Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3065 เพียงดีดด้วยปลายนิ้ว

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3065 เพียงดีดด้วยปลายนิ้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3065 เพียงดีดด้วยปลายนิ้ว

หลังจากกองทัพนับหมื่นนับพันได้ล่าถอยไปแล้ว หลี่ชิเย่ที่ยืนเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอยู่ตรงนั้น กวาดสายตามองไปด้วยท่าทีสบายๆ และสายตาของเขาก็แค่แวบผ่านตัวของทหารนับหมื่นนับพันเท่านั้น

“แค่สังหารเป็นล้านเท่านั้น ใยต้องยุ่งยากอะไรขนาดนั้น” หลี่ชิเย่หัวเราะยื่นฝ่ามือออกไปและกล่าวว่า “แค่มือข้างเดียวก็เพียงพอแล้ว”

เมื่อกองทัพนับล้านของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนถึงเพียงนี้ รู้สึกอึดอัดเต็มไปด้วยเพลิงความโกรธสุมเต็มอก ตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนของพวกเขาเกรียงไกรไปทั่วหล้า สยบเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน โดยเฉพาะภายใต้การนำของเทพสงครามจินเปี้ยน พวกเขายิ่งไร้เทียมทานเลือดชโลมทั่วหล้า

กล่าวได้ว่า หลายปีที่ผ่านมามีสำนักมากมายเท่าไรที่พังทลายภายใต้กองทัพของพวกเขา แผ่นดินที่ถูกพวกเขาเข่นฆ่าสังหารจนเลือดไหลเป็นธารมีจำนวนนับไม่ถ้วน กล่าวได้ว่า หลายปีที่ผ่านมามียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตน สำนักเจ้าลัทธิจำนวนเท่าไรที่ขวัญหนีดีฝ่อเมื่อได้ยินชื่อตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนของพวกเขา

มาวันนี้ ดันถูกหลี่ชิเย่ดูแคลนเช่นนี้ซะงั้น ทั้งยังยื่นฝ่ามือออกมาเพียงข้างเดียวก็สามารถกวาดล้างพวกเขาได้ สามารถเข่นฆ่ากองทัพนับล้านของพวกเขาได้ การดูแคลนลักษณะเช่นนี้พลันทำให้รู้สึกอึดอัดเต็มไปด้วยเพลิงความโกรธที่สุมเต็มอก พวกเขาแทบอยากจะบุกเข้าไปสู้กับหลี่ชิเย่ให้ตายไปข้างหนึ่งให้รู้แล้วรู้รอดไป ให้เขาได้รู้จักอานุภาพผู้กล้าที่เป็นกองทัพนับล้านของพวกเขา

“กองทัพตำหนักศักดิ์สิทธิ์ เลือดชโลมทั่วหล้า ไม่ตายไม่เลิกรา!” เวลานี้กองทัพนับล้านของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนทนไม่ได้จนต้องร้องเสียงดังขึ้นมา ได้ยินเสียงตึงดังขึ้นพร้อมเพรียงกัน มองเห็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และทวนยาวของกองทัพนับล้านล้วนชี้ไปยังหลี่ชิเย่ กลิ่นอายการฆ่าฟันตลบอบอวล

มองเห็นกองทัพที่มีทหารเป็นล้านของตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนที่พาลและดุร้ายเช่นนี้ แม้จะรู้อยู่แล้วว่ามีความแข็งแกร่งปราศจากผู้เทียบเทียมแล้ว ยังคงมุทะลุดุดันเช่นนี้ ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง และทำให้ผู้คนอดที่จะยกนิ้วโป้งให้

กระทั่งมีคนทอดถอนใจเบาๆ และกล่าวว่า “มีแม่ทัพอย่างไรย่อมมีกองทัพเช่นนั้น มิน่าเล่าหลายปีที่ผ่านมาตำหนักศักดิ์สิทธิ์จินเปี้ยนภายใต้การนำพาของเทพสงครามจินเปี้ยนแล้วเรียกได้ว่าเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน”

ไม่ว่าเทพสงครามจินเปี้ยนจะเป็นคนเช่นใดก็ตาม จะบอกว่าเขาชื่นชอบสงครามก็ดี หรือจะบอกว่าเขากระหายเลือดก็ช่าง เขาเป็นคนที่พาลและชอบใช้ความรุนแรงคนหนึ่งโดยแท้จริง มีกลิ่นอายของความองอาจห้าวหาญ ชำนาญเรื่องการรบสายหนึ่ง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งเพียงใด ยังคงกล้าที่จะสู้จนถึงที่สุด จะไม่ถอยและไม่เกรงกลัวอะไร

“ดี ดีมาก” หลี่ชิเย่หัวเราะและปรบมือ หัวเราะและกล่าวว่า “มีโอกาสอยู่แล้ว แต่ว่า ถึงเวลานั้นแล้วหาใช่พวกเจ้าเลือดล้างทั่วหล้า ทว่าเป็นข้าที่เลือดล้างพวกเจ้า”

“ดี…” เทพสงครามจินเปี้ยนร้องเสียงดังขึ้นมาคำหนึ่ง ร้องเสียงทุ้มต่ำว่า “ข้ากลับจะของคำชี้แนะเจ้าสักหน่อย!”

ได้ยินเสียงตึง ตึง ตึงดังขึ้นมาไม่ขาดสาย นาทีนี้ ชุดเกราะปฐมบรรพบุรุษได้ปิดทับลงบนตัวของเทพสงครามจินเปี้ยนอีกครั้ง

เสียงปัง…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง มองเห็นเทพสงครามจินเปี้ยนก้าวเท้าก้าวหนึ่งและเหินฟ้าขึ้นไป ในมือถือทวนยาว คำรามเสียงฮือออคำหนึ่ง ร่างของเขาพร้อมหนึ่งทวนบุกเข้าโจมตีหลี่ชิเย่โดยตรง

แม้ว่าเทพสงครามจินเปี้ยนจะมีร่างกายโลหะที่สูงใหญ่ แต่ว่าขณะที่ร่างกายของเขาเคลื่อนที่ไปพร้อมกับทวนในมือนั้น ร่างกายของเขาเสมือนดั่งสายฟ้าแลบเข้าโจมตีถึงตัวอย่างรวดเร็วยิ่ง หนึ่งทวนสุริยันจันทราร่วงหล่น หนึ่งทวนพลันพุ่งแทงใส่บริเวณลำคอของหลี่ชิเย่

กระบวนท่าสังหารเด็ดขาด! เรียกได้ว่าหนึ่งทวนนั้นไร้ร่างไร้เงา ด้วยความเร็วที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียม ไม่ว่าจะเป็นระดับเทพแท้จริงเช่นใด ปราศจากผู้ต่อกรอย่างไร ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้พ้น

ทุกคนต่างรู้สึกเย็นวาบบริเวณลำคอของตน พริบตาเดียวกับหนึ่งทวนที่ทิ่มแทงเข้ามา กระทั่งมีผู้ที่ปรากฎเลือดที่ซึมออกมาจากบริเวณคอ เหมือนว่าปณิธานทวนได้แทงทะลุลำคอของทุกคนโดยพลันในพริบตาเดียวนั้นเอง มีผู้รู้สึกเจ็บจนคิดจะร้องออกมา แต่ว่า ดันร้องไม่ออกซะงั้น

หนึ่งทวนเย็นวาบไปทั้งกองทัพ ช่างเป็นหนึ่งทวนที่น่ากลัวอะไรอย่างนั้น มันคือหนึ่งทวนที่ปลิดชีพ

จังหวะที่หนึ่งทวนแทงไปถึงลำคอในพริบตาเดียวนั้น เห็นเพียงประกายที่เบ่งบานขึ้นมา หลี่ชิเย่เพียงงอนิ้วมือแล้วดีดออกไปเท่านั้น พริบตาเดียวขณะที่งอนิ้วและดีดออกไป บริเวณปลายนิ่วเสมือนดั่งมีดวงดาวจำนวนหมื่นพันที่ระเบิดขึ้นโดยพลันอย่างนั้น ประดุจดั่งเป็นจักรวาลนับล้านที่ระเบิดขึ้นในนาทีนี้ ประกายแสงที่เกิดจากการะเบิดได้ส่องสว่างทั่วฟ้าดินทันที

เสียงปัง…ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง พริบตาเดียวกับนัยน์ตาทั้งหมดถูกแสงสว่างจ้าจนลืมตาไม่ขึ้น หนึ่งนิ้วของหลี่ชิเย่ได้ดีดใส่ปลายทวนของเทพสงครามจินเปี้ยน

ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น ทวนยาวเล่มนั้นพลันแตกละเอียดไปทั้งเล่ม กลายเป็นเศษชิ้นส่วนมากมายที่แตกกระจายออกไป ขณะที่เทพสงครามจินเปี้ยนถูกดีดจนลอยไปไกลมาก สุดท้ายได้ยินเสียงปังดังขึ้นเสียงหนึ่ง พุ่งชนเข้ากับภูเขาขนาดยักษ์ลูกหนึ่งจนภูเขาดังกล่าวแตกเอียดไปทันที

ทุกคนอ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้แล้ว แค่ดีดนิ้วทีหนึ่งก็สามารถดีดเอาเทพสงครามจินเปี้ยนจนกระเด็นไป นี่มันออกจะน่ากลัว และเหลือเชื่อเกินไปแล้ว มันไม่สามารถหาคำใดๆ มาเปรียบเปรยได้อยู่แล้วกับภาพที่น่าสยองขวัญเช่นนี้

สมควรทราบว่า เทพสงครามจินเปี้ยนนั้นคือราชันแท้จริงสิบสองลัคนาคนหนึ่ง หนึ่งในราชันแท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค กลับไม่สามารถต้านรับกับหนึ่งนิ้วของหลี่ชิเย่ พูดออกไปคงไม่มีใครเชื่อ ทุกคนก็จะคิดว่านี่เป็นเรื่องพันหนึ่งราตรี มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ทว่า เรื่องที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นั้น ดันเกิดขึ้นตรงหน้าของทุกคนซะงั้น

ในขณะนี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อ้าปากกว้างมาก และไม่สามารถพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน เมื่อได้เห็นภาพที่น่าสะเทือนหวั่นไหวภาพนี้

“นี่ นี่กำลังอยู่ในความฝันรึ?” ระดับผู้อาวุโสคนหนึ่งอดที่จะขยี้ตาตัวเองไม่ได้ เพราะไม่เชื่อในสายตาของตนเอง และกล่าวว่า “ข้า ข้า ข้าตาลายใช่หรือไม่”

แต่ไม่ว่าเขาจะขยี้ตาตัวเองอย่างใดก็ตาม ทุกสิ่งล้วนเป็นความจริง

เป็นความจริงที่หลี่ชิเย่ได้อาศัยนิ้วเดียวดีดเทพสงครามจินเปี้ยนจนกระเด็นออกไป

มันคือภาพที่ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออกกับภาพลักษณะเช่นนี้ แม้แต่ราชันแท้จริงสิบสองลัคนายังถูกดีดจนกระเด็นออกไปด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว เช่นนั้นแล้ว พวกเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมือคงไม่มีสิทธิ์กระทั่งเป็นมดปลวก เมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่

“มัน มันคุยโวได้ขนาดนี้เลยรึ?” แม้แต่ระดับบรรพบุรุษจำนวนมากก็รู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ เรื่องเช่นนี้เสมือนดั่งเป็นเรื่องเพ้อฝันอย่างนั้น ราชันแท้จริงสิบสองลัคนาถูกดีดจนกระเด็นออกไปเช่นนี้ ยังจะมีเรื่องราวที่เหลือเชื่อมากกว่านี้บนโลกอีกรึ? ผู้ที่ดำรงอยู่ในฐานะเช่นราชันหญิงจื่อหลงถึงกับอึดอัดจนหายใจไม่ออก สำหรับกองทัพสัตว์เทพเทียนหรง เช่น อริยะเทียนหลงเป็นต้น พวกเขาพลันมีเหงื่อเย็นโทรมกาย ถ้าหากวันนั้นไม่ได้ราชันหญิงจื่อหลงห้ามปรามพวกเขาเอาไว้ล่ะก็ พวกเขามิใช่ต้องถูกหลี่ชิเย่บดขยี้เหมือนดั่งมดปลวกเช่นกัน เกรงว่ากองทัพทั้งกองทัพของพวกเขาคงทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่

“ไม่ใช่คุยโว คือแข็งแกร่ง คือไร้เทียมทาน” บรรพบุรุษรุ่นบุกเบิกผู้มีกำลังความสามารถระดับคงความอมตะตลอดกาลขั้นสูงสุดผู้หนึ่งได้มองออกถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยม และกล่าวว่า “อย่าไปมองว่านั่นเป็นเพียงการดีดนิ้วเบาๆ ของเขาเท่านั้น แต่ว่า นั่นกลับเป็นความลึกซึ้งยอดเยี่ยมสูงสุดของช่องว่าง ระหว่างนิ้วมือของเขามีพลังของโลกทั้งโลก แม้แต่บริเวณส่วนปลายสุดของนิ้วมือเล็กๆ ของเขา ก็มีพลังช่องว่างที่ไม่มีขอบเขตสิ้นสุดแล้ว”

“พลังจากปลายนิ้วมือเล็กๆ เช่นนี้ ไม่ทราบว่าน่าสยองขวัญกว่ากี่ล้านล้านเท่าเมื่อเทียบกับการโจมตีอย่างสุดกำลังของพวกท่าน” บรรพบุรุษรุ่นบุกเบิกผู้นี้อดที่จะเสียวสันหลังวาบไม่ได้

เสียงช่าา…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในเวลานี้เอง เศษหินปลิวกระจาย มองเห็นเทพสงครามจินเปี้ยนที่สวมใส่ชุดเกราะปฐมบรรพบุรุษได้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ไปยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงอีกครั้ง แม้ว่าเทพสงครามจินเปี้ยนไม่ได้ถูกสังหาร แต่ว่า ท่าทางของเขานับว่ากระเซอะกระเซิงอย่างยิ่ง

จะอย่างไรเสียกล่าวสำหรับตัวเขาที่เป็นราชันแท้จริงสิบสองลัคนาคนหนึ่งแล้ว การที่ถูกผู้อื่นดีดจนกระเด็นไปด้วยนิ้วเพียงนิ้งเดียวนั้น มันคือการพ่ายแพ้อย่างยับเยินแล้ว

การเหินฟ้าขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้าสูงอีกครั้งของเทพสงครามจินเปี้ยนในครั้งนี้ พลันเปลี่ยนเป็นมีท่าทีที่หนักแน่นจริงจังอย่างยิ่ง ไม่กล้าลงมือโดยพลการอีกต่อไป และเมื่อครู่เขาก็แค่ต้องการหยั่งเชิงต่อหลี่ชิเย่เท่านั้นเอง คิดจะหยั่งเชิงดูว่าหลี่ชิเย่นั้นแข็งแกร่งเพียงใด แต่ทว่า แค่การหยั่งเชิงเล็กๆ กลับทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ยับเยิน

“ใจร้อนไปใยเล่า ขอเพียงข้าจริงจังสักนิด สามารถส่งเจ้าเดินทางได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องรีบ บนเส้นทางสู่ปรโลกนั้นไม่เหงาเลย” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหย

สิ่งที่ระดับบรรพบุรุษรุ่นบุกเบิกพูดมาเมื่อครู่ก็ถูก การที่หลี่ชิเย่งอนิ้วแล้วดีดไปทีหนึ่งนั้น แม้ว่ามองดูมันง่ายๆ สบายๆ แต่ความลึกซึ้งยอดเยี่ยมนิ้วนี้ของเขานั้นมาจากตำราสวรรค์นพเก้า

มาคราวนี้เทพสงครามจินเปี้ยนกลับกลายเป็นระงับอารมณ์ได้มากทีเดียว เมื่อผ่านการพ่ายแพ้อย่างยับเยินมา แต่ว่า เขายังคงมีกลิ่นอายการฆ่าที่รุนแรง

“โอกาสหาได้ยากนัก ความตายก็เป็นเรื่องที่จริงจังมากเรื่องหนึ่ง” หลี่ชิเย่ยิ้มอย่างผู้มีความรู้ลุ่มลึกและมีบุคลิกที่สง่างาม กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ถือโอกาสก่อนตาย มีคำสั่งเสียอะไร หรือมีเรื่องใดที่ยังไม่แล้วเสร็จและต้องการจะสั่งการ ก็สั่งการให้เต็มที่เสีย”

เวลานี้หลี่ชิเย่ช่างอิสระเสรี ช่างมีความรู้ลุ่มลึกและมีบุคลิกที่สง่างามอะไรอย่างนั้น กระทั่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดถึงบัณฑิตที่อ่อนแออย่างหนึ่ง มีใครเล่าที่สามารถจินตนาการได้เล่า เวลานี้หลี่ชิเย่ที่มองดูลุ่มลึกและมีบุคลิกที่สง่างามนั้น เมื่อครู่นี่เองถึงกับอาศัยเพียงนิ้วเดียวดีดราชันแท้จริงสิบสองลัคนาจนกระเด็นได้เล่า

ภาพลวงตาลักษณะเช่นนี้ช่างยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมเหลือเกิน แต่ว่า ก็ได้ทำให้ผู้คนไมรู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เหมือนว่าไม่ว่าจะเป็นอุปนิสัยประจำตัวเช่นใดที่เกิดขึ้นบนตัวของหลี่ชิเย่ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลทั้งสิ้น

ในเวลานี้ ทุกคนต่างกลั้นหายใจเอาไว้ พวกเขาต่างรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึง

เวลานี้สายตาของหลี่ชิเย่ได้ตกไปอยู่บนตัวของห้าสหายภูผาเมฆ หัวเราะทีหนึ่งและกล่าวว่า “ข้าสามารถให้เวลาพวกเจ้าไปสั่งการคำสั่งเสียได้อย่างเต็มที่”

“เอาศีรษะเจ้ามาเซ่นลูกชายของข้า นี่คือคำสั่งเสียเพียงหนึ่งเดียวของข้า” เทพม้วนเมฆากล่าวด้วยคำพูดที่มีพลังยิ่ง จิตสังหารไม่ดับสูญ

“ถ้าหากเจ้าสังหารไม่ได้ล่ะ?” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “เกรงว่าความหวังเช่นนี้คงต้องล้มเหลวแล้วล่ะ”

“ข้าอยู่มาหลายแสนปีแล้ว ชีวิตนี้นับว่าไม่สูญเปล่า ความตายจะเป็นไรไป!” ท่าทีของเทพม้วนเมฆามั่นคง กล่าวน่าเกรงขามว่า “หากไม่ล้างแค้นให้ลูกชายของข้า แม้ตายก็นอนตายตาไม่หลับ”

“นับเป็นพ่อที่ไม่เลวนักคนหนึ่ง เสียดาย ไร้สมองเกินไป ไม่ได้สั่งสอนลูกของตนให้ดี” หลี่ชิเย่หัวเราะและส่ายหน้า

ท่าทีที่มั่นคงยิ่งของเทพม้วนเมฆาก็ได้ทำให้ผู้คนต้องนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง

ผู้คนใต้ล้าล้วนรู้ว่าเทพม้วนเมฆาได้ลูกชายตอนไม้ใกล้ฝั่ง จึงโปรดปรานเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งส่งผลให้ลูกของเขามีนิสัยยโส และชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ สุดท้ายก็เป็นการทำร้ายเขา

แต่ว่า นับเป็นที่เลื่อมใสของผู้คนจริงๆ สำหรับความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวสายนั้นของเทพม้วนเมฆา แม้รู้อยู่แล้วว่าตนเองนั้นจะต้องตาย ยังคงดื้อรั้นที่จะแก้แค้นให้กับลูกชายของตน

บางทีก็เหมือนเช่นที่ตัวเขาเองได้พูดเอาไว้อย่างนั้น เขามีอายุอยู่มาหลายแสนปีแล้ว ชีวิตนี้ก็ถือว่าไม่เสียเปล่า เวลานี้ปณิธานเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็คือแก้แค้นให้กับลูกชายที่ตายไป ดังนั้น แม้ต้องสู้จนตัวตายเขาก็ไม่เสียดาย

“พ่อที่น่าสงสาร เสียดาย ต้องพ่วงทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปในที่สุด” ผู้คนจำนวนมากต่างเข้าใจว่าผู้ชมมักจะอ่านเกมออก การที่ลูกชายของเทพม้วนเมฆาต้องตายอนาถนั้น ในระดับที่สูงมากเป็นเพราะความโปรดปรานของเทพม้วนเมฆาเอง

………………………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด