Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล 2652 ถล่มสังหารจนเหลือแต่กาก

Now you are reading Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล Chapter 2652 ถล่มสังหารจนเหลือแต่กาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2652 ถล่มสังหารจนเหลือแต่กาก

ครั้นหลี่ชิเย่ชักเท้าที่ก้าวออกไปก้าวหนึ่งกลับมา เขาก็ได้กลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เคยไปจากที่ตรงนั้นอยู่แล้ว และไม่เคยหลบหลีก

เนื่องเพราะเหตุนี้เอง แม้ว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนรู้สึกได้ว่าหนึ่งกระบี่ที่ปราศจากผู้ต่อกรนี้ได้ฟันใส่ศีรษะของหลี่ชิเย่แล้วแท้ๆ แม้ว่าหนึ่งกระบี่นี้ของเขาได้สัมผัสเส้นผมเส้นหนึ่งของหลี่ชิเย่แล้ว

แต่ทว่า ภายใต้ความเร็วที่เด็ดขาดของหลี่ชิเย่ หนึ่งกระบี่นี้ของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ดูจะช้าเป็นพิเศษ ดังนั้นหลังจากที่หลี่ชิเย่ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่งแล้ว กระบี่นี้คือไร้ผลไม่สามารถสังหารหลี่ชิเย่ได้อยู่แล้ว

แม้ว่าชั่วพริบตาเดียวเมื่อครู่นั้นราชันแท้จริงมู่เจี้ยนมองไม่ออกถึงความลึกซึ้งยอดเยี่ยมที่แท้จริงของก้าวเท้าก้าวนี้ที่ก้าวออกไป แต่ว่าเมื่อเขาได้สติกลับมาในเวลานี้เขาก็เข้าใจถึงความลึกซึ้งของก้าวนี้แล้ว

ในพริบตาเดียวนี้เอง ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนถึงกับมีสีหน้าที่ขาวซีด เนื่องจากนาทีนี้เขาตระหนักได้ขั้นหนึ่งว่า หลี่ชิเย่ได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งเขตของระดับคงความอมตะตลอดกาลไปแล้ว

กำลังความสามารถของหลี่ชิเย่หาใช่พวกเขาสามารถเทียบเคียงได้อยู่แล้ว มีเพียงระดับเทพแท้จริงขั้นอมตะ ชั้นคงความอมตะตลอดกาลที่แท้จริง มีเพียงระดับปฐมบรรพบุรุษเท่านั้นที่นำมาพูดเปรียบเทียบกับหลี่ชิเย่ได้ ที่เหลือนอกเหนือจากนี้ล้วนแล้วแต่ไม่สามารถเทียบเคียงกับเขาได้ กระทั่งกล่าวได้ว่าต่ำกว่านี้แล้วล้วนแล้วแต่เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น

สีหน้าของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเปลี่ยนไปมากทีเดียวเมื่อนึกถึงจุดนี้ ถึงกับหวาดผวาและเสียวสันหลังวาบ แม้จะกล่าวว่าเขาได้หยิบยืมและควบคุมพลังของระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิแล้ว ทั้งยังได้รับการผสานหลอมรวมจากพวกของลู่เคอะเวิง กำลังความสามารถได้เพิ่มสูงขึ้นจนฟถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้อีกแล้ว

แต่ว่า กำลังความสามารถที่เพิ่มขึ้นมากมายยังคงเป็นไปไม่ได้ที่จะทะลุผ่านด่านของคงความเป็นอมตะตลอดกาลไปได้ การจะทะลุผ่านด่านของคงความเป็นอมตะตลอดกาลได้หาใช่สามารถทำได้โดยอาศัยวิชานอกรีต จะต้องอาศัยทักษะยุทธของตนเองจึงสามารถทะลุผ่านได้อย่างแท้จริง

“ควรจบสิ้นได้แล้ว” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และกล่าวว่า “ข้าเองก็ไม่มีกระบวนท่าอะไรที่จะใช้ เอาเป็นว่าใช้หมัดนี้ก็แล้วกัน”

ขาดคำ กำปั้นของหลี่ชิเย่ก็ได้เปล่งประกายขึ้นมาแล้ว

เสียงตูมดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง การสั่นสะเทือนที่แผ่วเบาดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง กำปั้นของหลี่ชิเย่สั่นสะเทือนทีหนึ่ง พลันปรากฏประกายสีทองเจิดจ้า ตามติดด้วยเสียงตูม ตูม ตูมเมื่อกำปั้นของหลี่ชิเย่ได้สั่นสะเทือนด้วยความเร็วที่ปราศจากผู้เทียบเทียม ฉับพลันนั้นกำปั้นของเขาได้สั่นสะเทือนไปแล้วสิบสองครั้ง เป็นการสั่นสะเทือนสิบสองครั้งพร้อมๆ กัน ผู้คนจำนวนมากล้วนแล้วแต่มองเห็นไม่ชัดเจน ที่มองเห็นก็มีเพียงการสั่นสะเทือนครั้งเดียวเท่านั้นเอง

‘หมัดหมื่นสัจธรรมสิบสองผสานเป็นหนึ่ง! ’ หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย ควงหมัดขึ้นและปล่อยหมัดออกไป

ตูม…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ที่ปล่อยออกไป สวรรค์พังครืนลง ผืนแผ่นดินพังพินาศย่อยยับ หนึ่งหมัดที่ซัดเข้าไปนั้น โลกทั้งโลกก็คล้ายพังพินาศย่อยยับอย่างนั้น ภายใต้หนึ่งหมัดทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกซัดจนกลับไปยังกำเนิดเดิม เหมือนเป็นโลกที่แรกเริ่มถือกำเนิดอย่างนั้น ทอดสายตามองออกไปสุดลูกหูลูกตาผู้บำเพ็ญตนมีสภาพเป็นความขมุกขมัว

หมัดหมื่นสัจธรรมสิบสองผสานเป็นหนึ่ง คือสิ่งที่ไร้เทียมทาน! หมัดเดียวก็ไร้เทียมทาน สามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก กาลเวลา ช่องว่าง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกซัดจนกลับไปยังจุดกำเนิดเดิมในพริบตาเดียว

ภายใต้หนึ่งหมัดที่ซัดเข้ามา อาณาประชาราษฎร์นอกจากสั่นเทาแล้วยังคงเป็นสั่นเทา อย่าว่าแต่ต่อต้านเลย ทุกคนทำได้เพียงร้องขอความเมตตาจากหลี่ชิเย่ท่ามกลางการสั่นเทา ขอให้ยอมอภัยให้กับฟ้าดิน อย่างได้ทำลายโลกนี้จนพังพินาศย่อยยับเลย

“ฆ่า…” ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ในเวลานี้เขาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ได้แต่หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา ภายใต้หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ได้แต่สู้ให้ถึงที่สุดเท่านั้น นอกจากสู้จนตัวตายแล้วไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว

ตึง…เสียงกระบี่คำรามขึ้นมา หนึ่งกระบี่ที่สังหารเด็ดขาดฟาดฟันลงมา ด้วยพลังของปฐมบรรพบุรุษ พลังลมปราณที่ไม่มีสิ้นสุด ความมีชีวิตชีวาที่น่าเกรงขามและไม่มีสิ้นสุด…ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ถูกรวบรวมเอาไว้ในหนึ่งกระบี่นี้ หนึ่งกระบี่ที่ประหารโลกา เข่นฆ่ามารทำลายราชัน!

หนึ่งกระบี่ที่ฟาดฟันลงมา มีเพียงการเข่นฆ่าเท่านั้น ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก เนื่องจากภายใต้พลังที่เด็ดขาดนั้น ไม่มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดต่อสู้ชี้ขาดกับพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนที่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง มีกระบวนท่าอะไร ภายใต้พลังที่เด็ดขาดเช่นนี้ ล้วนแล้วแต่ดูเล็กน้อย ดูช่างไร้ค่าคู่ควรจะกล่าวถึง มีเพียงพลังที่แข็งแกร่งที่สุด

เสียงตูม…ดังสนั่น ฟ้าดินถล่มทลาย พลังที่น่ากลัวปราศจากผู้เทียบเทียมกวาดล้างไปทั่วจักรวาล สุริยันจันทราและดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนพลันหายวับไปกับตาในพริบตา ภายใต้การกวาดล้างจากพลังที่น่ากลัวไร้เทียมทานนี้ แม้แต่ดวงดาวที่มีขนาดใหญ่มากกว่านี้ก็ต้องกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที เมื่อถูกพลังที่น่ากลัวเช่นนี้เข้าปะทะ

ท่ามกลางเสียงตูมที่ดังสนั่นฟ้าดินถล่มทลาย สรรพสิ่งเวไนยสัตว์ล้วนแล้วแต่ระมัดระวังตัวกันเต็มที่ ต่างหมอบกับพื้นและตัวสั่นเทาไม่หยุด ภายใต้พลังที่ทำลายพินาศย่อยยับนี้ พวกเขาดูมีขนาดเล็กด้อยค่า ได้แต่รอความตายเพียงอย่างเดียว

การโจมตีที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเด็ดขาดด้วยหนึ่งกระบี่ที่สังหารเด็ดขาด ปรากฏเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสงเจิดจ้าละลานตายิ่งสาดส่องจนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกต้องสลดและอับแสง สุริยันจันทราไร้แสง เสมือนดั่งโลกทั้งโลกตกอยู่ท่ามกลางความมืดมิด

ครั้นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ทุกคนต่างมองเห็นได้ว่า ท่ามกลางเสียงกระบี่คำรามดังตึงนั้น มองเห็นกระบี่มู่หวินถูกหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่จนกระเด็นกระดอน ท่ามกลางเสียงกระบี่คำรามดังตึง กระบี่มู่หวินที่กระเด็นกระดอนไปนั้นพลันบินหนีหายไปบนท้องฟ้า

ภาพเช่นนี้นับว่าน่ากลัวเหลือเกิน กระบี่มู่หวินคือกระบี่ประจำตัวของปฐมบรรพบุรุษมู่หวิน เคยติดตามปฐมบรรพบุรุษมู่หวินกวาดล้างไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแดนดิน แต่ว่า นาที่นี้กระบี่มู่หวินที่ไร้เทียมทานก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา เมื่อสู้ไม่ได้ก็หลบหนีไป

ปัง…เสียงดังสนั่นหวั่นไหว หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ทะลุทะลวงเข้าไป ปะทะเข้ากับวงแหวนศักดิ์สิทธิ์สามวงที่อยู่ข้างกายของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นวิญญาณวิเศษของสี่พุทธาที่สิงอยู่บนร่างราชันแท้จริงมู่เจี้ยน

เสียงแตกละเอียดดังคร๊ากกก คร๊ากกก คร๊ากกกขึ้นมาไม่ขาดสาย แม้แต่สี่พุทธาที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานนาทีนี้ก็ต้านรับกับหนึ่งหมัดที่สุดยอดไร้เทียมทานในหล้าของหลี่ชิเย่เอาไว้ได้ ขณะที่ได้ยินเสียงคร๊ากกกดังขึ้น วงแหวนทั้งสามวงได้แตกละเอียดทีละชั้นๆ ถูกหมัดที่ไร้เทียมทานหมัดนั้นบดขยี้จนแหลกละเอียดไปโดยสิ้นเชิง

สุดท้าย ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่งดังขึ้นมา หลังจากที่หนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ได้บดขยี้วงแหวนศักดิ์สิทธิ์จนแหลกละเอียดไปแล้ว ได้ปะทะใส่ร่างของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนอย่างแรง

อ๊ากกก…เสียงร้องที่เศร้ารันทดน่าเวทนายิ่งดังขึ้น แต่ เสียงร้องที่เศร้ารันทดน่าเวทนายิ่งนี้ไม่ได้ออกมาจากราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่ออกมาจากสี่พุทธา

เนื่องจากวิญญาณวิเศษของสี่พุทธานั้นสิงอยู่กับร่างของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน เมื่อหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ซัดจนวิญญาณวิเศษแหลกละเอียดไปนั้น ผู้ที่โดนเข้าไปเป็นคนแรกไม่ใช่ราชันแท้จริงมู่เจี้ยน แต่เป็นสี่พุทธาที่มีแนวป้องกันที่แข็งแกร่งมากที่สุด

ขณะที่ชะตาแท้ของสี่พุทธานั้นหลอมรวมเข้าด้วยกันกับวิญญาณวิเศษ เมื่อหนึ่งหมัดของหลี่ชิเย่ทำลายวิญญาณวิเศษทั้งสี่จนแหลกละเอียด มองเห็นสีทองบนตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนพลันเหมือนคลื่นที่ม้วนตัวกลับลงทะเลไปอย่างนั้น หนึ่งหมัดที่ซัดเข้าไปบนตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยน ได้ยินเสียงปังดังขึ้น สี่พุทธาถูกกระแทกจนกระเด็นแยกออกมา

แต่ว่า สี่พุทธาได้รองรับกับพลังที่น่ากลัวมากที่สุดเอาไว้แล้ว อ๊ากกกหนึ่งหมัดที่ทำให้สี่พุทธาส่งเสียงร้องน่าเวทนา และกระเด็นแยกออกมา ทันใดนั้นเสียงจี๊ดดังขึ้น ถูกพลังกระแทกจนกลายเป็นหมอกเลือดไป

ขณะที่สี่พุทธาถูกกระแทกจนกลายเป็นหมอกเลือดไปนั้น บนตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนยังคงได้รับการปลุกเสกโดยผู้เฝ้าดูต้นไม้และต้นเหวินจุ๊จินสืออยู่ ดังนั้น บนตัวของเขาจึงมีประกายสีเขียววูบวาบทั่วร่าง

แต่ว่า แม้ผู้เฝ้าดูต้นไม้และต้นเหวินจุ๊จินสือจะมีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่านี้ ก็ไม่สามารถรองรับหนึ่งหมัดที่สุดยอดไร้เทียมทานในหล้านี้ได้ ได้ยินเสียงดังปุดังขึ้น ประกายสีเขียวพลันถูกบดขยี้ทำลายจนมลายหายไป

ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ผู้เฝ้าดูต้นไม้ถูกกระแทกจนกระเด็นออกมา แนวป้องกันของเขาไม่ได้เหมือนดั่งสี่พุทธาที่มีสี่สุดยอดของวิเศษคอยคุ้มครอง เขาจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะร้องเสียงน่าเวทนาดังอ๊ากกกออกมา ก็ได้ยินเสียงปุดังขึ้น ร่างของเขาถูกพลังหมัดบดขยี้จนกลายเป็นหมอกเลือดไป

ท่ามกลางเสียงดังปัง… ได้ยินเสียงกระดูกแตกละเอียดคร๊ากกกดังขึ้น ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกระอักเลือดออกมาอย่างแรง กระดูกทั้งตัวแตกละเอียด

หลังจากที่สี่พุทธา และผู้เฝ้าดูต้นไม้ได้ต้านหนึ่งหมัดที่ไร้เทียมทานที่สุดนี้เอาไว้แล้ว หมัดนี้จึงได้ปะทะซัดถูกตัวของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนจริงๆ ท่ามกลางเสียงปังที่ดังขึ้น มองเห็นพลังลมปรานของราชันแท้จริงมู่เจี้ยนสลายไป พลังลมปราณที่ดั่งคลื่นยักษ์ของเขาถูกหมัดเดียวกระแทกจนแตกสลายไป

ดังนั้น ท่ามกลางเสียงปังเสียงนี้ ลู่เคอะเวิงก็พลันถูกกระแทกจนกระเด็นออกมาเช่นกัน ในขณะที่ลู่เคอะเวิงถูกกระแทกจนกระเด็นออกมานั้นก็ได้กระอัดเลือดออกมาอย่างแรง และสามารถได้ยินกระดูกทั่วร่างที่แตกละเอียดดังคร๊ากกกเช่นกัน

ย่อมไม่ต้องสงสัย ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนกับลู่เคอะเวิงดูจะโชคดีกว่าไม่น้อย เมื่อเทียบกับสี่พุทธาและผู้เฝ้าดูต้นไม้ เนื่องจากทั้งสี่พุทธาและผู้เฝ้าดูต้นไม้ล้วนแล้วแต่เป็นหนังหน้าไฟ เป็นผู้ที่ต้องรับกับพลังหมัดที่แข็งแกร่งมากที่สุด จึงต้องถูกบดยขี้จนกลายเป็นหมอกเลือดไปในพริบตา ถ้าหากไม่ได้พวกเขาสองคนที่ต้านขวางเอาไว้ก่อน เกรงว่าราชันแท้จริงมู่เจี้ยนและลู่เคอะเวิงในเวลานี้ก็ต้องถูกบดขยี้กลายเป็นหมอกเลือดไปในหมัดเดียวเช่นกัน

ได้ยินเสียงดังปังเสียงหนึ่ง ลู่เคอะเวิงที่ถูกกระแทกจนตัวลอยได้กระแทกเข้ากับพื้นอย่างแรง

ลู่เคอะเวิงยังไม่ทันลุกขึ้นก็ถูกหลี่ชิเย่ที่ก้าวเท้าไปข้างหน้าก้าวเดียวเหยียบลงบนตัวลู่เคอะเวิงแล้ว

“ไม่…” ลู่เคอะเวิงรู้สึกหวาดผวาและร้องเสียงดังขึ้นมา แต่ เวลานี้ทุกอย่างสายเกินไปเสียแล้ว แม้ลู่เคอะเวิงคิดจะออกปากขอให้ละเว้นตนก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว

คร๊ากกก…เสียงกระดูกแตกร้าวเสียงหนึ่งดังขึ้น ในเวลานี้หลี่ชิเย่ได้คว้าเขากวางเอาไว้และจัดการดึงมันหลุดติดมือออกมาดื้อๆ

สิ่งที่ถูกหลี่ชิเย่ดึงออกมาดื้อๆ ใช่มีแต่เพียงเขากวางเท่านั้น ยังมีหัวและกระดูกสันหลังที่ติดกันแน่นของลู่เคอะเวิงถูกดึงจนหลุดออกมาจากตัวของลู่เคอะเวิง

เขากวางที่ติดกับส่วนหัว และกระดูกสันหลังถูกหลี่ชิเย่ดึงออกมา เลือดสดๆ หยดเป็นทาง ลู่เคอะเวิงคิดจะร้องเสียงน่าเวทนาออกมาก็ไม่ทัน เสียชีวิตอย่างอนาถทันทีด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่

ภาพนี้สร้างความสะเทือนหวั่นไหวให้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะมองเห็นหลี่ชิเย่ที่ยังคงหิ้วเขากวางเอาไว้ในมือนั้น ยิ่งทำให้ผู้คนต้องหวาดหวั่นพรั่นพรึง

แว้งค์…เสียงหนึ่งดังขึ้น ในเสี้ยววินาทีนี้เอง ระบบถ่ายทอดความคิดทางด้านลัทธิตระกูลมู่ที่เป็นเหตุการณ์ประหลาดบนท้องฟ้าพลันมีมือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งยื่นออกมาอย่างกะทันหัน มือขนาดใหญ่ข้างนี้พลันคว้าไปยังราชันแท้จริงมู่เจี้ยนที่ถูกกระแทกจนตัวลอยทันที

มือขนาดใหญ่ข้างนี้ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายคงความอมตะตลอดกาล ในขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้สติคืนกลับมานั้น มือขนาดใหญ่ที่ตลบอบอวลด้วยกลิ่นอายคงความอมตะตลอดกาลข้างนี้ก็ได้คว้าตัวราชันแท้จริงมู่เจี้ยนเอาไว้ได้และนำตัวเขาไปในพริบตา หายตัวไปท่ามกลางท้องฟ้าในเสี้ยววินาที

การที่มีมือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งโผล่ออกมาและช่วยเหลือราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไปนั้น ขั้นตอนดังกล่าวนับว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ผู้คนจำนวนมากยังไม่ทันมองเห็นได้ชัดเจน และยังไม่ทันมีปฏิกิริยาอะไร ราชันแท้จริงมู่เจี้ยนก็ถูกช่วยเหลือไปแล้ว

สำหรับหลี่ชิเย่ที่ขณะเด็ดเอาหัวของลู่เคอะเวิงออกมานั้น มือขนาดใหญ่ข้างนี้ก็ได้ช่วยเหลือราชันแท้จริงมู่เจี้ยนไปแล้ว โดยหลี่ชิเย่เองก็ไม่ได้ไล่ติดตามไป เพียงจ้องมองด้วยท่าทีเย็นชาแวบหนึ่งเท่านั้น

หลี่ชิเย่จัดการโยนเขากวางที่อยู่ในมือลงพื้นไปตามอารมณ์ เงยหน้ามองดูท้องฟ้าทีหนึ่ง ยิ้มเรียบเฉยและเอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “คิดหรือว่าจะหนีไปได้รึ?” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วได้เผยรอยยิ้มขึ้นมา

…………………………………………

  

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *