Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 3117 พระอาจารย์จินกวง

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 3117 พระอาจารย์จินกวง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3117 พระอาจารย์จินกวง

“อดีตเหมือนควันที่ลอยผ่านไป…” หลี่ชิเย่ทอดถอนใจเบาๆ ทีหนึ่ง สุดท้ายได้กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เรื่องราวมากมาย ข้าก็จำไม่ได้แล้ว เรื่องราวมากมายล้วนทำให้ไม่ต้องการจะไปรำลึกถึงอีกแล้ว”

“หนทางยาวไกลอากาศหนาวเหน็บ สมควรที่คุณชายต้องอุ่นกายเสียบ้าง” จักรพรรดิซีหวงเอ่ยขึ้นช้าๆ “ยิ่งสูงยิ่งหนาว เมื่อคุณชายหลี่หันกลับมองอีกครั้ง จะได้ไม่ลืมคนบางคน เรื่องบางเรื่องไป”

“ที่พูดมาก็ถูก” หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมา และกล่าวว่า “ความงดงามก็ได้หวนรำลึกกันไปแล้ว ได้เวลาสมควรฆ่าฟันแล้วล่ะ”

พลันที่พูดขาดคำ เสียงปังดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง โซ่พันธนาการสายฟ้าทั้งหมดที่จัดการพันธนาการตัวของหลี่ชิเย่เอาไว้แน่นหนาพลันแตกละเอียดไป ในขณะที่ทุกคนยังไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ได้คว้าออกไป จัดการคว้าเอาเท้าขนาดยักษ์ของวัวขุยหนิวไว้แน่นหนาในมือ

วัวขุยหนิวร้องคำรามเสียงหนึ่ง คิดจะดิ้นหลุดออกจากมือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ แต่ว่า ไม่ว่าวัวขุยหนิวจะดิ้นรนอย่างไรก็ตาม มือขนาดใหญ่ของหลี่ชิเย่ยังคงจับเท้าขนาดยักษ์ของมันเอาไว้แน่น

ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติคืนกลับมานั้น เสียฟ้าถล่มแผ่นดินทลายดังปัง ปัง ปัง…ขึ้นมาเป็นระลอก มือข้างเดียวของหลี่ชิเย่ที่จับเท้าขนาดยักษ์นั้นของวัวขุยหนิวได้ฟาดมันกับพื้นดินอย่างแรง

ในเวลานี้เอง ร่างกายขนาดยักษ์ของวัวขุยหนิวถูกหลี่ชิเย่ยกขึ้นมา และฟาดใส่พื้นดินอย่างแรงครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาพื้นดินถูกฟาดใส่จนแตกละเอียด ภายใต้การฟาดอย่างแรงเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีภูเขาจำนวนเท่าไรที่ถูกฟาดจนแหลกละเอียดไป

หลี่ชิเย่ที่ยกเอาตัววัวขุยหนิวขึ้นมา แล้วฟาดใส่พื้นดินเสมือนดั่งฝนฟ้าคะนองที่กระหน่ำอย่างนั้น เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น วัวขุยหนิวถูกฟาดจนเลือดสดๆ ไหลเป็นทาง หายใจรวยริน และส่งเสียงคำรามเบาๆ

นับว่าสร้างความสะเทือนหวั่นไหวต่อจิตใจผู้คนเหลือเกินที่ได้มองเห็นภาพนี้ กายนิมิตวัวขุยหนิวนับเป็นหนึ่งในสัตว์เทพที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า แต่ทว่า เวลานี้กลับถูกหลี่ชิเย่ฟาดจนเลือดไหลหยดเป็นทาง วัวขุยหนิวปราศจากกำลังที่จะขัดขืนได้อยู่แล้ว เมื่อถูกหลี่ชิเย่จับฟาดกับพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า เสมือนดั่งเนื้อบนเขียงที่สุดแท้แต่หลี่ชิเย่จะเชือดเฉือนตามอำเภอใจ

ในขณะนี้ เสียงแตกร้าวดังคร๊ากกกขึ้นมา ในเวลานี้เอง หลี่ชิเย่ได้จัดการฉีกเอาเท้าขนาดยักษ์ที่มีเพียงข้างเดียวของวัวขุยหนิวขาดติดมือมาดื้อๆ เลือดสดๆ พ่นทะลักออกมา เหตุการณ์เป็นไปอย่างโหดร้ายทารุณ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอย่างยิ่ง ทำให้ผู้พบเห็นถึงกับรู้สึกหวาดหวั่นพรั่นพรึงยิ่งนัก กระทั่งทำให้ผู้ที่ใจเสาะตกใจจนอดที่จะสำรอกออกมา

เวลานี้ หลี่ชิเย่จัดการโยนเท้าของวัวขุยหนิวออกไป หัวเราะและกล่าวกับจักรพรรดิซีหวงว่า “ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกับที่เขาปฏิบัติต่อตน”

เสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นเสียงหนึ่ง นาทีนี้เอง สายฟ้าที่เดิมทีวนเวียนอยู่รอบตัวหลี่ชิเย่พลันรวมตัวขึ้นมา นาทีนี้เอง ประกายของสายฟ้าพลันเพิ่มสูงขึ้นมากทีเดียวในทันที

ก่อนหน้านี้ สายฟ้าแลบของวัวขุยหนิวเสมือนดั่งน้ำหลากที่ไหลท่วมหลี่ชิเย่จนจมมิด อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ปริมาณสายฟ้าแลบพลันเพิ่มสูงขึ้นอย่างบ้าคลั่งเป็นพันเท่าหมื่นเท่า และกลับกลายเป็นกระแสไฟที่รุนแรงมากพุ่งโจมตีออกไป

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว กระแสไฟที่พุ่งโจมตีออกไปก็เสมือนหนึ่งน้ำหลากจากเขื่อนมหาสมุทรที่แตกอย่างนั้น พุ่งเข้าหาจักรพรรดิซีหวงอย่างคลุ้มคลั่ง

เสียงตูม ตูม ตูมดังตูมตามขึ้นมาไม่ขาดสาย มองเห็นสายฟ้าแลบที่กลับกลายเป็นน้ำหลากที่น่าสยองขวัญที่สุดพุ่งโจมตีเข้ามา มันสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางอยู่ด้านหน้าจนพังพินาศทั้งหมด

ขณะที่น้ำหลากสายฟ้าแลบพุ่งโจมตีเข้ามานั้น ภูเขาสูงใหญ่แต่ละลูกล้วนถูกพุ่งโจมตีจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียว ผู้คนจำนวนไม่น้อยอดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้นมาด้วยความหวาดผวา เมื่อมองเห็นภาพที่น่าสยองขวัญเช่นนี้

เสียงแตกละเอียดดังคร๊ากกกขึ้นมาขณะที่น้ำหลากสายฟ้าแลบพุ่งโจมตีเข้ามานั้น น้ำหลากสายฟ้าแลบยังไม่ทันถึง พลังพุ่งโจมตีที่น่าสยองขวัญปราศจากผู้ต่อกรก็ได้จัดการพุ่งโจมตีเข้าทำลายรถม้าที่จักรพรรดิซีหวงนั่งมาแหลกละเอียดไป

สมควรทราบว่า รถม้าที่จักรพรรดิซีหวงนั่งมานั้นคือรถประจำตัวของพระอาจารย์จินกวง มันมีระบบป้องกันที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ว่า ภายใต้น้ำหลากสายฟ้าที่สุดยอดปราศจากผู้เทียบเทียมพุ่งโจมตี ระบบป้องกันที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ก็แตกและแยกธาตุ ไม่สามารถต้านพลังพุ่งโจมตีที่น่าสยองขวัญของหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว

เสียงตูม…ดังสนั่นหวั่นไหว น้ำหลากสายฟ้าแลบก็คล้ายดั่งสัตว์น้ำขนาดยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ส่งเสียงคำรามเสียงหนึ่ง แล้วบุกโจมตีเข้าหาจักรพรรดิซีหวง เหมือนต้องการชะล้างจักรพรรดิซีหวงจนหายวับไปกับตาในพริบตาเดียวอย่างนั้น

“แย่แเล้ว จักรพรรดิซีหวงมีอันตราย…” ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างหวาดผวา และมียอดฝีมืออดที่จะร้องเสียงแหลมขึ้น เมื่อมองเห็นน้ำหลากสายฟ้าแลบเสมือนดั่งสัตว์น้ำขนาดยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่พุ่งโจมตีเข้ามา

ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกว่า ด้วยน้ำหลากสายฟ้าแลบที่แข็งแกร่ง และน่าสยองขวัญเช่นนี้ ต่อให้จักรพรรดิซีหวงแข็งแกร่งมากกว่านี้ก็ไม่เห็นจะต้านเอาไว้ได้ กระทั่งมีความเป็นไปได้ที่จะเสียชีวิตภายใต้น้ำหลากสายฟ้าแลบลักษณะเช่นนี้

“คนโหดอันดับหนึ่งดุร้ายมากเหลือเกิน” มองเห็นน้ำหลากสายฟ้าแลบที่พุ่งเข้ามา ต่อให้เป็นสุดยอดหญิงงามอย่างจักรพรรดิซีหวง คนโหดอันดับหนึ่งก็ไม่มีความคิดที่จะยั้งมือ พลันที่เข้าลงมือก็คือสังหารเด็ดขาดด้วยปณิธานที่ทระนงไร้ความปราณี

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรต้องร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่งเมื่อนึกถึงข้อนี้ เป็นความจริงที่คนโหดอันดับหนึ่งนั้นมุทะลุดุดันไร้ความเมตตา และใจแข็ง

เสียงตูม…ดังขึ้นเสียงหนึ่ง จังหวะที่อยู่ในอันตรายชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น ปรากฎประกายสีทองลงมาจากบนท้องฟ้า ประกายสีทองที่เสมือนดั่งน้ำตกสวรรค์ปรากฏขึ้นมากะทันหันพุ่งตรงลงมาด้านล่าง กลายเป็นฉากขนาดยักษ์ที่กั้นขวางอยู่ด้านหน้าของจักรพรรดิซีหวงในพริบตาเดียว

การที่ประกายสีทองลงมาจากท้องฟ้า ภาพเหตุการณ์เช่นนี้อลังการ และงดงามอย่างยิ่ง ขณะที่ประกายสีทองดังกล่าวลงมาจากบนท้องฟ้าถึงพื้นดินนั้น เสมือนหนึ่งมีชีวิต อนุภาคของแสงนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวไปมาดูมีชีวิตชีวายิ่ง เหมือนตกลงพื้นแล้วก็แทงรากลงพื้นโดยพลันอย่างนั้น

เสียงปัง…ดังสนั่นหวั่นไหว ประกายสีทองที่ลงมาจากท้องฟ้าได้ต้านรับกับสายฟ้าแลบที่พุ่งโจมตีเข้ามา เมื่อน้ำหลากสายฟ้าแลบพุ่งโจมตีฉากประกายสีทองยักษ์จนละเอียดนั้น น้ำหลากสายฟ้าแลบก็จางหายตามไปด้วยเช่นกัน

เมื่อน้ำหลากสายฟ้าแลบจางหายไป ฉากประกายทองยักษ์ก็จายหายตามไปด้วย แต่ว่า ประกายสีทองยังคงวูบวับอยู่ จากการที่ประกายสีทองไม่มีสิ้นสุดที่วูบวาบ เหมือนโลกทั้งโลกพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา ประกายทองทุกเม็ดที่วูบวาบอยู่ล้วนเปี่ยมด้วยพลังชีวิตอย่างนั้น

ท่ามกลางประกายสีทองที่วูบวาบปรากฏร่างเงาของคนผู้หนึ่ง ร่างเงาคนดังกล่าวได้ก้าวเดินออกมาจากประกายสีทองอย่างช้าๆ ขณะที่เขาก้าวเดินออกมาจากประกายสีทองนั้น เหมือนเป็นผู้ที่ก้าวเดินลงมาจากโลกที่สูงสุดอย่างนั้น

เสียงตูมดังขึ้นเสียงหนึ่ง ในขณะที่คนผู้นี้ก้าวออกมาจากประกายสีทองนั้น ภายในใจของผู้คนจำนวนเท่าไรปรากฏเสียงดังตูมตามทีหนึ่ง ในเสี้ยววินาทีนี้เอง นาทีนี้ไม่รู้ว่าสัจธรรมของผู้คนจำนวนเท่าไรที่ได้ดังตูมตามขึ้นมา

นาทีนี้เอง ได้ยินเสียงตูม ตูม ตูมที่ดังขึ้น ท่ามกลางเสียงดังตูมตามนี้คือเสียงสัจธรรมของทุกๆ คนที่ร้องประสานร่วมกันขึ้นมา เหมือนว่าภายใต้การร้องประสานนี้ หมื่นสัจธรรมร้องประสานขึ้นมา แลดูอลังการอย่างยิ่ง

ภายใต้เสียงตูมที่ดังสนั่นหวั่นไหว อานุภาพปฐมบรรพบุรุษเสมือนดั่งคลื่นยักษ์ได้สาดซัดเข้ามา ขณะที่อานุภาพปฐมบรรพบุรุษเช่นนี้โหมสาดซัดเข้ามานั้น ได้ขับเมฆดำบนท้องฟ้าจนแตกกระจาย ขับไล่เงาทมิฬบนโลกไปทั้งหมด

ในเวลานี้ เห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง เขาไม่ได้มีรูปร่างกำยำสูงใหญ่ดั่งที่จินตนาการ แต่ว่า ขณะที่เขายืนอยู่ตรงนั้น เงาของเขาที่ทอดยาวไปบนพื้นนั้น พลันทำให้เขากลายเป็นผู้อยู่ในฐานะสูงสุด และร่างเงาของเขาพลันดูสูงใหญ่ขึ้นมาทันที

ทั้งที่เขาไม่ได้สูงใหญ่ดั่งที่จินตนาการ แต่ว่า ในขณะนี้ไม่ว่าใครก็ตามมองว่าร่ากายของเขาสูงเทียมฟ้า เสมือนดั่งเป็นมนุษย์ยักษ์ที่มีฐานะสูงสุดยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่สูงใหญ่เช่นใดก็อดที่จะแหงนหน้าขึ้นมองไม่ได้ เมื่อต้องยืนอยู่ต่อหน้าของเขา

คนผู้นี้ยืนอยู่ตรงนั้น บนตัวปรากฏประกายสีทองวูบวาบ ประกายสีทองทุกๆ สายล้วนดูร่าเริงอะไรอย่างนั้น และเปี่ยมด้วยพลังชีวิต เหมือนว่าตัวของเขาก็คือต้นกำเนิดพลังชีวิตของโลกทั้งโลกอย่างนั้น

“พระอาจารย์จินกวง!” ไม่รุ้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ร้องเสียงหลงขึ้นมาเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้แล้ว

“เป็นพระอาจารย์จินกวง พวกเราได้เห็นพระอาจารย์จินกวงแล้ว” ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกตื่นเต้นเร้าใจอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่ได้

กล่าวสำหรับผู้คนใต้หล้าในแดนลัทธิเซียนแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนรุ่นใหม่แล้ว พระอาจารย์จินกวงก็คือตำนาน คู่ควรให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมดเลื่อมใสศรัทธา เขาคือแบบอย่างของกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั้งหมดในหล้า ไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนรุ่นใหม่จำนวนเท่าไรที่ถือเอาพระอาจารย์จินกวงเป็นความภาคภูมิใจ

ในบรรดาอัจฉริยะบุคคลกลุ่มคนรุ่นใหม่ไม่รู้จำนวนเท่าไรที่อาศัยพระอาจารย์จินกวงเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต

พระอาจารย์จินกวง ถูกต้อง ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือระดับปฐมบรรพบุรุษลัทธิราชัน พระอาจารย์จินกวงนั่นเอง

พระอาจารย์จินกวงยืนอยู่ตรงนั้นแหละ แม้ว่าเขาไม่ได้จงใจปลดปล่อยกลิ่นอายปฐมบรรพบุรุษของตนออกมา แต่ว่า จะอย่างไรเสียเขาก็คือระดับปฐมบรรพบุรุษปราศจากผู้ต่อกรคนหนึ่ง แม้ว่าเพียงแค่กลิ่นอายที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาได้แผ่กระจายออกมาเมื่อใด ก็เสมือนดั่งเป็นคลื่นยักษ์ที่โหมสาดซัดอย่างนั้น เหมือนว่าพร้อมที่จะซัดท้องฟ้าจนละเอียดได้ทุกเมื่ออย่างนั้น

ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่แสดงคารวะต่อพระอาจารย์จินกวงเมื่อเห็นเขายืนอยู่ที่ตรงนั้น และมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่แสดงคารวะสูงสุดต่อพระอาจารย์จินกวง จะอย่างไรเสีย พระอาจารย์จินกวงก็คือผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างของพวกเขา คู่ควรให้พวกเขาต้องแสดงความเคารพสูงสุดเช่นนี้

พระอาจารย์จินกวงนั้นไม่จัดว่าเป็นประเภทหล่อเท่ แต่ว่า โครงร่างบนใบหน้าของเขาดูแล้วหนักแน่นเด็ดเดี่ยวและมีพลัง ภาพรวมดูแล้วเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของดวงตะวัน พอทนดูได้ เปี่ยมด้วยเสน่ห์มากกว่าหนุ่มรูปงามใดๆ ทั้งสิ้น

“ฮูหยินถอยไปก่อน” น้ำเสียงของพระอาจารย์จินกวงนุ่มนวล เปี่ยมด้วยแรงดูงดูด

น้ำเสียงที่มีแรงดึงดูดเช่นนี้ของพระอาจารย์จินกวง ไม่รู้ว่าได้ทำให้แม่นางจำนวนเท่าไรต้องลุ่มหลง ไม่รู้ว่าได้ทำให้แม่นางจำนวนเท่าไรที่ทุ่มเทความรักให้ แน่นอน ย่อมต้องผู้หญิงเฉกเช่นจักรพรรดิซีหวงเท่านั้นที่คู่ควรกับพระอาจารย์จินกวง

“ระวังตัวด้วย ความแข็งแกร่งของคุณชายหลี่ เกรงว่าท่านจะเทียบไม่ได้” จักรพรรดิซีหวงที่ยอดเยี่ยมปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้า งดงามประทับใจพยักหน้าเบาๆ จากนั้นร่างนั้นแวบหายไปทันที

ผู้คนจำนวนเท่าไรต้องอิจฉาเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้ เป็นกิ่งทองใบหยก ประหนึ่งสวรรค์บันดาล เป็นคู่ที่สมบูรณ์แบบ ด้วยสุดยอดคู่สามีภรรยาเช่นนี้ จะไม่ให้ผู้อื่นต้องอิจฉาได้อย่างไรเล่า

เวลานี้ พระอาจารย์จินกวงเดินเข้าไป ประกายตาของเขาล้วนมีประกายสีทองที่ไหลรินอยู่ สายตาของเขาได้ตกไปบนตัวของหลี่ชิเย่

“พี่หลี่ ได้ยินชื่อมานาน วันนี้ได้พบนับว่าเป็นความโชคดีอย่างยิ่ง” พระอาจารย์จินกวงจ้องมองไปที่หลี่ชิเย่ ท่าทีผึ่งผายภูมิฐานสง่าผ่าเผย ไม่ได้มีความเป็นศัตรู

“ข้าเองก็ได้ยินชื่อพระอาจารย์จินกวงมานาน” หลี่ชิเย่ยิ้มบางๆ ทีหนึ่ง

พระอาจารย์จินกวงที่จ้องมองดูหลี่ชิเย่ด้วยท่าทีผึ่งผายภูมิฐานสง่าผ่าเผย เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “ฟังจากปราชญ์อัจฉริยะว่า พี่ท่านปราศจากผู้ต่อกรทั่วหล้า พี่ปราชญ์อัจฉริยะให้การยกย่องพี่ท่านอย่างยิ่ง”

“เจ้าดูจะเหนือกว่าเขา” หลี่ชิเย่ยิ้มๆ ท่าทางตามอารมณ์ยิ่ง และกล่าวว่า “แต่ว่า ปราชญ์อัจฉริยะหลันซูนั้นมีพลังแฝงมาก เพียงแต่มีวิธีการมากไปนิดหนึ่ง”

“พี่ปราชญ์อัจฉริยะคือผู้ที่ข้าให้ความเคารพเลื่อมใสมากที่สุด ใช้ชีวิตอยู่อย่างสมถะกลับสามารถก้าวถึงจุดสูงสุด ความฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกลเช่นนี้ หาใช่สิ่งที่ข้าจะทำได้” พระอาจารย์จินกวงพยักหน้า และเอ่ยชื่นชมคำหนึ่ง

ทุกคนต่างรู้สึกเหนือความคาดคิด เมื่อได้ฟังคำจากพระอาจารย์จินกวง ตลอดเวลาที่ผ่านมาทุกคนต่างเข้าใจว่าพระอาจารย์จินกวงและปราชญ์อัจฉริยะหลันซูเป็นคู่แข่งกัน นึกไม่ถึงว่าพวกเขาถึงกับเป็นสหายกัน!

…………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด