลกันอย่างไร

“ดังนั้น มาคราวนี้ห้างเจียวเหิงพวกเราจึงจัดแบบค่อนข้างพิเศษ” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ให้ทุกท่านเสนอราคาของตนให้พวกเราบันทึกกันสดๆ ขอเพียงในบรรดาทุกท่านมีผู้ที่เสนอราคาเหมาะสมกับความต้องการของห้างเจียวเหิงพวกเรา โลงศพเซียนลูกนี้ก็จะเป็นของคนผู้นั้น”

“แบบนี้ก็ได้ด้วย?” ทุกคนล้วนแล้วแต่รู้สึกเหนือความคาดคิด เมื่อได้ยินการประมูลขายลักษณะเช่นนี้ของหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล เป็นความจริงที่การประมูลตามอารมณ์กับของวิเศษชิ้นสุดท้ายเช่นนี้ เพิ่งจะพบเห็นเป็นครั้งแรก

“แต่ว่า ทุกท่านมีโอกาสเสนอราคาเพียงครั้งเดียว หลังจากทางห้างของพวกเราได้บันทึกเอาไว้แล้วจะไม่มีการแก้ไขอีก ขอทุกท่านได้ถนอมโอกาส” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “และการประมูลนี้จะไม่จำกัดอยู่ที่ศิลาแกร่ง เงินทอง สามารถอาศัยสิ่งของแลกเปลี่ยนกันได้”

“แบบนี้ไม่เลย น่าสนุก” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวผู้ดำเนินการประมูล

ในเวลานี้ พนักงานจดบันทึกจำนวนไม่น้อยของห้างเจียวเหิงได้ปรากฏตัวขึ้น รอคอยการเสนอราคาประมูลของทุกคน เพื่อบันทึกเป็นหลักฐาน

แต่ว่า ในเวลานี้สถานการณ์โดยรวมยังคงนิ่งเงียบกันอยู่ เนื่องจากทุกคนต่างไม่รีบร้อนที่จะเสนอราคา รอการเสนอราคาของคนอื่นๆ

จะอย่างไรเสียทุกคนมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากพลาดโอกาสไปก็จะแก้ไขไม่ได้อีก

แน่นอน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั่วไปไม่สามารถเขาไปร่วมได้อยู่แล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์ และไม่มีกำลังเช่นนั้น ต่อให้พวกเขาเสนอราคาไปก็เป็นที่ขบขันไปทั่วเท่านั้นเอง

“เอาล่ะ เริ่มต้นการเสนอราคาประมูล ทุกท่านเสนอราคาได้อย่างอิสระ” ในเวลานี้ หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลได้กล่าวขึ้น

“ข้า ข้าได้ระฆังโบราณมาใบหนึ่งที่เทียนซวี่ แลกกับโลงศพเซียนจะได้หรือไม่?” มีผู้บำเพ็ญตนเฒ่าที่มีผมขาวเต็มหัวหยิบเอากล่องวิเศษออกมาใบหนึ่ง ข้างในได้จุระฆังโบราณใบหนึ่งส่งประกายแวบวับออกมา

“ระฆังนี้ของผู้อาวุโสไม่เลวนัก เกรงว่าคงมาจากฝีมือราชันแท้จริง” หญิงสาวผู้ดำเนินการประมูลมีสายตาที่แหลมคม กล่าวขึ้นเพียงมองดูแวบเดียว

แน่นอน บรรดาผู้ดำเนินการประมูลของห้างเจียวเหิงก็ได้บันทึกมันเอาไว้เป็นข้อมูล

“ข้ามีหญ้าพรากวิญญาณอยู่ต้นหนึ่ง ปลูกมาแล้วสามแสนหกหมื่นปี แลกได้หรือไม่?” มีเจ้าสำนักผู้หนึ่งตรึกตรองนิดหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น

“ตระกูลข้ามีบ้านโบราณอยู่หลังหนึ่ง เป็นบ้านที่บรรพบุรุษพวกเราเคยอาศัยอยู่ บรรพบุรุษพวกเราเคยรับใช้หย่วนเต้ามาก่อน เล่าลือกันว่าบ้านโบราณหลังนี้เคยได้รับการปลุกเสกจากหย่วนเต้ามาก่อน ดังนั้น ข้าจะอาศัยบ้านโบราณแลกกับโลงศพเซียนได้หรือไม่…”

“คนอย่างข้าเป็นอย่างไรบ้าง ระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ข้าเอาตัวเองแลกกับโลงศพเซียน”

“อ้ายบ้า เจ้าเอาตัวเจ้าเองไปขายก็ไม่คุ้มกับราคานี้” ด้านล่างเวทีปรากฏเสียงหัวเราะกันลั่น เมื่อพบกับคนเสนอราคาลักษณะเช่นนี้

……

แม้ว่ายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากต่างรู้ดีว่าตนเองนั้นไม่ได้มีกำลังและไม่มีสิทธิ์ซื้อโลงศพเซียนลูกนี้เอาไว้ได้ แต่ว่า ห้างเจียวเหิงไม่ได้ห้ามใครเสนอราคา อะไรก็ได้ ดังนั้นคนบางคนจึงเข้าไปร่วมคึกครื้นด้วย ต่างทยอยกันเสนอราคาของตนขึ้นมา

ราคาที่พวกเขาเสนอมานั้นมีทุกรูปแบบ มีทั้งแลกด้วยบ้านโบราณ แลกด้วยตัวของเขาเอง สร้างความคึกครื้นเต็มที่

………………………………………………………….