Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2967 ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของฝ่ามือทองคำ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2967 ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของฝ่ามือทองคำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2967 ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมของฝ่ามือทองคำ

ไม่ว่าเจ้ากระบือดำตัวใหญ่จะแสดงความไม่พอใจเช่นใดก็ตาม หลี่ชิเย่ไม่ไปให้ความสนใจเขา ให้หลิ่วเยี่ยนไป๋ไปเป็นศิษย์ของเขา เป็นผู้สืบทอดของเขา

แม้ว่าเจ้ากระบือดำตัวใหญ่จะบ่นด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่า ในเวลานี้หลี่ชิเย่ได้เคาะเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การคัดค้าน และบ่นอุบด้วยความไม่พอใจของเขาก็ไร้ประโยชน์

“เจ้าเคารพอาจารย์ตามธรรมเนียมก็แล้วกัน” จังหวะที่เจ้ากระบือดำตัวใหญ่กำลังบ่นอุบด้วยความไม่พอใจ หลี่ชิเย่ได้สั่งการออกไป

หลิ่วเยี่ยนไป๋ถึงกับตะลึงงัน ในเวลานี้นางมองไปที่หลี่ชิเย่ และมองไปที่กระบือดำตัวใหญ่ ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นใด

“น้องสาว นี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง” ไป่จินหนิงเห็นว่าหลิ่วเยี่ยนไป๋งุนงงอยู่จึงรีบเร่งเตือนสตินาง และสอนนางให้แสดงคารวะในฐานะที่เป็นศิษย์ต่อกระบือดำตัวใหญ่

แม้ว่ากระบือดำตัวใหญ่จะบ่นอุบในเรื่องนี้ แต่ว่า เมื่อทุกอย่างลงเอยเรียบร้อยแล้วเขาก็ยอมรับ ด้วยการรับการคารวะสูงสุดจากหลิ่วเยี่ยนไป๋แล้วก็หัวเราะแหะแหะว่า “ดี ดี ดี ดีนังหนู หมั่นฝึกฝนให้ดี คงมีสักวันที่เจ้าจะต้องปราศจากผู้ต่อกรใต้หล้า เจ้าปีศาจต้นไม้เฒ่ามีหอจรัสศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดแล้วเก่งนักรึ แหะรอให้ศิษย์ของข้าปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าแล้ว ก็จะกดดันจนเขาหอบหายใจไม่ทัน กดดันจนหอจรัสศักดิ์สิทธิ์หอบหายใจไม่ทัน”

จะอย่างไรเสียหลิ่วเยี่ยนไป๋ยังคงงุนงงอยู่บ้าง เนื่องจากนางยังอ่อนต่อโลก ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าการกราบเจ้ากระบือดำตัวใหญ่เป็นอาจารย์นั้นบ่งบอกถึงสิ่งใด

แต่ว่า ไป่จินหนิงกลับรู้ดี นางรู้สึกอิจฉานางอยู่บ้างเหมือนกัน แม้ว่านางไม่รู้ถึงรายละเอียดประวัติความเป็นมาของกระบือดำตัวใหญ่ แต่ว่า สามารถติดตามอยู่ข้างกายของผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นนี้ได้จะธรรมดาได้รึ? ต้องเป็นประเภทดำรงอยู่ในสถานะหมางเมินทั่วหล้าอย่างแน่นอน

“แหะ ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ นังหนูนี่ข้ารับเอาไว้แล้ว กระบือสุดหล่ออย่างข้าจะต้องทำให้นางเกรียงไกรปราศจากผู้ต่อกรไปทั่วหล้า” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่หัวเราะแหะแหะและจ้องมองหลี่ชิเย่ทีหนึ่ง และกล่าวว่า “ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างท่าน ควรจะให้ของขวัญกับศิษย์ของข้าสักชิ้นหนึ่งใช่หรือไม่?”

“มา มา มาศิษย์ข้า รีบคารวะเต็มรูปแบบกับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่คือผู้ปราศจากผู้ต่อกรตลอดกาล เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะยากจะหาผู้ใดเทียมตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จากนี้ไปเมื่อเจ้าท่องไปทั่วหล้า เจ้าก็แจ้งชื่อฉายาของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ บอกว่าท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นผู้คุ้มครองเจ้าอยู่ จะทำให้เจ้าผ่านไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน…” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่ย่อมไม่ปล่อยให้พลาดโอกาสที่จะขูดรีดหลี่ชิเย่แน่นอน จึงสอนให้หลิ่วเยี่ยนไป๋คารวะเต็มรูปแบบต่อหลี่ชิเย่

ขณะที่หลิ่วเยี่ยนไป๋ยังไม่เข้าใจถึงประโยชน์ของการกระทำได้ทั้งหมด ก็ได้แสดงคารวะเต็มรูปแบบต่อหลี่ชิเย่ด้วยความงุนงง

หลี่ชิเย่หัวเราะ หยิบเอาเสื้อสีขาวตัวที่ประมูลได้มาจากห้างเจียวเหิงออกมา เสื้อสีชาวตัวนี้คือเสื้อตัวที่นางฟ้าผู้นั้นซึ่งบินขึ้นมาพร้อมกับเสวียนเซียวทิ้งเอาไว้ให้ มีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง

“เสื้อวิเศษตัวนี้มีความลึกซึ้งยอดเยี่ยมอยู่ภายใน สามารถบรรลุได้หรือไม่ก็ต้องดูที่โชควาสนาของเจ้าเองแล้ว” หลี่ชิเย่มอบเสื้อขาวให้กับหลิ่วเยี่ยนไป๋

หลิ่วเยี่ยนไป๋รับเอาเสื้อสีขาวมาด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าเป็นของดีหรือไม่ดี

“ของดี นี่เป็นของดี ศิษย์ข้า ต่อไปนี้เจ้าก็สวมใส่มันเอาไว้” เทียบกับยอดฝีมืออื่นๆ แล้ว สายตาของเจ้ากระบือดำตัวใหญ่ไม่รู้ว่ายอดเยี่ยมกว่ากันเท่าไร เขาย่อมเข้าใจได้ว่านี่เป็นของดีแล้ว

“แหะแต่ว่า ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ศิษย์ของข้าก็มีท่านเป็นผู้แนะนำมา ต่อไปนี้จะส่งผลถึงชื่อเสียงของท่าน ท่านจะขี้ตืดไม่ได้ ลำพังแค่เสื้อขาวตัวเดียวเกรงว่าจะไม่เพียงพอนะเนี่ย” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่โลภมาก หวังจะรีดจากหลี่ชิเย่ให้สูญเสียทรัพย์มากที่สุด

แน่นอน เรื่องที่จะทำให้สูญเสียทรัพย์มากที่สุดเป็นเพียงแค่พูดให้เกินเลยไปเท่านั้น ในใจของเจ้ากระบือดำตัวใหญ่ย่อมเข้าใจ อาศัยธาตุแท้ภายในของหลี่ชิเย่นั้น การมอบของวิเศษสักชิ้นสองชิ้นนั้นไม่ถือเป็นอะไรอยู่แล้ว

หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ล้วงหยิบสิ่งของออกมาชิ้นหนึ่ง มันคือฝ่ามือทองคำข้างหนึ่ง ฝ่ามือทองคำนี้ส่งประกายเจิดจ้า โดยมีลักษณะเหมือนหล่อขึ้นมาจากทองคำ แลดูงดงามยิ่งนัก

ด้วยฝ่ามือทองคำที่มีขนาดหนาใหญ่เช่นนี้ ยากที่จะจินตนาการได้ว่ามันเป็นฝ่ามือจริงๆ ไม่ว่าใครก็ตามหากได้เห็นฝ่ามือทองคำนี้แล้ว ก็จะนึกไปถึงว่ามันเป็นเพียงฝ่ามือที่หล่อด้วยทองคำเท่านั้นเอง

แต่ว่า เมื่อไปรับรู้ฝ่ามือทองคำนี้อย่างละเอียดก็จะสามารถรับรู้ได้ว่า ฝ่ามือทองคำข้างนี้เหมือนมีพลังที่ปราศจากผู้ต่อกรในครอบครอง ด้วยฝ่ามือทองคำข้างนี้นี่แหละเหมือนว่ามันสามารถผ่าฟ้าดินให้แยกออกได้ สามารถผ่าทุกสิ่งทุกอย่างในหล้าได้ ภายใต้ฝ่ามือทองคำข้างนี้เหมือนว่าไร้สิ่งใดสามารถต้านทานได้ ปราศจากสิ่งใดที่ทำลายไม่ได้

“สิ่งนี้มอบให้กับเจ้า บางที วันหน้าเจ้าอาจสามารถทำให้มันเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้” หลี่ชิเย่ได้มอบฝ่ามือทองคำนี้ให้กับหลิ่วเยี่ยนไป๋

ในครั้งนั้น หลี่ชิเย่ไปพบฝ่ามือทองคำข้างนี้มาจากพื้นที่ไกลกันดารของเมืองล้างบาป ขณะนั้น ฝ่ามือทองคำข้างนี้กำลังกำดวงตาแห่งความมืดข้างนั้นเอาไว้อย่างแน่นหนา

“รับเอาไว้ รีบรับเอาไว้” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่เป็นใครกัน พลันที่มองเห็นฝ่ามือทองคำข้างนั้นก็รู้ว่าฝ่ามือทองคำข้างนี้ยอดเยี่ยมมาก มันคือของที่ฝืนลิขิตสวรรค์ปราศจากผู้ต่อกร

หลิ่วเยี่ยนไป๋ไม่รู้จักชื่นชมในฝ่ามือทองคำข้างนี้ มองดูมันหลายครั้งขณะที่ถืออยู่ในมือ ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร นางรู้สึกว่าฝ่ามือข้างนี้ดูจะมีความสนิทสนมยิ่ง ทำให้นางรู้สึกว่านางกับฝ่ามือทองคำนี้มีความคุ้นเคย ความสนิทสนมอย่างบอกไม่ถูก เหมือนว่าตนเองกับฝ่ามือทองคำข้างนี้เป็นคนในครอบครัวเดียวกันอย่างนั้น

“ฝ่ามือนี้ยอดเยี่ยมมาก” กระบือดำตัวใหญ่มองดูฝ่ามือทองคำข้างนี้แล้วถึงกับน้ำลายไหล แน่นอน เขายังไม่ถึงกับแย่งของวิเศษกับศิษย์ของตน จากนั้นเขามองไปที่หลี่ชิเย่ หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ แหะฝ่ามือทองคำข้างนี้ท่านได้จากที่ใด ท่านคงไม่ก้าวข้ามกาลเวลาแล้วตัดเอาแขนของใครสักคนออกมาข้างหนึ่ง”

“ก้าวข้ามกาลเวลาไหนเลยจะเป็นเรื่องง่ายดาย ต่อให้มีกำลังความสามารถที่จะทำได้ ก็ไม่ควรทำ มันเป็นการกระทำที่ทำลายโลก ผลกรรมจะตกอยู่กับตัวเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยขึ้นมา

“เจ้าสิ่งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่ย่อมรู้จักดี และกล่าวว่า “ในโลกนี้ คนที่สามารถฝึกจนกลายเป็นมือเป็นเช่นนี้ได้ เกรงว่านิ้วมือข้างเดียวก็นับได้แล้ว ไม่ใช่ ใช้นิ้วแค่สามนิ้วก็นับได้หมดแล้ว มือข้างลักษณะเช่นนี้ แหะต่อให้เป็นปราชญ์ไกลกันดารก็ไม่สามารถฝึกได้สำเร็จ”

โอ้ววว…ในเวลานี้เอง หลิ่วเยี่ยนไป๋ถูกทำให้ตกใจยิ่งนัก ถึงกับส่งเสียงร้องขึ้นมา เนื่องจากขณะที่นางสังเกตดูฝ่ามือทองคำนี้อย่างละเอียดนั้น ทันใดนั้น ฝ่ามือทองคำดังกล่าวถึงกับมีการเคลื่อนไหวเหมือนเป็นฝ่ามือของคนเป็นอย่างนั้น

ทำให้หลิ่วเยี่ยนไป๋ตกใจจนปล่อยหลุดมือ และฝ่ามือทองคำพลันร่วงหล่นลงไป ดีที่เจ้ากระบือดำตัวใหญ่ตาไวรับเอาไว้ได้ทัน

“อย่าตกใจ อย่าตกใจ นี่เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องดี” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่กลับรู้สึกดีใจ และกล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นการบ่งบอกว่าเป็นวาสนาที่ยิ่งใหญ่ เป็นวาสนาที่คนอื่นไม่สามารถได้มาชั่วชีวิต นังหนูเช่นเจ้ามีสายเลือดที่บริสุทธิ์เช่นนี้ เกรงว่าหาไม่ได้ในโลกอีกแล้ว เป็นเผ่าเจ๋าสือเต็มร้อยนะเนี่ย”

เมื่อเจ้ากระบือดำตัวใหญ่ยื่นฝ่ามือทองคำให้กับหลิ่วเยี่ยนไป๋นั้น หลิ่วเยี่ยนไป๋ยังคงหวาดกลัวอยู่บ้าง จะอย่างไรเสียการที่ฝ่ามือดังกล่างพลันเหมือนมีชีวิตขึ้นมากะทันหัน เหมือนเป็นมือของคนที่มีชีวิตเคลื่อนไหวได้ ย่อมเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึงโดยแท้

“อย่ากลัวไป วาสนาประหลาดเช่นนี้ ผู้คนจำนวนมากอยากได้ใจจะขาดแต่ก็ไม่ได้มา เจ้าสามารถได้มานับว่าสวรรค์เอ็นดูเป็นพิเศษ” กระบือดำตัวใหญ่พูดปลอบใจ

ว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลก ฝ่ามือข้างนี้เมื่ออยู่ในมือของกระบือดำตัวใหญ่มันกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ

“นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” ไป่จินหนิงเองก็รู้สึกตกใจระคนแปลกใจ แรกทีเดียวที่ได้เห็นฝ่ามือทองคำนี้ นางยังเข้าใจว่าฝ่ามือทองคำนี้อาศัยโลหะเซียนหลอมสร้างขึ้นมา เวลานี้นางจึงเข้าใจอย่างแท้จริงว่า ฝ่ามือทองคำข้างนี้ไม่ได้อาศัยวัสดุใดๆ หลอมสร้างขึ้นมา

นี่คือฝ่ามือจริงๆ ข้างหนึ่ง หาใช่ของวิเศษ และไม่ใช่ของล้ำค่าประหลาด บางที ฝ่ามือข้างหนึ่งลักษณะเช่นนี้ถูกฟันมาจากแขนของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ในเวลานี้ ไป่จินหนิงจึงได้เข้าใจว่า เพราะอะไรเจ้ากระบือดำตัวใหญ่ถึงได้พูดขึ้นมาว่า หลี่ชิเย่นั้นก้าวข้ามกาลเวลาแล้วไปตัดเอาฝ่ามือข้างนี้มาจากบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ที่แท้แล้วนี่คือฝ่ามือจริงๆ เป็นฝ่ามือของบุคคลคนหนึ่ง

หลิ่วเยี่ยนไป๋ยังคงตกใจระคนความฉงน และรับเอาฝ่ามือข้างนี้มา แต่ว่า ในขณะนี้ฝ่ามือข้างนี้ไม่ได้เคลื่อนไหวอีกแล้ว

“เจ้าเข้ามานี่” หลี่ชิเย่กวักมือต่อหลิ่วเยี่ยนไป๋ หลิ่วเยี่ยนไป๋ก้าวเดินไปอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่

หลี่ชิเย่กำฝ่ามือทองคำข้างนี้เอาไว้ จากนั้นมืออีกข้างหนึ่งกำฝ่ามือของหลิ่วเยี่ยนไป๋เอาไว้ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในพริบตาเดียวนั่นเอง ฝ่ามือของหลิ่วเยี่ยนไป๋ถูกห่อหุ้มด้วยแสงที่เจิดจ้าอย่างยิ่ง เหมือนดวงดาวนับล้านล้านดวง เหมือนทางช้างเผือกสายหนึ่งได้ห่อหุ้มฝ่ามือของหลิ่วเยี่ยนไป๋เอาไว้

ในขณะเดียวกัน ฝ่ามือของหลี่ชิเย่ได้สำแดงวิวัฒนาการหมื่นสัจธรรม ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้น รอยประทับสัจธรรมที่มีประกายสีทองแวบวับถูกหลี่ชิเย่กลั่นและดึงออกมาจากฝ่ามือทองคำนั่น

เสียงปุดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้เอง หลี่ชิเย่ได้นำรอยประทับสลักที่กลั่นออกมาได้นั้น สลักเข้าไปในหว่างคิ้วของหลิ่วเยี่ยนไป๋ทันที

เมื่อรอยประทับสลักสัจธรรมนี้ถูกสลักเข้าไปในหว่างคิ้วของหลิ่วเยี่ยนไป๋ ได้ยินเสียงแว้งค์ แว้งค์ แว้งค์ดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง แขนทั้งสองข้างของหลิ่วเยี่ยนไป๋พลันปรากฏลายเต๋าแต่ละเส้นขึ้นมา โดยลายเต๋าแต่ละเส้นล้วนแผ่กลิ่นอายที่ซื่อๆ บริสุทธิ์ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เหมือนว่ากลิ่นอายลักษณะเช่นนี้ถูกส่งมาจากยุคสมัยที่เก่าแก่โบราณยิ่งอย่างนั้น

ขณะที่ลายเต๋าสลับกันไปมานั้น แขนคู่นั้นของหลิ่วเยี่ยนไป๋เหมือนได้เปิดขุมทรัพย์ศักดิ์สิทธิ์ใต้ทะเลขึ้นมาอย่างนั้น ท่ามกลางขุมทรัพย์ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวนี้ได้ซ่อนความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่ยากจะหาผู้ใดเทียมไว้ลางๆ อย่างนั้น เหมือนว่าทุกๆ ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมล้วนสามารถผ่าทั่วหล้า ผ่าฟ้าดินได้อย่างนั้น

จี๊ด จี๊ด จี๊ดเสียงหนึ่งดังขึ้น ในพริบตาเดียวนั่นเอง หลี่ชิเย่ได้จัดการนำเอาของเหลวทองคำที่กลับกลายมาจากฝ่ามือทองคำกรอกรดลงไปบนแขนของหลิ่วเยี่ยนไป๋

การที่ของเหลวที่เป็นทองคำพลันกรอกลงบนฝ่ามือของตนทันทีเช่นนี้ ทำเอาหลิ่วเยี่ยนไป๋ตื่นตระหนกเป็นการใหญ่ แต่ว่า นางพบว่ามันไม่มีความเจ็บปวดแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม ขณะที่ทองคำเหลวถูกรดลงบนฝ่ามือนั้น นางรู้สึกเหมือนฝ่ามือของตนพลันเปี่ยมด้วยพลังที่ไม่มีสิ้นสุดอย่างนั้น

เหมือนว่าฝ่ามือของนางมีพลังเช่นนี้อยู่ในความครอบครองอยู่แล้วตั้งแต่อดีต เพียงแต่มันถูกพันธนาการเอาไว้ตลอดมาเท่านั้นเอง

ขณะที่ทองคำเหลวดังกล่าวถูกฉีดเข้าไป เหมือนว่าเครื่องพันธนาการนั้นถูกเปิดออก และในพริบตาเดียวนั้นเอง นางจึงรู้สึกว่านี่แหละคือฝ่ามือที่แท้จริงของตนเอง นาทีนี้ฝ่ามือของตนเองได้ฟื้นตื่นขึ้นมาโดยสิ้นเชิงแล้ว

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก นี่มันยอดเยี่ยมโดยแท้จริงนะเนี่ย” เจ้ากระบือดำตัวใหญ่ถึงกับชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง เมื่อได้เห็นภาพนี้

……………………………………………

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *