Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3051 ดุร้ายชื่นชอบสงคราม

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3051 ดุร้ายชื่นชอบสงคราม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3051 ดุร้ายชื่นชอบสงคราม

เสียงตึง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง กระบี่ส่งเสียงคำรามฟ้าดิน สรรพสิ่งล้วนโศกเศร้า สุดท้าย กระบี่ปราชญ์ถูกดึงออกมาได้แล้ว

จังหวะที่กระบี่ปราชญ์ถูกดึงออกมานั้น เสียงกระบี่คำรามดังไปทั่วฟ้าดิน จากนั้น กระบี่ประจำตัวของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนประสานเสียงขึ้นมา เหมือนว่ากระบี่ประจำตัวของยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนทั้งหมดล้วนไม่อยู่ในควบคุมอย่างนั้น หมื่นกระบี่ร่วมประสานเสียง เกือบจะหลุดมือบินออกไป

ได้ยินเสียงแว้งค์…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง นาทีนี้กระบี่ปราชญ์พลันปล่อยให้ประกายกระบี่ที่ไม่มีสิ้นสุดให้บานเบ่งขึ้นมา พริบตาเดียวขณะประกายกระบี่บานเบ่งนั้น ปรากฏกระบี่สวรรค์ล้านล้านเล่มลอยล่องอยู่ระหว่างฟ้าดิน โดยที่กระบี่สวรรค์ล้านล้านเล่มสับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่หยุด ปรากฎการณ์สารพัน เป็นที่หวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกิน

ตึง…กระบี่และจิตรวมเป็นหนึ่ง ในเวลานี้ในมือเทพสงครามจินเปี้ยนถือกระบี่ปราชญ์ กระบี่ชี้ไปที่ใดก็คือปณิธาน เมื่อกระบี่ปราชญ์ในมือของเขาชี้ไปยังทิศทางใด พลันทำให้ตรงนั้นถูกแทงทะลุ เหลือทิ้งเอาไว้เป็นหลุมดำที่น่าสยองขวัญยิ่งเอาไว้หลุมหนึ่ง

ในขณะนี้ เทพสงครามจินเปี้ยนยืนถือกระบี่ยืนอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน ร่องรอยวิถีกระบี่ที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ซึ่งยังคงอยู่ล้นอยู่ในกำมือของเขา นาทีนี้ตัวเขาเสมือนดั่งอยู่ในจุดสูงสุด มือกำจักรวาล ปกครองสรรพสิ่ง

นาทีนี้ ขณะคู่สายตาของเทพสงครามจินเปี้ยนที่มองมานั้น เสมือนดั่งเป็นกระบี่สวรรค์นับพันนับหมื่นเล่มที่พุ่งโจมตีเข้ามาในพริบตาเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกระบี่สวรรค์นับล้านล้านเล่มที่ลอยล่องอยู่ด้านหลังของเขา ปรากฎการณ์ต่างๆ นานา สภาพเช่นนี้ยิ่งทำให้ผู้คนถึงกับมีจิตพลุ่งพล่านต้องการจะก้มลงกราบไหว้

เทพสงครามจินเปี้ยนในขณะนี้เสมือนดั่งเป็นเจ้าแห่งหมื่นกระบี่ คือจักรพรรดิวิถีกระบี่ที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ซึ่งยังคงอยู่ เขาคือผู้บงการของวิถีกระบี่ที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ซึ่งยังคงอยู่นั้นทั้งหมด ทุกการเคลื่อนไหวของเขาสามารถทำให้กระบี่ล้านล้านเล่มพุ่งสังหารออกไป ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้จริงที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม ต้องหัวหลุดจากบ่าในพริบตาเดียว

“ทรงพลังยิ่งนัก…” ผู้คนที่รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่น่ากลัวของเทพสงครามจินเปี้ยนแล้วทำให้ต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง และร่างสั่นเทาขึ้นมา

ฟ่าวว…เสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีที่เทพสงครามจินเปี้ยนได้ดึงกระบี่ปราชญ์ขึ้นมานั้น บาตรหมื่นอรหันต์ตวัดทีหนึ่ง จัดการดูดเอาลาวาหยดสุดท้ายเข้าไปภายในบาตร

เวลานี้ ทะเลเพลิงได้หายไปแล้ว ลาวาทั้งหมดล้วนถูกดูดไปจนสิ้น ครั้นลาวาทั้งหมดหายไปแล้วปรากฎผืนแผ่นดินขึ้นมา โดยเป็นผืนแผ่นดินที่ไหม้เกรียมทั้งผืน

ในเวลานี้ ฟ้าดินตรงหน้าปราศจากพลังที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ด้วยความเร็วสูงอีกแล้ว และไม่ได้มีลาวาที่แผดเผา รวมทั้งไฟสมาธิที่สามารถเผาผลาญทุกสิ่งได้ก็ถูกดูดไปตามลาวานั่น ทั่วแผ่นดินเรียกว่าสะอาดหมดจด ยกเว้นลักษณะพื้นดินที่ดำไหม้เกรียมแล้วก็ปราศจากสิ่งอื่นใดอีกเลย

หลังจากที่บาตรหมื่นอรหันต์ในมือของหมิงหวังฝอได้ดูดเอาลาวาไปจนหมดแล้ว ทำให้บาตรในมือดูมีประกายที่เจิดจ้ามากยิ่งขึ้น นาทีนี้บาตรหมื่นอรหันต์เหมือนเปี่ยมด้วยพลังอย่างนั้น เหมือนเป็นภูเขาไฟที่พร้อมจะปะทุขึ้นมา ทั้งยังเป็นภูเขาไฟระดับพิเศษ เมื่อใดที่มันปะทุระเบิดขึ้นมา สามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งโลก

ดังนั้น เมื่อหมิงหวังฝอถือบาตรหมื่นอรหันต์ใบนี้อยู่ในมือ ทุกคนล้วนแล้วแต่สามารถรับรู้ได้ถึงพลังที่รุนแรงสายนั้นที่อยู่ภายในบาตรหมื่นอรหันต์ เหมือนว่ามีจอมมารลาวาที่คำรามไม่หยุดอยู่ภายใน กระทั่งอาจทำลายบาตรออกมา และลาวาที่ไม่ขาดสายก็จะปกคลุมไปทั่วโลกในพริบตาเดียวอย่างนั้น

เวลานี้ ในมือของเทพสงครามจินเปี้ยนถือกระบี่ปราชญ์ มือทั้งสองของหมิงหวังฝอถือบาตรหมื่นอรหันต์ โลกทั้งโลกพลันสงบเงียบขึ้นทันที

ขณะที่พลังเช่นนี้ทั้งสองสายที่เดี๋ยวเลือนรางเดี๋ยวชัดเจนท่ามกลางฟ้าดินแห่งนี้นั้น ทำให้ในใจของผู้คนถึงกับสั่นเทาทีหนึ่ง เนื่องจากพลังทั้งสองสายดังกล่าวทรงพลังยิ่งเหลือเกิน หากไม่ระวังแม้เพียงนิดเดียว อานุภาพที่ระเบิดขึ้นมาสามารถทำลายล้างโลกได้ทั้งโลก

“นี่ นี่มันฝืนลิขิตสวรรค์มากเกินไปแล้วกระมัง อย่างนี้ก็ได้ด้วย ไม่เพียงได้ครอบครองกระบี่ปราชญ์ แม้แต่ทะเลเพลิงก็ดูดเอาไปได้ทั้งหมด การกระทำที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้มีผู้ใดบ้างสามารถทำได้” ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยรู้สึกใจหายใจคว่ำ ขณะมองดูผืนแผ่นดินที่ดำไหม้เกรียม

“ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า หมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนสองคนนี้ได้บรรลุถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่อยู่ภายในได้แล้ว” ระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้หนึ่งมองออกถึงความนัยอะไรบางอย่าง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “การที่กระบี่ปราชญ์ถูกตรึงเอาไว้ที่ตรงนี้ เพื่อต้องการสยบไฟชั่วร้าย ถ้าหากไฟชั่วร้ายยังคงอยู่ วิถีกระบี่ที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ปราชญ์ก็จะยังคงอยู่ไม่เสื่อมสลายชั่วนิรันดร์ ไม่มีผู้ใดสามารถสั่นคลอนต่อพลังสยบนี้ได้…” ทุกคนต่างรู้สึกว่ามีเหตุผลเมื่อได้ฟังคำจากระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้นี้ ลองจินตนาการดู พลังจากปราชญ์กระบี่ที่เป็นระดับปฐมบรรพบุรุษชั้นแดนลัทธิเซียน ใครเล่าสามารถสั่นคลอนต่อมันได้?

“แต่ว่า หากจัดการดูดเอาไฟชั่วร้ายตรงนี้ไป เช่นนั้นแล้ว วิถีกระบี่ที่เกิดจากการร่ายรำกระบี่ที่ยังคงอยู่ของปราชญ์กระบี่ก็จะเก็บงำ” ระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้นี้เอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “ดังนั้น เทพสงครามจินเปี้ยนและหมิงหวังฝอลงมือพร้อมกัน จังหวะที่กำลังดูดเอาไฟชั่วร้ายไปนั้น ขณะเดียวกันก็ดึงเอากระบี่ปราชญ์ขึ้นมา ช่วงจังหวะนี้จะเป็นช่วงที่พลังของไฟชั่วร้ายและกระบี่ปราชญ์หักล้างกันเองได้ดีที่สุด เรียกได้ว่ายิงกระสุนนัดเดียวได้นกสองตัว”

“สิ่งนี้นับว่าเป็นการโชคดีที่กระบี่ปราชญ์ถูกตรึงและสยบอยู่ที่ตรงนี้นานเกินไป และทำลายพลังที่แข็งแกร่งมากที่สุดของไฟชั่วร้ายไป ซึ่งก็ทำให้การดูดเอาไฟชั่วร้ายของหมิงหวังฝอดูจะง่ายขึ้นมากทีเดียว” ระดับคงความอมตะตลอดกาลผู้นี้ทอดถอนใจขึ้นมาและกล่าวว่า “แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ตาม หมิงหวังฝอ และเทพสงครามจินเปี้ยนก็ยังคงมีความแข็งแกร่งยิ่งนัก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น แม้จะเป็นราชันแท้จริงเช่นเดียวกัน เกรงว่ายากที่จะทำได้สำเร็จ”

“นั่นสิ แข็งแกร่งมากเหลือเกิน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพสงครามจินเปี้ยนที่มีกระบี่ปราชญ์ในมือ และหมิงหวังฝอที่มีบาตรหมื่นอรหันต์ในมือ ได้ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกว่า พลังของพวกเขาในเวลานี้ได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดไปแล้ว ในเวลานี้เป็นช่วงจังหวะท่วงท่าของพวกเขาแข็งแกร่งมากที่สุด เมื่อใดที่พวกเขาลงมือ ก็จะสามารถสำแดงกำลังความสามารถที่เหนือกว่าปรกติได้

“ดูท่า นัดหมายสิบวัน พวกของหมิงหวังฝอจะชนะใสๆ” มียอดฝีมืออดที่จะซุบซิบขึ้นเมื่อมองเห็นภาพตรงหน้าแล้ว

“เป็นเช่นนี้จริง มีท่าทีปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้าเมื่อมีกระบี่ปราชญ์ในมือ” ในเวลานี้ ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ทยอยกันเปลี่ยนความคิด ต่างรู้สึกว่าโอกาสที่พวกของเทพสงครามจินเปี้ยนจะเป็นฝ่ายชนะนั้นมีสูงมาก

ก่อนหน้านี้ ผู้ที่ลงขันพนันว่าหลี่ชิเย่จะเป็นฝ่ายชนะมีจำนวนมากกว่าหมิงหวังฝอ แต่ว่า เมื่อพัฒนามาจนถึงขั้นนี้แล้ว ผู้คนจำนวนไม่น้อยได้เริ่มเปลี่ยนแปลงความคิดของตน ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน จำนวนไม่น้อยที่เดิมมั่นใจเต็มเปี่ยมในตัวของหลี่ชิเย่ อดที่จะหวั่นไหวขึ้นมาแล้วในเวลานี้

“วันนัดหมายสิบวัน ฆ่าไม่มีละเว้น…” เวลานี้ เสียงของเทพสงครามจินเปี้ยนสะท้อนก้องระหว่างฟ้าดิน และเสียงของเขาเสมือนดั่งเป็นเสียงของโลหะที่กระทบกัน เปี่ยมด้วยการฆ่าฟัน ฆ่าจนสิ้นซากไร้ซึ่งความปราณี ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนต้องสั่นเทาเมื่อได้ยินแล้ว

“ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นศัตรูกับตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยน ไม่ว่าจะมีชาติกำเนิดมาจากสำนักใด สิ่งจัดตั้งเพื่อการสืบทอดใดๆ ฆ่าไม่มีละเว้น…” เวลานี้น้ำเสียงของเทพสงครามจินเปี้ยนเยือกเย็น ขณะที่เขาพูดขาดคำ ได้ยินเสียงแว้งค์ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง

พริบตาเดียวนั่นเอง ร่างกายสูงใหญ่ที่เป็นโลหะของเทพสงครามจินเปี้ยนพลันแยกออกเป็นชิ้นๆ โดยร่างกายสูงใหญ่ที่เป็นโลหะพลันกลับกลายเป็นผงสีทองจำนวนนับไม่ถ้วน และผงสีทองเวลานี้คล้ายเป็นสายลมสายหนึ่งที่พัดพาไป และกระจัดกระจายไปตามทุกซอกทุกมุมของฟ้าดินแห่งนี้

อ๊ากก…อ๊ากก…อ๊ากก…ตามติดมาด้วยเสียงร้องแหลมที่น่าเวทนาดังก้องฟ้าดิน และสะท้อนระหว่างฟ้าดิน นาทีนี้ ณ สถานที่จำนวนมากบนพื้นที่แห่งนี้ปรากฎเลือดสดๆ ที่พุ่งกระจาย ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนล้มตายลงคนแล้วคนเล่า ร่างกายของพวกเขาถูกผงทองคำที่กวาดผ่านไป พลันเหมือนถูกธนูศักดิ์สิทธิ์นับพันนับหมื่นยิงทะลุร่างจนเลือดสดๆ แตกกระจายในทันที

ภายในระยะเวลาอันสั้น ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับร้อยนับพันได้ถูกเข่นฆ่าล้มตายจมกองเลือด ขณะที่ผงทองคำกวาดผ่านไปนั้น ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนเท่าไรที่พวกเขาไม่มีโอกาสแม้แต่ขัดขืน ถูกสังหารไปทันทีในลักษณะเช่นนี้

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง เมื่อได้ยินเสียงร้องน่าเวทนาที่ดังขึ้น

“เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถง…” ในเวลานี้มีระดับบรรพบุรุษที่ได้สติกลับมา และกล่าวด้วยความใจหายใจคว่ำว่า “เทพสงครามจินเปี้ยนกำลังเข่นฆ่าศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงทั้งหมดที่อยู่ตรงนี้!”

“เข่นฆ่าระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถง…” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงเมื่อได้ยินคำพูดคำนี้ ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงเป็นระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิที่แข็งแกร่งยิ่งแห่งหนึ่งของแดนลัทธิเซียน มีสำนักที่อยู่ในสังกัดนับพันนับหมื่น และศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงที่มายังลูกอุกกาบาตยักษ์ลูกนี้ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม บรรดาศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงที่กระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ บนลูกอุกกาบาตกลับถูกเทพสงครามจินเปี้ยนสังหารจนไม่มีเหลือภายในพริบตาเดียว ช่างเป็นเรื่องที่สยองขวัญอะไรอย่างนั้น เป็นวิธีการทีทระนงไร้ซึ่งความปราณีอะไรอย่างนั้น

“มาคราวนี้ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิสองแห่งต้องเปิดศึกกันแล้ว…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยจ้องมองตากันและกัน รู้แล้วว่าจะมีเรื่องเช่นใดเกิดขึ้นแล้ว

เวลานี้ผู้คนใต้หล้าล้วนทราบดีว่า เด็กมหัศจรรย์สามตาของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงได้แย่งชิงราชันแท้จริงหลิงซินซึ่งเป็นคู่หมั้นของเทพสงครามจินเปี้ยน เวลานี้เทพสงครามจินเปี้ยนเริ่มทำการเช่นฆ่าเป็นการใหญ่ต่อศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถง

ย่อมไม่ต้องสงสัย เทพสงครามจินเปี้ยนไม่อาจกล้ำกลืนความอัปยศนี้ได้ จะให้ผู้คนใต้หล้าได้รู้ว่า มันผู้ใดกล้าแย่งผู้หญิงกับเขา ก็เตรียมตัวถูกฆ่าล้างสำนักก็แล้วกัน

“ศิษย์ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงผู้น่าสงสาร” มีผู้ที่พึมพำขึ้นมา

แม้ว่าสายของเด็กมหัศจรรย์สามตาจะเป็นผู้ปกครองระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถง แต่ว่า ในระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงมีสำนักอยู่ภายใต้สังกัดอยู่เป็นหมื่นพัน เวลานี้ผู้ที่ถูกสังหารล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงทั้งหมด ในจำนวนนั้นมีผู้ที่ต่างสำนักกับเด็กมหัศจรรย์สามตาเป็นจำนวนมาก ดันต้องมาพลอยรับเคราะห์กรรมเช่นนี้

“ระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงต้องล่มสลาย…” เวลานี้เทพสงครามจินเปี้ยนได้ปรากฎตัวขึ้นที่ตรงนั้นอีกครั้ง มองเห็นผงทองคำนับไม่ถ้วนที่ม้วนตัวเข้ามา และก่อเกิดเป็นร่างกายโลหะที่สูงใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง

เขายืนท่าทางเย็นชาอยู่ตรงนั้น เลือดสดๆ ไหลหยดลงจากฝ่ามือของเขา โดยเลือดสดๆ ได้ไหลหยดลงมาจากท่อนแขนของเขาทีละหยดๆ เทพสงครามจินเปี้ยนได้เลียเลือดที่อยู่บนฝ่ามือเบาๆ แววตาดูน่าครั่นคร้าม เข่นฆ่าไร้ความปราณี ประกายกระหายเลือดทำให้ผู้คนตัวสั่นดั่งลูกนก

“หลังจากนี้สิบวัน จะควักหัวใจของเด็กมหัศจรรย์สามตาออกมาให้ได้!” แววตาที่กระหายเลือดของเทพสงครามจินเปี้ยนทำให้ผู้คนตัวสั่นดั่งลูกนก

ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมีร่างที่สั่งเทา เมื่อมองเห็นท่าทางเช่นนั้นของเทพสงครามจินเปี้ยน

ชื่อเสียงด้านชื่นชอบสงครามกระหายเข่นฆ่าเป็นที่สะเทือนเลื่อนลั่นมาช้านานแล้ว แต่ว่า เมื่อได้มองเห็นแววตาที่กระหายเลือดของเทพสงครามจินเปี้ยนจริงๆ แล้ว ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ขาทั้งสองข้างสั่นเทา ในเวลานี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเทพสงครามจินเปี้ยนที่อยู่ตรงหน้าหาใช่เทพสงคราม เหมือนสัตว์ร้ายที่กระหายเลือดบ้าคลั่งตัวหนึ่งมากกว่า ทารุณโหดร้ายปราศจากผู้เทียบเทียม

“สมดังคำร่ำลือจริงๆ” มีผู้พึมพำขึ้นมาและร่างสั่นเทาทีหนึ่ง

ผู้คนใต้หล้าจำนวนมากในยุคปัจจุบันต่างรู้ดีว่า อย่าได้เป็นศัตรูกับเทพสงครามจินเปี้ยนง่ายดาย เนื่องจากเมื่อใดที่เป็นศัตรูกับเขาแล้ว เขาก็จะทำการเข่นฆ่าครั้งใหญ่ กระทั่งจัดการสังหารนิกายของศัตรูจนหมดสิ้นไม่เหลือหลอ

ดังนั้น ในแดนลัทธิเซียนจึงมีผู้กล่าวเอาไว้ว่า เพียงเทพสงครามจินเปี้ยนกวาดผ่านไป ต้องเลือดไหลนองเป็นธารแน่นอน กระดูกกองสุมดั่งภูเขา

“ฟ้าจะเปลี่ยนแล้ว” ระดับบรรพบุรุษพึมพำขึ้นมาว่า “ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนต้องเกิดศึกสงครามกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงแน่นอน”

ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ใครๆ ในแดนลัทธิเซียนต่างรู้ดีว่า ระหว่างระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิทั้งสองจะไม่ทำสงครามกันอย่างง่ายดาย เนื่องจากเมื่อมีการเริ่มต้น ต้องกลายเป็นไฟสงครามที่ต่อเนื่อง กระทั่งรบกันนานนับหลายพันปี เมื่อถึงเวลานั้น อาณาประชาราษฎร์จะล้มตายเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง

เวลานี้เทพสงครามจินเปี้ยนกลับเปิดศึกกับระบบถ่ายทอดทางความคิดด้านลัทธิเทียนถงแล้ว ซึ่งจะเกิดไฟสงครามขึ้นมาอีกครั้ง!

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด