Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3013 สามเซียนมีจริงรึ

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3013 สามเซียนมีจริงรึ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3013 สามเซียนมีจริงรึ

กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะทีหนึ่ง สำหรับคำพูดของหินสีดำ และกล่าวว่า “แดนสามเซียนจะจบสิ้นแล้ว? มันเกี่ยวอะไรกับข้า ต่อให้แดนสามเซียนจบสิ้นกระบือสุดหล่ออย่างข้าก็ยังมีชีวิตเป็นปรกติสุข อีกอย่าง มีท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่พวกเราอยู่ด้วย แดนสามเซียนไม่จบสิ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรที่ปรากฏขึ้นมา ก็มีเพียงหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวเท่านั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่”

“เขา…” หินสีดำมองดูหลี่ชิเย่แวบหนึ่ง แน่นอน สิ่งนี้ใช่ว่าหินสีดำจะดูถูกหลี่ชิเย่ เขาลังเลนิดหนึ่ง ส่ายหน้าและกล่าวว่า “แหะ ใช่ว่าข้าดูถูกเขา เพียงแต่ บางสิ่งมันอยู่เหนือจินตนาการของพวกเจ้าไปมาก สองหมัดของผู้กล้ายากจะต่อกรกับสี่กร ถึงเวลานั้นเกรงว่าเขาจะไม่เป็นตัวของตัวเอง! ถึงตอนนั้น ภายใต้ฝูงสุนัขจิ้งจอก พยัคฆ์ดุร้ายก็มีเพียงตายสถานเดียวเท่านั้น”

“อย่างนั้นรึ?” ตรงกันข้าม กระบือดำขนาดใหญ่กลับมั่นใจในหลี่ชิเย่เต็มเปี่ยม ยิ้มแต้และกล่าวว่า “เจ้าจะไปรู้อะไรกับเรื่องนี้ เจ้าแค่ก้อนหินห่วยๆ ก้อนหนึ่ง ประสบการณ์เจ้าน้อยเกินไป ความตื้นลึกหนาบางของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ไหนเลยที่เจ้าจะสามารถมองเห็นได้ทะลุ แหะวางใจเถอะ มีท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ทั้งคน ทุกอย่างก็ต้องเรียบร้อย”

หินสีดำได้มองหน้าหลี่ชิเย่อีกหลายที แม้ว่าเวลานี้มันยังคงเป็นก้อนหินก้อนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่า ท่าทีเช่นนี้เหมือนจริงมาก เหมือนเป็นคนเป็นๆ คนหนึ่งที่ยืนพูดอยู่ตรงหน้าอย่างนั้น

“ลูกวัวน้อย นั่นเป็นเพราะเจ้าไม่เคยเห็น หากเจ้าได้เห็นแล้วเจ้าก็จะไม่พูดแบบนี้” หินสีดำไม่ได้สงสัยในกำลังความสามารถของหลี่ชิเย่ เขาเมินใส่ในตัวของกระบือดำขนาดใหญ่ กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “เบื้องหลังความน่ากลัวมันอยู่เหนือจินตนาการของเจ้าแหะ แหะ แหะ อีกอย่าง หากมีวันนั้นมาถึงจริงๆ ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรูก็คงพูดยาก ถึงตอนนั้น บางทีผู้ที่ให้ร้ายต่อแดนสามเซียนที่แท้จริงก็คือผู้ที่คอยปกป้องคนนั้นนั่นเอง!”

“บอกได้แต่เพียง เจ้านั้นขาดความมั่นใจเหลือเกิน” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะเยาะ และกล่าวว่า “เจ้าที่เป็นเพียงก้อนหินห่วยๆ ไหนเลยจะรู้จักคำว่าจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไร้เทียมทาน ถ้าหากเจ้าเข้าใจก็จะไม่กลายเป็นก้อนหินที่ถูกทำให้กลายเป็นมารก้อนหนึ่งเช่นนี้แล้ว เป็นคนอื่นข้าอาจไม่กล้าพูด แต่ว่า ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ใช่คนที่เจ้าสรุปเอาไว้อย่างเด็ดขาด ข้อนี้กระบือสุดหล่ออย่างข้ายังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว”

หินสีดำอดที่จะเหลือบมองดูหลี่ชิเย่ แต่ว่า มาคราวนี้เขานิ่งเงียบแล้ว เดิมการพูดการจาของเขากับกระบือดำขนาดใหญ่จะเป็นลักษณะตาต่อตา ฟันต่อฟัน แต่แล้วมาคราวนี้นับว่ายากนักที่เขาไม่ได้โต้เถียงกระบือดำขนาดใหญ่กลับไป

“แดนสามเซียนย่อมจะมีชะตาชีวิตที่เป็นของตนเอง” ขณะที่หินสีดำกำลังนิ่งเงียบนั้น หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้น ส่ายหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ข้าเป็นเพียงผู้ที่เดินทางผ่านมาของแดนสามเซียนเท่านั้นเอง มันไม่จำเป็นต้องให้ข้าไปปกป้อง มันย่อมมีคนที่ปกป้องอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด อย่ารุกรานข้าเป็นพอ”

“นอกเหนือจากท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ยังจะมีใครสามารถปกป้องแดนสามเซียน” ท่าทางกระบือดำขนาดใหญ่ดูจะร้อนรนขึ้นมาแล้ว

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงอดที่จะพูดขึ้นแผ่วเบาว่า “ภัยพิบัติกำลังจะมาเยือนแดนสามเซียน หรือคุณชายจะไปแล้วรึ?” นางได้เปลี่ยนการเรียกชื่อโดยไม่รู้ตัว ภายในใจของนางก็รู้สึกว่า อนาคตหากภัยพิบัติมาถึง หลี่ชิเย่ต้องสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อย่างแน่นอน

“แดนสามเซียนไม่จำเป็นต้องให้ข้าเป็นห่วงเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “อย่าลืมไปสิว่า แดนสามเซียน ชื่อนี้มาได้อย่างไร มันย่อมมีผู้ที่เฝ้าปกป้อง ไหนเลยต้องให้ข้ามาคอยปกป้องเล่า”

“สามเซียนรึ…” พวกกระบือดำขนาดใหญ่ต่างมองตากันและกัน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของหลี่ชิเย่ พวกเขาต่างอดที่จะนึกถึงตำนานต่างๆ ของแดนสามเซียน

ราชันแท้จริงเซิ่นซวงลังเลนิดหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “สามเซียนดำรงอยู่จริงรึ?”

มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า แดนสามเซียนชื่อของมันกำเนิดมาจากสามเซียน แต่ว่า ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่าคำพูดเช่นนี้เชื่อถือไม่ได้ในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา เนื่องจากในพันล้านปีที่ผ่านมาไม่มีใครเคยเห็นสามเซียนมาก่อน และไม่มีใครสามารถยืนยันเรื่องราวเกี่ยวกับสามเซียนได้อย่างแท้จริง ไม่มีหลักฐานที่ชัดแจ้งนำมากล่าวอ้างได้

ดังนั้น พันล้านปีที่ผ่านมา มีคนเชื่อว่าสามเซียนนั้นดำรงอยู่จริงๆ แต่ก็มีคนที่คิดว่าสามเซียนเป็นเพียงการกระพือข่าวลือให้กระจายกว้างออกไป เป็นเพียงบุคคลที่สมมุติขึ้นมาไม่ได้ดำรงอยู่จริงๆ

หลี่ชิเย่เพียงยิ้มๆ เท่านั้นเองสำหรับคำพูดของราชันแท้จริงเซิ่นซวง

“พวกเจ้ากำลังพูดถึงสามเซียนรึ?” เวลานี้ แม้แต่หินสีดำที่เงียบสงบก็พูดแทรกขึ้นมา

“เจ้ารู้จักสามเซียนหรือไม่?” กระบือดำขนาดใหญ่ เหลือบมองเขาทีหนึ่ง กล่าวเหยียดหยามว่า “เจ้าที่เป็นเพียงก้อนหินห่วยๆ ที่จมอยุ่ใต้ทะเลลึกดึกดำบรรพ์ เกรงว่าคงไม่ได้มีประสบการณ์ชีวิตอะไรกระมัง”

“เฉกเช่นลูกวัวป่าอย่างเจ้านั่นแหละที่ไม่เคยมีประสบการณ์ชีวิตอย่างแท้จริง” หินสีดำเชิดใส่กระบือดำขนาดใหญ่ กล่าวเยาะเย้ยว่า “เกรงว่าสิ่งที่ข้าเคยพบเห็น ชาติทั้งชาติของเจ้าก็ไม่เคยพบเห็น เป็นต้นว่าสามเซียน”

“เจ้าเคยพบสามเซียนมาก่อน…” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้

พันล้านปีที่ผ่านมา ใครบ้างเคยพบเห็นสามเซียนมาก่อน? เกรงว่าคงไม่มีใครกล้าบอกว่าตนเองเคยพบสามเซียน แม้ว่าในรอบพันล้านปีที่ผ่านมาก็เคยมีคนบอกว่าตนเองเคยพบกับสามเซียนมาแล้ว แต่ นั่นมักจะเป็นการยกตนข่มท่านเท่านั้นเอง

“เกรงว่าจะใช่” หินสีดำทำท่าตรึกตรองนิดหนึ่ง และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่ น่าจะเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ถ้าหากโลกนี้มีสามเซียนจริงๆ นั่นจะต้องเป็นผู้หญิงหนึ่งในจำนวนนั้น”

“แหะดูท่าทีที่ไม่มั่นใจของเจ้า แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้เลยว่าคนที่พบเห็นนั้นเป็นใคร ยังกล้าพูดจาไร้ยางอายที่นี่” กระบือดำขนาดใหญ่กล่าวหัวเราะแหะแหะ

มาคราวนี้หินสีดำไม่ได้ต่อปากต่อคำกับกระบือดำขนาดใหญ่ เพียงแต่นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง เหมือนว่ากำลังหวนคิดถึงสภาพการณ์ในตอนนั้น

“เช่นนั้นเขามีลักษณะอย่างใด?” ราชันแท้จริงเซิ่นซวงเต็มไปด้วยความแปลกใจ พันล้านปีที่ผ่านมาไม่มีใครพบเห็นสามเซียนจริงๆ ถ้าหากมีใครที่เคยพบเห็นสามเซียนจริงๆ ในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงก็ย่อมอยากจะรู้อย่างยิ่งว่า สามเซียนที่อยู่ในตำนานเป็นอย่างไรกันแน่

จะอย่างไรเสีย เคยมีผู้คนจำนวนมากต่างบอกว่า สัจธรรมแดนสามเซียนมีต้นกำเนิดมาจากสามเซียนในรอบพันล้านปีที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ

“แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งเป็นพิเศษ” หินสีดำนิ่งเงียบพักหนึ่ง สุดท้ายได้กล่าวขึ้นช้าๆ ขณะที่เอ่ยมาถึงตรงนี้ท่าทางดูมั่นใจอย่างยิ่ง

หินสีดำใช้คำว่า ‘แข็งแกร่ง’ ถึงสี่ตัว เป็นการบ่งบอกอย่างเพียงพอแล้วว่าช่างแข็งแกร่งเพียงใด และน่าสยองขวัญเช่นใดแล้ว

ภายในใจของราชันแท้จริงเซิ่นซวงถึงกับหวั่นไหว ขณะเดียวกันก็ปรากฏความหวังที่ลุกโชนขึ้นมา จะอย่างไรเสียถ้าหากแดนสามเซียนมีสามเซียนคอยเฝ้าปกป้องเอาไว้จริงล่ะก็ เมื่อเป็นเช่นนั้นกล่าวสำหรับแดนสามเซียนแล้ว ย่อมเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

“เทียบกับผู้ที่ช้อนเจ้าขึ้นมาจากใต้ทะเลลึกดึกดำบรรพ์แล้วเป็นอย่างไร?” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ แน่นอนที่สุด ในคำพูดก็มีความรู้สึกแปลกใจปะปนอยู่

จะอย่างไรเสีย การต่อสู้ชี้ขาดของผู้อยู่ในฐานะสูงสุดเช่นนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนไม่อาจได้เห็นชั่วชีวิต

หินสีดำนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาจึงได้เหลือบมองกระบือดำขนาดใหญ่ทีหนึ่ง กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “ลูกวัวอย่างเจ้าไม่รู้เรื่องความลึกลับยอดเยี่ยมในนั้นอยู่แล้ว เรื่องนี้หาใช่ปัญหาบุคคลผู้หนึ่งผู้ใดแข็งแกร่งเพียงใด แต่เป็นว่าเป็นอะไรจึงสามารถบงการโลกได้! อะไรคือที่พักพิงสุดท้ายที่แท้จริง นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง”

“เป็นความจริงที่กระบือสุดหล่ออย่างข้าไม่รู้” กระบือดำขนาดใหญ่ทำท่ายักไหล่ หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “แต่ว่า ข้ารู้จักท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวสำหรับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ต้นกำเนิดอะไร ที่พึ่งพิงสุดท้ายอะไร ล้วนแล้วแต่ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ ขอเพียงขวางทางของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็จะเล่นงานมันจนตายโดยตรง…”

“…ทั้งหมดนี้กล่าวสำหรับท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็เพียงพอแล้ว ที่พึ่งพิงสุดท้ายอะไร ต้นกำเนิดอะไรล้วนไสหัวไปข้างๆ เสีย” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะ จากนั้นก็กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เมื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ค่อยมาคุยเรื่องของที่พึ่งพิงสุดท้าย คุยเรื่องต้นกำเนิดก็ยังไม่สาย”

ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้ว กระบือดำขนาดใหญ่ อดหัวเราะแหะแหะขึ้นมาอีกไม่ได้

ข้อโต้แย้งเช่นนี้ของกระบือดำขนาดใหญ่ ได้ทำให้หินสีดำถึงกับมองหน้าหลี่ชิเย่หลายที และนิ่งเงียบพักหนึ่ง

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องการอะไร…” หินสีดำนิ่งเงียบทีหนึ่ง สุดท้ายรู้สึกแปลกใจในตัวหลี่ชิเย่ และกล่าวว่า “ต่อให้เจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ เช่นนั้นแล้วที่เจ้าต้องการคืออะไร? มีชีวิตเป็นอมตะรึ? หรือว่าเฝ้าปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าได้เฝ้าปกป้องไว้?”

“ข้าก็คือข้า” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ กล่าวเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “สู้จนถึงที่สุด ทุกอย่างก็พอแล้ว!”

“ข้าก็คือข้า!” หินสีดำถึงกับพึมพำขึ้นมา ในเวลานี้ได้ตกอยู่ในความนิ่งเงียบ เหมือนว่าคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่มีผลสะเทือนใจที่ลึกซึ้งยิ่งต่อเขา

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าเป็นอย่างไรล่ะ?” ขณะที่หินสีดำนิ่งเงียบนั้น กระบือดำขนาดใหญ่ หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “เจ้ายังคงเป็นเจ้าหรือเปล่า? เจ้ายังคงเป็นหินห่วยๆ ก้อนหนั้นที่อยู่ใต้ทะเลลึกดึกดำบรรพ์ก้อนนั้นหรือเปล่า? และหรือเจ้าในเวลานี้เป็นเพียงสุนัขรับใช้ตัวหนึ่ง ไม่ ไม่ถูก เวลานี้เจ้าเป็นเพียงสุนัขตายตัวหนึ่งที่ถูกสยบอยู่ที่นี่”

มาคราวนี้หินสีดำไม่ได้กล่าวตอบโต้ เมื่อถูกกระบือดำขนาดใหญ่แดกดันเยาะเย้ยถากถางเช่นนี้ หลังจากที่เขานิ่งเงียบไปพักใหญ่ สุดท้าย กล่าวน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่เป็นเพียงการเลือกอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง สุดท้าย เจ้าก็ต้องตัดสินใจเลือกเหมือนกัน”

“ไม่ ข้าได้เลือกเรียบร้อยแล้ว” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะแหะแหะและกล่าวว่า “ที่ข้าเลือกก็คือติดตามความตั้งใจแต่เดิมของตน ไม่เห็นรึ? ข้าก็ได้มายืนอยู่ข้างของท่านปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้วมิใช่รึ?”

“ไม่แน่เสมอไป เจ้าเปลี่ยนแปลงได้เอง จะเปลี่ยนแปลงการเลือกของตน กระทั่งทอดทิ้งทุกๆ สิ่งที่ศรัทธา” หินสีดำกล่างเย็นชาว่า “เรื่องแบบนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว และไม่ใช่ส่วนน้อย”

“นั่นเป็นพวกเขา” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะเย็นชา และกล่าวเยาะเย้ยว่า “คนอื่นจะเลือกอย่างไรนั้นไม่ได้แทนตัวของข้า อีกอย่าง คนบางคนก็แค่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่มั่นคงเท่านั้นเอง บางที เดิมทีนิสัยของพวกเขาเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว อันคำว่าความสว่าง อันคำว่าช่วยโลก ที่เรียกว่าปกป้อง มันก็แค่เปลือกนอกคนดีจอมปลอมที่คลุมเอาไว้ข้างนอกเท่านั้นเอง”

“รอให้วันนั้นมาถึง ค่อยมาพูดจาไร้ยางอายก็ยังไม่สาย” หินสีดำหัวเราะเยาะทีหนึ่ง

“ไม่ต้องรอให้ถึงวันนั้น” กระบือดำขนาดใหญ่หัวเราะอย่างทระนง และกล่าวว่า “กระบือสุดหล่ออย่างข้ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเสมอมา มันไม่ผิดแน่นอนอยู่แล้ว”

หินสีดำไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงหัวเราะเยาะต่อเนื่องเท่านั้นเอง

“เจ้าก็คือเจ้า” หลี่ชิเย่หัวเราะเรียบเฉย และกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เพียงแต่ ตอนนั้นเจ้ายังไม่รู้เท่านั้นเอง มาวันนี้ได้เวลาสมควรคืนความเป็นตัวตนของเจ้าได้แล้ว”

“เจ้าคิดจะทำอะไร…” เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่แล้ว ภายในใจของหินสีดำถึงกับหวาดผวา พลันมีความรู้สึกที่ไม่เป็นมงคล และร้องเสียงดังขึ้นมา

“ไม่ทำอะไร” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ และกล่าวว่า “เพียงแค่ช่วยเจ้าอีกแรงเท่านั้นเอง”

……………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด